svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

การเลือกตั้งเมียนมา 2025 “ขยะใต้พรม” ที่อาเซียนอาจแบกรับไม่ไหว?

นักวิชาการมองการเลือกตั้งเมียนมา 2025 เป็นเพียงเครื่องมือของรัฐบาลทหาร “ขยะใต้พรม” ที่อาเซียนอาจแบกรับไม่ไหว?

อาจารย์ฐิติวุฒิ บุญยวงศ์วิวัชร อาจารย์คณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งเชี่ยวชาญด้านกลุ่มชาติพันธุ์ในเมียนมา แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการเลือกตั้งของเมียนมาที่กำลังจะเกิดขึ้นในปีนี้ โดยระบุว่า การประกาศจัดการเลือกตั้งทั่วไปในช่วงปลายปี ค.ศ. 2025 ของรัฐบาลทหารเมียนมา อาจจะเป็นเพียงภาพมายาที่ถูกสร้างขึ้น เพื่อปลอบประโลมประชาคมโลก และสังคมภายในประเทศว่า กระบวนการประชาธิปไตยกำลังกลับคืนสู่เส้นทางที่ควรจะเป็น

ทว่าภายใต้ภาพลวงตานั้นกลับเต็มไปด้วยความบิดเบี้ยวของโครงสร้างอำนาจ และการใช้กำลังทางทหารที่ยังคงดำเนินอย่างเข้มข้น กล่าวคือ แม้การเลือกตั้งดังกล่าวจะถูกคัดค้านอย่างแข็งขันจากกลุ่มฝ่ายต่อต้าน ทั้งรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ (NUG) กองกำลังชาติพันธุ์ (EROs) และเครือข่ายประชาชนผู้ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ด้วยเหตุผลที่ว่าการเลือกตั้งนี้ไม่อาจจะถือได้ว่าเป็นไปตามหลักการ Free and Fair อย่างแท้จริง

อาจารย์ฐิติวุฒิ บุญยวงศ์วิวัชร อาจารย์คณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

 

หากแต่ในทางกลับกัน รัฐบาลทหารเมียนมากลับเดินหน้าใช้ “ชัยชนะทางทหาร” ในการขยายพื้นที่ที่สามารถจัดการเลือกตั้งได้จริง โดยข้อมูลจาก BNI Myanmar Peace Monitor พบว่าภายในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2025 รัฐบาลทหารสามารถยึดคืนเมืองที่เคยตกอยู่ภายใต้การควบคุมของฝ่ายต่อต้านได้ถึง 7 เมือง แม้ว่ายังเหลืออีก 94 เมืองที่ยังคงอยู่นอกเหนืออำนาจก็ตาม

การรุกคืบทางทหารเช่นนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงเพราะยุทธวิธีการรบในสนาม แต่ยังเป็นผลจากการใช้กลยุทธ์การแบ่งแยกและปกครอง ทั้งการแพร่กระจายข้อมูลบิดเบือนเพื่อสร้างความแตกร้าวในกลุ่มกองกำลังต่อต้าน การอาศัยเครือข่ายกองกำลังท้องถิ่นที่อยู่ภายใต้การควบคุม เช่น กลุ่มพิทักษ์ชายแดน (BGF) และกลุ่มกองกำลังทหารอาสาชาติพันธุ์ เช่น กลุ่มปะโอ เป็นต้น ตลอดจนการระดมโจมตีทางอากาศที่เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่

การเลือกตั้งเมียนมา 2025 “ขยะใต้พรม” ที่อาเซียนอาจแบกรับไม่ไหว?


 

ในอีกด้านหนึ่ง รัฐบาลทหารได้ออกกฎหมายคุ้มครองการเลือกตั้งจากการขัดขวางและทำลาย ซึ่งกำหนดบทลงโทษขั้นสูงสุดถึงประหารชีวิต สำหรับผู้ที่ต่อต้านกระบวนการเลือกตั้ง อันเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะดำเนินไปในบรรยากาศแห่งความหวาดกลัวมากกว่าการเปิดพื้นที่ให้ประชาชนแสดงเจตจำนงอย่างเสรี

แม้ว่าการเลือกตั้งในครั้งนี้จะมิได้ร้อยเปอร์เซ็นต์สมบูรณ์ตามหลักการประชาธิปไตย แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าหากรัฐบาลทหารสามารถขยายพื้นที่ควบคุมได้เพิ่มขึ้นในระยะเวลาที่เหลือ การเลือกตั้งก็จะเป็นเครื่องมือที่ช่วยเขยิบทางลงอย่างช้าๆ ให้แก่รัฐบาลทหารเมียนมาในการสร้างความชอบธรรมให้กับตนเองในสายตาของประชาคมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศอาเซียนที่กำลังเผชิญกับแรงกดดันทั้งภายในและภายนอกว่า ควรจะดำเนินการอย่างไรกับวิกฤตการณ์เมียนมาในระยะยาว

อย่างไรก็ตาม หากอาเซียนยอมรับรองผลการเลือกตั้งภายใต้เงื่อนไขเช่นนี้  กลับไม่ได้หมายถึงการนำพาสันติภาพหรือเสถียรภาพกลับคืนสู่ภูมิภาคแต่อย่างใด ในทางตรงกันข้าม จะเป็นเพียงการกวาดขยะซุกไว้ใต้พรมที่จะยิ่งทำให้ปัญหาหมักหมมและซุกซ่อนภัยคุกคามความมั่นคงไว้มากยิ่งขึ้น เพราะตราบใดที่สุญญากาศของอำนาจอธิปไตย ในพื้นที่นอกการควบคุมของรัฐยังคงอยู่ กระบวนการผลิตยาเสพติด การค้ามนุษย์ และการขยายอิทธิพลของกลุ่มติดอาวุธภาคประชาชนย่อมจะยังคงดำเนินต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

ฉะนั้นแล้ว คำถามที่สำคัญกว่าการเลือกตั้งในปลายปีนี้คือ “อาเซียนพร้อมจะเป็นเพียงพยานรู้เห็นในการกวาดขยะใต้พรม หรือจะเลือกเดินหน้าเข้าสู่การจัดการปัญหาอย่างตรงจุดด้วยกลไกการเจรจาและแผนยุทธศาสตร์สันติภาพอย่างแท้จริง?”

การเลือกตั้งเมียนมา 2025 “ขยะใต้พรม” ที่อาเซียนอาจแบกรับไม่ไหว?