
5 สิงหาคม 2568 คณะพนักงานสืบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ในเรื่องสืบสวนที่ 97/2568 ได้ประชุม เพื่อพิจารณากรณีข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการครอบครองและการออกเอกสารสิทธิในที่ดินเขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ อันอาจเป็นที่ดินของรัฐ และเกี่ยวข้องกับกลุ่มคณะบุคคลหลายฝ่าย การดำเนินการดังกล่าวสืบเนื่องจากมีผู้ร้องขอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษตรวจสอบการได้มาซึ่งสิทธิครอบครองที่ดินของกลุ่มบุคคลบางกลุ่มที่อาจไม่ชอบด้วยกฎหมาย
คณะพนักงานสืบสวนได้กำหนดแนวทางการดำเนินงานในเบื้องต้น ได้แก่ การสอบปากคำพยานบุคคลที่เกี่ยวข้อง การรวบรวมและตรวจสอบพยานหลักฐาน การประสานเอกสารจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมที่ดิน การรถไฟแห่งประเทศไทย และจังหวัดบุรีรัมย์
จากการสืบสวนเบื้องต้นพบว่า เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2498 การรถไฟแห่งประเทศไทยได้มีการแจ้ง ส.ค.1เลขที่ 1180 เนื้อที่ประมาณ 5,083 ไร่ โดยการได้มาของที่ดิน ตามพระราชกฤษฏีกากำหนดเขตร์สร้างทางรถไฟพ.ศ. 2464 เป็นการที่ทางรถไฟแสดงถึงการนำเอาที่ดิน ที่ได้มีการหวงห้ามเอาไว้ตาม พรฎ. 2464 มาแจ้ง ส.ค.1 เนื่องจากการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้ครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินก่อนวันที่ประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับ (1 ธันวาคม 2497) โดยไม่มีหนังสือแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดิน จึงได้ไปแจ้งการครอบครองต่อนายอำเภอเมืองบุรีรัมย์ เพื่อเป็นพยานหลักฐาน
นอกจากนี้ยังพบว่าในบริเวณที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย มีราษฎรหลายรายแจ้ง ส.ค.1 ไว้เช่นเดียวกัน ซึ่งการแจ้ง ส.ค.1 ตาม มาตรา 5 แห่ง พระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 ไม่ก่อให้เกิดสิทธิขึ้นใหม่แก่ผู้แจ้ง ส.ค.1 แต่ประการใด และมาตรา 10 ที่ดิน ที่หวงห้ามไว้ตามพระราชบัญญัติสงวนหวงห้ามที่ดินว่างเปล่าอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน พ.ศ. 2478 หรือกฎหมายอื่น ก่อนวันที่ประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับให้เป็นที่หวงห้ามต่อไป ดังนั้นผู้ที่แจ้ง ส.ค.1 แปลงอื่นต้องห้ามไม่ให้ออกเอกสารสิทธิที่ดิน เนื่องจากเป็นที่หวงห้ามของการรถไฟแห่งประเทศไทย เว้นแต่พิสูจน์ได้ว่ามีสิทธิดีกว่าได้ครอบครอง มาก่อน พระราชกฤษฏีกากำหนดเขตร์สร้างทางรถไฟ พ.ศ. 2464
นอกจากนี้พบว่า การรถไฟแห่งประเทศไทยได้เคยนำ ส.ค.1 ไปยื่นขอออกโฉนดที่ดินเมื่อเดือนมิถุนายน 2530 และมีการนำรังวัดได้โฉนดที่ดิน 13 แปลง เนื้อที่ประมาณ 477 ไร่ ส่วนที่เหลือมีเหตุขัดข้องไม่สามารถดำเนินการได้ จึงค้างการดำเนินการอยู่ที่สำนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ จากสารบบที่ดินจะมีหนังสือแจ้งเตือนว่าหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินฉบับนี้อยู่ในเขตที่ดินการรถไฟแห่งประเทศไทย ก่อนจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมใดๆ ให้แจ้งคู่กรณีทราบถึงสาเหตุที่หนังสือแสดงสิทธิที่ดินอาจถูกยกเลิกเพิกถอน หรือแก้ไขหากคู่กรณีทราบแล้วยังประสงค์จะดำเนินการให้บันทึกถ้อยคำไว้แล้วจดทะเบียนต่อไปได้
นอกจากนี้ ยังพบว่ามีผู้ครอบครองที่ดินในพื้นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย เป็นนิติบุคคลเพียงรายเดียวที่ครอบครองที่ดินเนื้อที่มากกว่า 400 ไร่เศษ หากพบว่าผู้ครอบครองรายใดการกระทำผิดทางอาญาที่เกี่ยวกับออกเอกสารสิทธิในที่ดิน อาจเป็นความผิดมูลฐานฟอกเงิน ในความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติหรือสิ่งแวดล้อม
โดยการใช้ ยึดถือ หรือครองครองทรัพยากรธรรมชาติ หรือกระบวนการแสวงหาผลประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติโดยมิชอบด้วยกฎหมายอันมีลักษณะเป็นการค้า รวมทั้งอาจมีเจ้าหน้าที่ของรัฐหลายหน่วยงานเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ก็จะดำเนินการไปตามอำนาจหน้าที่ต่อไป