svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

สะพัดมือมืดสกัด “รองนพศิลป์” ขึ้น ผบช. จับตาโค้งสุดท้ายใน ก.ตร.

สะพัดมือมืดสกัด “รองนพศิลป์” ขึ้น ผบช. จากลำดับ 1 บัญชีผู้เหมาะสมของนครบาล ถูกปัดไปอยู่ลำดับ 3 จับตาโค้งสุดท้าย ก.ตร. เคาะโผนายพลตำรวจ

ยังวิจารณ์กันไม่จบ สำหรับผลประชุม “บอร์ดกลั่นกรอง” หรือ คณะกรรมการพิจารณาบัญชีแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับ ตร. เพื่อพิจารณาแต่งตั้งตำรวจระดับ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รอง ผบ.ตร.) ถึง ผู้บังคับการ (ผบก.)หรือ “โผนายพล” วาระประจำปี 2568 ซึ่งปีนี้มีตำแหน่งว่าง ทดแทนผู้ที่เกษียณอายุราชการ และขยับขึ้นตามลำดับ ประกอบด้วย

 

  • รอง ผบ.ตร. 2 ตำแหน่ง 
  • ผู้ช่วย ผบ.ตร. 7 ตำแหน่ง
  • ผู้บัญชาการ(ผบช.) 16 ตำแหน่ง
  • รองผู้บัญชาการ(รองผบช.) 40 ตำแหน่ง
  • ผู้บังคับการ(ผบก.)  71 ตำแหน่ง

สะพัดมือมืดสกัด “รองนพศิลป์” ขึ้น ผบช. จับตาโค้งสุดท้ายใน ก.ตร.

 

สำหรับการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ 2 อันดับแรก คือ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ขึ้นตำแหน่ง รอง ผบ.ตร. 2 ตำแหน่ง และ ผู้บัญชาการ ขึ้น ผู้ช่วย ผบ.ตร. 7 ตำแหน่ง ในส่วนนี้ไม่มีปัญหาใดๆ เนื่องจากตามกฎหมาย ยึดเกณฑ์อาวุโส 100% ทำให้มีการเลื่อนลำดับไปตามอาวุโส รายชื่อที่ผ่านบอร์ดกลั่นกรอง จึงต้องได้รับการแต่งตั้ง 100% ซึ่งชื่อก็ปรากฏตามที่เป็นข่าวไปหมดแล้ว

 

เช่น “บิ๊กราญ” พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. อาวุโสอันดับ 1 อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ขึ้นเป็น รอง ผบ.ตร.ตามอาวุโสโดยอัตโนมัติ และมีลุ้นเป็น ผบ.ตร. ในอนาคต เพราะเกษียณปี 2576 เป็นต้น

ส่วนระดับที่มีปัญหาวิพากษ์วิจารณ์ คือ รองผู้บัญชาการ ขึ้นเป็นผู้บัญชาการ ซึ่งมีตำแหน่งว่าง 16 ตำแหน่ง แต่ใช้เกณฑ์อาวุโส 50% ส่วนอีก 50% พิจารณาจากความรู้ความสามารถ ผลงาน และประสบการณ์ต่างๆ

 

ปรากฏว่า ในกลุ่มอาวุโสตามหลักเกณฑ์ ชื่อที่ออกมา 8 คน (50%) ก็เป็นไปตามลำดับ ไม่มีปัญหา

 

พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์

 

แต่กลุ่มที่เหลืออีก 8 คน ที่พิจารณาจากผลงาน ความรู้ความสามารถ ปรากฏว่าไม่มีชื่อของ “รองนพพล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ซึ่งเป็นนักสืบชั้นครู ฝากผลงานคลี่คลายคดีสำคัญเอาไว้มากมาย ล่าสุดคือ "คดีน้องชมพู่” สามารถหาหลักฐานมัดตัวคนผิดจนดิ้นไม่หลุดได้ ทั้งๆที่เป็นคดีที่รู้กันว่ายากแสนยาก มีแต่พยานแวดล้อม ไม่มีประจักษ์พยาน ผู้ต้องหาก็ปากแข็ง พาเข้าเครื่องจับเท็จยังไม่ยอมจำนน แถมเหตุการณ์ยังเกิดขึ้นในภูมิประเทศปราบเซียน ในป่าบนภูเขา ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงสภาพได้ตลอดเวลาอีกด้วย 

 

สะพัดมือมืดสกัด “รองนพศิลป์” ขึ้น ผบช. จับตาโค้งสุดท้ายใน ก.ตร.

