มรดกสหรัฐ “ฮุนมาเนต” โชว์ทัพส่วนตัว “รบพิเศษ 911” พลีชีพสมรภูมิตาควาย

6 สิงหาคม 2568 ส่องกองทัพส่วนตัว ฮุนมาเนต รบพิเศษ 911 มรดกกองทัพสหรัฐฯ ปะทะทหารไทยในสมรภูมิชายแดน ทั้งปี 54 และปี 68

ยุทธการชิงปราสาทตาควาย ฮุนมาเนต สั่งรบพิเศษ 911 ลุยเดือด กลาโหมกัมพูชา ยังปิดข้อมูลทหารเสียชีวิตและบาดเจ็บ  

เมื่อวันที่ 5 ส.ค.2568 เพจ PuDara อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังกัมพูชา ที่ทำงานจิตอาสาช่วยประสานงานครอบครัวทหารที่เสียชีวิตและบาดเจ็บ ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความสดุดีทหารหน่วยรบพิเศษ 911 ที่พลีชีพเพื่อชาติ

นี่เป็นครั้งแรกที่มีการยอมรับผ่านโซเชียลเขมรว่า มีทหารสังกัดหน่วยรบพิเศษ 911 เสียชีวิต โดยก่อนหน้านี้ มีเพียงข่าวชาวบ้านพูดกันว่า ทหารหน่วยนี้ตายและบาดเจ็บเยอะ

หน่วยปฏิบัติการพิเศษ 911 เป็น 1 ใน 3 กองกำลังส่วนตัวที่ ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรี สร้างมากับมือสมัยที่เป็น ผบ.กองพลน้อยที่ 70 มีภารกิจหลักคือ ต่อต้านการก่อการร้าย 

ย้อนไปช่วงก่อนเที่ยงคืนวันที่ 28 ก.ค.2568 มีรายงานข่าวว่า สมเด็จฮุน เซน สั่งให้ทหารหน่วยองครักษ์ BHQ บุกตีทหารไทย หวังยึดปราสาทตาควายให้เบ็ดเสร็จ

มีข้อมูลจากทางฝั่งกัมพูชาคือ ทหารเขมรที่ปะทะกับทหารรบพิเศษ ร.31 รอ.ที่สมรภูมิตาควายคือ หน่วยปฏิบัติการพิเศษที่ 911 กองพันจู่โจมตีที่ 6 ไม่ใช่หน่วยองครักษ์ BHQ

การศึกหนนี้ หน่วยองครักษ์ BHQ ทำหน้าที่ควบคุมการยิงจรวดหลายลำกล้อง BM-21 ซึ่งมีความชำนาญมากกว่าหน่วยอื่น เพราะได้รับการฝึกจากทหารกองทัพประชาชนจีน

หน่วยองครักษ์ BHQ เป็นทหารอารักขาในเมือง ไม่ได้ฝึกมาเพื่อการรบในป่าเขา แต่มีความชำนาญในการใช้อาวุธสมัยใหม่ ทั้งปืนใหญ่ จรวดหลายลำกล้อง และโดรนทิ้งระเบิด

ที่มาหน่วยรบพิเศษ 911
 

สมัยที่ ฮุน มาเนต ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้ยกระดับ “กองกำลังพิเศษ” ที่มีอยู่ 3 หน่วย ให้เป็นหน่วยรบสุดแกร่งของกองทัพกัมพูชา

1.กองพลน้อยที่ 70 หน่วยองครักษ์พิทักษ์ฮุนเซนยุคแรกๆ ที่ได้รับการช่วยเหลือจากกองทัพเวียดนาม

2.หน่วยบัญชาการปฏิบัติการพิเศษ หรือกรมปฏิบัติการพิเศษที่ 911 ได้รับการฝึกฝนจากกองทัพสหรัฐฯ หลังเหตุการณ์ 9-11

3.หน่วยองครักษ์ (Bodyguard Headquarters: BHQ) ที่ได้รับการช่วยเหลือจากกองทัพประชาชนจีน ในช่วง 10 ปีมานี้

