
28 สิงหาคม 2568 ที่อาคารรัฐสภา นายเชตวัน เตือประโคน ส.สพรรคประชาชน ในฐานะรองประธานกรรมาธิการการทหาร กมธ.ทหาร กล่าวถึงการพิจารณา กรณีน้ำมันหายที่ มณฑลทหารบกที่ 18 จ.สระบุรี และ จ.นนทบุรี ว่า ในส่วนของน้ำมันที่หาย ที่มณฑลทหารบกที่ 18 จังหวัดสระบุรี นั้น มณฑลทหารบกที่ 18 เป็นเจ้าของน้ำมันซึ่งเป็นผู้เสียหาย เพราะฝากของไว้ที่กองโรงงานรถยนต์ศูนย์ซ่อมสร้างสิ่งอุปกรณ์สายสรรพาวุธ เวลาจะแบ่งใช้แต่ละหน่วยได้หายไป ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า มีความผิดจริง คนที่มีความผิดคือ นายทหารที่ดูแลในส่วนของคลังน้ำมัน รวมถึงทหารยศพันเอกและพลโท ที่ร่วมอยู่ในขบวนการได้มีการสั่งย้ายไปทั้งหมด เพื่อไม่ให้ยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน
ซึ่งต้องได้รับการลงโทษเพราะมีความผิดชัดเจน ขณะเดียวกันกองทัพบกได้ส่งเรื่องนี้ไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อให้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ของ ป.ป.ช. ซึ่งปัจจุบันได้มีการตั้งกรรมการสอดเรื่องของการฟ้องละเมิดแล้ว คาดว่าน่าจะมีการสอบเพิ่มเติมอีก 16 ปาก ซึ่งน่าจะไม่เกินกันยายน หรือตุลาคมนี้ คงจะได้ข้อสรุป อย่างไรก็ตามข้าราชการที่กระทำความผิดได้มีการสั่งย้ายให้ออกจากกระบวนการไปก่อน แต่ก็ต้องรอผลสอบจาก ป.ป.ช.และดำเนินการตามบทลงโทษต่อไป
ส่วนกรณีน้ำมันหายที่พลาธิการทหารบก ที่จังหวัดนนทบุรีนั้น จากผลสอบที่ระบุว่า น้ำมันหายจริง ทำให้รัฐเสียหาย แต่ที่ระบุว่าไม่เป็นการทุจริต ทางเจ้ากรมจเรทหารบก ที่เป็นประธานกรรมการสอบได้ชี้แจงว่าไม่สามารถบอกได้ว่าทุจริตหรือไม่ แต่พบว่าน้ำมันหาย ตรวจสอบแล้วว่า หายทำให้รัฐเสียหาย แต่ไม่สามารถระบุได้ว่า เป็นการทุจริตหรือไม่
อีกทั้งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2566 คนที่ทำเอกสารไม่รู้ว่า ไปถึงไหนต่อไหนแล้ว เพราะฉะนั้นคนเดียวที่จะพุ่งเป้าไปได้คือ คนที่มียศพันเอก ที่เป็น ผอ.กองคลังเชื้อเพลิงตอนนั้น จึงต้องไปสอบที่บุคคลคนนี้ แต่เขาก็ไม่รู้ว่าหายไปได้ยังไง อาจจะไม่ใช่การทุจริตก็ได้ อาจจะมีการคลาดเคลื่อนของการเบิกจ่าย แต่เมื่อทราบว่าสูญหายแล้ว พันเอกคนนี้จึงได้ซื้อน้ำมันมาเติม ด้วยเงินส่วนตัวของตนเอง ซึ่งเป็นการกระทำโดยพละการ ผิดระเบียบของกองทัพบกอย่างชัดเจน
ดังนั้นพันเอกคนนี้จึงต้องโทษทางวินัย และขณะนี้ ทหารยศพันเอกคนนี้ได้ถูกตั้งกรรมการสอบวินัย โดยกรมสารวัตรทหารบก เจ้ากรมพลาธิการได้ชี้แจงเพิ่มเติมว่า แม้ปัจจุบันจะมีระบบบัญชีแบบคอมพิวเตอร์แล้ว แต่ด้วยปริมาณที่มากจึงจำเป็นจะต้องใช้บัญชีมือ ในการกรอกตัวเลขซึ่งเป็นเลขไทยอาจจะทำให้เกิดความเคลื่อนได้
ทั้งนี้ ความรับผิดชอบดังกล่าวอยู่ที่ ผอ.กองคลังเชื้อเพลิงเท่านั้น ขณะที่เจ้ากรมพลาธิการไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ซึ่งในส่วนของพันเอกคนดังกล่าว เจ้ากรมจเรได้พูดชัดเจนว่า ทำให้เกิดน้ำมันหายด้วยการประมาทเลินเล่อ และทำให้รัฐเสียหาย การเลื่อนยศหรือโยกย้ายตำแหน่งของบุคคลคนนี้คงจะไม่เกิดขึ้น