 

โดย พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ เคยมีชื่อเป็นแคนดิเดตขึ้นผู้บัญชาการ ตั้งแต่การแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจเมื่อปีที่แล้ว โดยมีชื่อเข้าบอร์ดกลั่นกรอง แต่ถูกตีตก โดยอ้างอาวุโส

 

ผ่านมาอีก 1 ปี คือปีนี้ รองนพศิลป์ อาวุโสเพิ่มขึ้น และผลงานก็เพิ่มมากขึ้น เพราะร่วมคลี่คลายคดีสำคัญๆ อีกมากมาย รวมถึงคดีโจรใต้เปิดปฏิบัติการนอกสามจังหวัด ลอบวางระเบิดเมืองท่องเที่ยวฝั่งอันดามัน จนเป็นข่าวเกรียวกราว ปรากฏว่ารองนพศิลป์ รับหน้าที่ “ซีลกรุงเทพฯ” สกัดและเอกซเรย์โจรใต้ ไม่ให้ลอบเข้ามาก่อเหตุในเมืองกรุงได้สำเร็จ

 

สะพัดมือมืดสกัด “รองนพศิลป์” ขึ้น ผบช. จับตาโค้งสุดท้ายใน ก.ตร.

 

แต่ปรากฏว่าปีนี้ ชื่อของ พล.ต.ต.นพศิลป์ ไม่เข้ารอบแม้แต่ในบอร์ดกลั่นกรอง ทั้งๆ ที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นอันดับ 1 จากหน่วยต้นสังกัด คือ บช.น. หรือ กองบัญชาการตำรวจนครบาล ซึ่งเป็นหน่วยตำรวจที่สำคัญที่สุดหน่วยหนึ่ง เนื่องจากรับผิดชอบพื้นที่เมืองหลวง หรือ “พื้นที่ไข่แดง” ของประเทศ เป็นที่ตั้งของหน่วยราชการสำคัญทุกหน่วย

 

มีรายงานว่า พล.ต.ต.นพศิลป์ ได้รับการวางตัวให้เป็นผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยตำรวจ เพราะเป็น “ครูสอนนักสืบ” อยู่แล้ว ผลิต “นักสืบ 5 จี” เรียนจบออกมาทำงานแล้วหลายรุ่น จึงถือว่าคุณสมบัติเหมาะสม มีการส่งชื่อเข้าทดสอบตามหลักเกณฑ์ คาดว่าถ้าไม่ได้อันดับ 1 ก็ต้องเป็นอันดับ 2 เพื่อส่งให้คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. เคาะรอบสุดท้าย / แต่กลับมี “มือดี” ปัดชื่อตกไปอยู่อันดับ 3 ทำให้หลุดวงโคจรไปอย่างเจ็บช้ำ

 

สะพัดมือมืดสกัด “รองนพศิลป์” ขึ้น ผบช. จับตาโค้งสุดท้ายใน ก.ตร.

 

งานนี้จึงต้องรอลุ้นว่ามีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นในวงประชุม ก.ตร. ที่มีฝ่ายการเมือง อย่าง “บิ๊กอ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกฯ นั่งหัวโต๊ะหรือไม่ เนื่องจาก “รองนพศิลป์” ร่วมในปฏิบัติการลับสุดเสี่ยง ช่วยรัฐบาลแพทองธารชุดนี้เอาไว้หลายเรื่อง เช่น กรณีส่งอุยกูร์กลับจีน ไม่มีใครกล้าทำ ยกเว้นเสียแต่ว่าฝ่ายการเมืองจะแกล้งลืม