หน่วย BHQ จึงมีรถหุ้มเกราะ รถถัง รวมทั้งจรวดหลายลำกล้องทั้ง BM-21 และ PHL-03 ที่สั่งซื้อมาจากจีน

ย้อนไปปี 2540 สมเด็จฮุน เซน ได้จัดตั้ง “กองพลน้อยที่ 70” เป็นหน่วยรบเฉพาะกิจคู่กับหน่วยองครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน

กำลังพลส่วนใหญ่ในกองพลน้อยที่ 70 จะเป็นอดีตทหารเขมรแดง ที่มาจาก จ.ไพลิน ซึ่งเป็นหน่วยรบที่ผ่านการรบมาโชกโชน

ปี 2540 ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีคนที่ 2 สั่งกองพลน้อยที่ 70 ก่อการรัฐประหารโค่นเจ้านโรดม รณฤทธิ์ นายกรัฐมนตรีคนที่ 1 จึงทำให้ฮุน เซน มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดมาจนถึงทุกวันนี้

หลังเหตุการณ์วินาศกรรมช็อกโลก 11 ก.ย.2544 ฮุน มาเนต ในฐานะ ผบ.กองพลน้อยที่ 70 ได้เจรจากับรัฐบาลสหรัฐฯ ขอความช่วยเหลือด้านการทหาร เพื่อป้องกันการก่อการร้าย

สหรัฐฯ จึงทุ่มงบประมาณให้รัฐบาลกัมพูชา พัฒนาและยกระดับกองพลน้อยที่ 70 เป็นหน่วยต่อต้านการก่อการร้ายสากล

ปัจจุบัน ที่ตั้งของกองพลน้อยที่ 70 หน่วยปฏิบัติการพิเศษที่ 911 และหน่วยทหารองครักษ์ BHQ อยู่ที่ อ.ตาขะเมา จ.กันดาล
 

กองทัพส่วนตัวตระกูลฮุน
 

ทำไม สมเด็จฮุน เซน จึงจัดตั้งกองกำลังพิเศษ ซึ่งภักดีต่อตระกูล “ฮุน”เป็นการเฉพาะ

คำตอบคือ กองทัพกัมพูชาในระยะแรกๆ เป็นการหลอมรวมจากทหารเขมร 4 ฝ่ายคือ เขมรเฮงสำริน(ฮุนเซน) เขมรสีหนุ เขมรซอนซาน และเขมรแดง

แม้ ฮุน เซน จะเป็นนายกรัฐมนตรี หลังการเลือกตั้งปี 2536 แต่ก็ยังควบคุมกองทัพกัมพูชาได้แค่ 30% เนื่องจากทหารในส่วนภูมิภาค ยังขึ้นตรงต่อผู้บัญชาการคนเดิม

ดังนั้น ฮุน เซน จึงหาทางออกโดยการตั้งกองทัพส่วนตัวคือ กองพลน้อยที่ 70 ,รบพิเศษ 911 และหน่วยองครักษ์ BHQ

ไม่น่าแปลกใจที่สองพ่อลูก “ฮุน เซน-ฮุน มาเนต” จะดูแลเอาใจใส่เฉพาะกองกำลังส่วนตัวทั้ง 3 หน่วยนี้เท่านั้น

ช่วงการหยุดยิงตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา จึงมีกระแสข่าว สมเด็จฮุน เซน และ นายกฯฮุน มาเนต ทิ้งศพทหารท้องถิ่น ทหารบ้านไว้ในสมรภูมิชายแดนไทย-กัมพูชา

ด้วยเหตุนี้ ในโซเชียลชาวกัมพูชา จึงมีครอบครัวทหารที่ประกาศตามหาญาติที่ไปรบชายแดน ซึ่งไม่ทราบว่า เป็นตายร้ายดีอย่างไร

คนเขมรที่อาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกา จึงจัดตั้ง “กองทุนกู้ชาติเขมรเพื่อประชาธิปไตย-KDRF” เพื่อเป็นสื่อกลางระหว่างครอบครัวในแนวหลัง และทหารในแนวหน้า