
ยังวิจารณ์กันไม่จบ สำหรับผลประชุม “บอร์ดกลั่นกรอง” หรือ คณะกรรมการพิจารณาบัญชีแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับ ตร. เพื่อพิจารณาแต่งตั้งตำรวจระดับ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รอง ผบ.ตร.) ถึง ผู้บังคับการ (ผบก.)หรือ “โผนายพล” วาระประจำปี 2568 ซึ่งปีนี้มีตำแหน่งว่าง ทดแทนผู้ที่เกษียณอายุราชการ และขยับขึ้นตามลำดับ ประกอบด้วย
สำหรับการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ 2 อันดับแรก คือ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ขึ้นตำแหน่ง รอง ผบ.ตร. 2 ตำแหน่ง และ ผู้บัญชาการ ขึ้น ผู้ช่วย ผบ.ตร. 7 ตำแหน่ง ในส่วนนี้ไม่มีปัญหาใดๆ เนื่องจากตามกฎหมาย ยึดเกณฑ์อาวุโส 100% ทำให้มีการเลื่อนลำดับไปตามอาวุโส รายชื่อที่ผ่านบอร์ดกลั่นกรอง จึงต้องได้รับการแต่งตั้ง 100% ซึ่งชื่อก็ปรากฏตามที่เป็นข่าวไปหมดแล้ว
เช่น “บิ๊กราญ” พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. อาวุโสอันดับ 1 อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ขึ้นเป็น รอง ผบ.ตร.ตามอาวุโสโดยอัตโนมัติ และมีลุ้นเป็น ผบ.ตร. ในอนาคต เพราะเกษียณปี 2576 เป็นต้น
ส่วนระดับที่มีปัญหาวิพากษ์วิจารณ์ คือ รองผู้บัญชาการ ขึ้นเป็นผู้บัญชาการ ซึ่งมีตำแหน่งว่าง 16 ตำแหน่ง แต่ใช้เกณฑ์อาวุโส 50% ส่วนอีก 50% พิจารณาจากความรู้ความสามารถ ผลงาน และประสบการณ์ต่างๆ
ปรากฏว่า ในกลุ่มอาวุโสตามหลักเกณฑ์ ชื่อที่ออกมา 8 คน (50%) ก็เป็นไปตามลำดับ ไม่มีปัญหา
แต่กลุ่มที่เหลืออีก 8 คน ที่พิจารณาจากผลงาน ความรู้ความสามารถ ปรากฏว่าไม่มีชื่อของ “รองนพ” พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ซึ่งเป็นนักสืบชั้นครู ฝากผลงานคลี่คลายคดีสำคัญเอาไว้มากมาย ล่าสุดคือ "คดีน้องชมพู่” สามารถหาหลักฐานมัดตัวคนผิดจนดิ้นไม่หลุดได้ ทั้งๆที่เป็นคดีที่รู้กันว่ายากแสนยาก มีแต่พยานแวดล้อม ไม่มีประจักษ์พยาน ผู้ต้องหาก็ปากแข็ง พาเข้าเครื่องจับเท็จยังไม่ยอมจำนน แถมเหตุการณ์ยังเกิดขึ้นในภูมิประเทศปราบเซียน ในป่าบนภูเขา ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงสภาพได้ตลอดเวลาอีกด้วย
โดย พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ เคยมีชื่อเป็นแคนดิเดตขึ้นผู้บัญชาการ ตั้งแต่การแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจเมื่อปีที่แล้ว โดยมีชื่อเข้าบอร์ดกลั่นกรอง แต่ถูกตีตก โดยอ้างอาวุโส
ผ่านมาอีก 1 ปี คือปีนี้ รองนพศิลป์ อาวุโสเพิ่มขึ้น และผลงานก็เพิ่มมากขึ้น เพราะร่วมคลี่คลายคดีสำคัญๆ อีกมากมาย รวมถึงคดีโจรใต้เปิดปฏิบัติการนอกสามจังหวัด ลอบวางระเบิดเมืองท่องเที่ยวฝั่งอันดามัน จนเป็นข่าวเกรียวกราว ปรากฏว่ารองนพศิลป์ รับหน้าที่ “ซีลกรุงเทพฯ” สกัดและเอกซเรย์โจรใต้ ไม่ให้ลอบเข้ามาก่อเหตุในเมืองกรุงได้สำเร็จ
แต่ปรากฏว่าปีนี้ ชื่อของ พล.ต.ต.นพศิลป์ ไม่เข้ารอบแม้แต่ในบอร์ดกลั่นกรอง ทั้งๆ ที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นอันดับ 1 จากหน่วยต้นสังกัด คือ บช.น. หรือ กองบัญชาการตำรวจนครบาล ซึ่งเป็นหน่วยตำรวจที่สำคัญที่สุดหน่วยหนึ่ง เนื่องจากรับผิดชอบพื้นที่เมืองหลวง หรือ “พื้นที่ไข่แดง” ของประเทศ เป็นที่ตั้งของหน่วยราชการสำคัญทุกหน่วย
มีรายงานว่า พล.ต.ต.นพศิลป์ ได้รับการวางตัวให้เป็นผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยตำรวจ เพราะเป็น “ครูสอนนักสืบ” อยู่แล้ว ผลิต “นักสืบ 5 จี” เรียนจบออกมาทำงานแล้วหลายรุ่น จึงถือว่าคุณสมบัติเหมาะสม มีการส่งชื่อเข้าทดสอบตามหลักเกณฑ์ คาดว่าถ้าไม่ได้อันดับ 1 ก็ต้องเป็นอันดับ 2 เพื่อส่งให้คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. เคาะรอบสุดท้าย / แต่กลับมี “มือดี” ปัดชื่อตกไปอยู่อันดับ 3 ทำให้หลุดวงโคจรไปอย่างเจ็บช้ำ
งานนี้จึงต้องรอลุ้นว่ามีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นในวงประชุม ก.ตร. ที่มีฝ่ายการเมือง อย่าง “บิ๊กอ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกฯ นั่งหัวโต๊ะหรือไม่ เนื่องจาก “รองนพศิลป์” ร่วมในปฏิบัติการลับสุดเสี่ยง ช่วยรัฐบาลแพทองธารชุดนี้เอาไว้หลายเรื่อง เช่น กรณีส่งอุยกูร์กลับจีน ไม่มีใครกล้าทำ ยกเว้นเสียแต่ว่าฝ่ายการเมืองจะแกล้งลืม