
6 สิงหาคม 2568 ทูตรัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกระแสเรียกร้องจากบางฝ่าย ให้ไทยยกเลิก MOU (เอ็มโอยู) และ 44 หลังจากกัมพูชาไม่จริงใจเจรจา และก่อสงครามกับไทย ว่า การยกเลิกสามารถทำได้ แต่การยกเลิกฝ่ายเดียว อาจไม่มีผลทางกฎหมายระหว่างประเทศ เพราะโดยหลักการต้องยกเลิกพร้อมกันทั้งสองประเทศ เนื่องจากเอ็มโอยู 43 และ 44 มีสถานะเป็นเหมือน “สนธิสัญญา” แม้ชื่อจะเรียก เอ็มโอยู ก็ตาม
ทูตรัศม์ บอกอีกว่า เรื่องเอ็มโอยูทั้งสองฉบับ เท่าที่ประเมิน คิดว่ากัมพูชาอยากยกเลิกอยู่แล้ว เพราะเป็นฝ่ายละเมิดข้อตกลงในเอ็มโอยูตลอดเวลา
แต่การที่ไทยจะยกเลิก ควรพิจารณาอย่างรอบคอบ เพราะจะเท่ากับเป็นการยกเลิกกรอบในการเจรจา ซึ่งหากในอนาคตจะเจรจากันใหม่ ก็ไม่มีกรอบในการเจรจา ต้องไปทำเอ็มโอยูฉบับใหม่อยู่ดี
สำหรับเอ็มโอยู 43 และ 44 เป็นกรอบการพูดคุยกันแบบทวิภาคีว่า เป็นเรื่องอะไรบ้าง และมีกลไกอย่างไร แต่ไม่ได้มีการกำหนดผลลัพธ์
ส่วนตัวมองว่า ถ้ายกเลิก คือเข้าทางกัมพูชา แต่การคงไว้ แม้จะไม่สามารถเจรจาอะไรกันต่อได้ แต่เราสามารถนำไปอ้างกับชาวโลกได้ว่า กัมพูชาไม่ยอมปฏิบัติตามเอ็มโอยู