svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

เตือนไทยอย่าประมาทกัมพูชา! อดีตบิ๊ก สมช. เผย "ข้อตกลงหยุดยิง" ยกเลิกได้เสมอ

เตือนไทยอย่าประมาท! อดีตบิ๊ก สมช. เปิดแผน "บีบกัมพูชา" ให้จนมุม! เผย "ข้อตกลงหยุดยิง" ยกเลิกได้เสมอ มองไทยอ่านการเมืองระหว่างประเทศของกัมพูชาไม่ขาด ทำให้เสียเปรียบและคอยแก้ต่างอยู่เสมอ ยกเคส "อเมริกา" พ่ายแพ้สงครามเวียดนาม ทั้งที่มีความพร้อมด้านการทหารมากกว่า แต่กลับพ่ายแพ้ในด้านการเมือง

14 สิงหาคม 2568 พล.ท.พงศกร รอดชมพู อดีตรองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ให้สัมภาษณ์กับเนชั่นทีวี ถึงสถานการณ์ความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา โดยมีประเด็นสำคัญดังนี้

พล.ท.พงศกร รอดชมพู อดีตรองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)

 

สถานการณ์การปะทะและการตอบโต้


พล.ท.พงศกร ระบุว่า มีเหตุการณ์ที่ฝ่ายกัมพูชาทิ้งระเบิดเข้ามาในฝั่งไทยเป็นครั้งที่ 5 ซึ่งกองทัพไทยมีความพร้อมที่จะตอบโต้ อย่างไรก็ตาม การตอบโต้ต้องเป็นไปตามหลักการป้องกันตนเองโดยชอบธรรมตามมาตรา 51 ของกฎบัตรสหประชาชาติ คือต้องสมเหตุสมผลและเหมาะสมกับสถานการณ์  

พล.ท.พงศกร ชี้ว่าหากเป็นการทิ้งระเบิดซึ่งถือเป็นเหตุการณ์เล็กน้อย การใช้กำลังทหารเต็มรูปแบบอาจถูกมองว่าเป็นการรุกราน และขณะนี้ฝ่ายกัมพูชาได้ยื่นเรื่องต่อสหประชาชาติ (UN) แล้ว 

แนวทางการแก้เกมและการกดดัน

อดีตรองเลขาธิการ สมช. ได้เสนอแนวทางการแก้เกมว่า ฝ่ายไทยจำเป็นต้องสร้างแรงกดดันให้กัมพูชาไม่สามารถขยับตัวได้ โดยใช้มาตรการต่างๆ เช่น การคุมเข้มด่านชายแดน, การปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และการยื่นเรื่องต่อศาลอาญาระหว่างประเทศ

พล.ท.พงศกร ประเมินว่าสถานการณ์ในปัจจุบันยังคงปลอดภัย เนื่องจากจะมีการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ในอีก 3 สัปดาห์ข้างหน้า เพื่อหารือเรื่องการถอนกำลังและวัตถุระเบิด แต่หากการประชุม GBC ล้มเหลว ก็มีความเป็นไปได้ที่อาจเกิดการใช้กำลังเพื่อชิงพื้นที่อีกครั้ง 

โดย อดีตรองเลขาธิการ สมช. ได้เตือนว่าไม่ควรประมาท เพราะข้อตกลงหยุดยิงสามารถยกเลิกได้เสมอ และสถานการณ์อาจกลับไปสู่การสู้รบได้อีก โดยยุทธวิธีที่ดีที่สุดสำหรับไทยคือไม่ควรเป็นฝ่ายเริ่มก่อน เนื่องจากมีศักยภาพด้านอาวุธที่เหนือกว่าและแม่นยำกว่า เพื่อให้ประชาคมโลกเห็นว่ากัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่มต้นความขัดแย้ง

ข้อควรระวังและข้อเสนอแนะ


พล.ท.พงศกร แสดงความกังวลต่อการสื่อสารของรัฐบาลที่อาจทำให้ประชาชนเข้าใจผิดและเกิดความประมาท พร้อมทั้งเสนอให้เชิญผู้เชี่ยวชาญจากอนุสัญญาออตตาวา (สนธิสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล) ลงพื้นที่ตรวจสอบ เพื่อให้เห็นสถานการณ์จริงและช่วยเผยแพร่ข้อมูลสู่สายตาชาวโลก ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อฝ่ายไทยทั้งในแง่การเจรจาและการใช้กำลัง

นอกจากนี้ อดีตรองเลขาธิการ สมช.ยังวิจารณ์ว่าที่ผ่านมาฝ่ายไทยมักจะประมาทและมองเกมการเมืองระหว่างประเทศของกัมพูชาไม่ขาด ทำให้ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบและต้องคอยแก้ต่างอยู่เสมอ โดยได้ยกตัวอย่างกรณีของสหรัฐอเมริกาที่พ่ายแพ้ในสงครามเวียดนาม แม้จะมีความพร้อมด้านการทหารมากกว่า แต่พ่ายแพ้ในด้านการเมือง