svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

เปิดคำบรรยายอย่างเป็นทางการ ของไทยต่อคณะทูตทหาร 23 ชาติ

เปิดคำบรรยายอย่างเป็นทางการ ของฝ่ายไทยต่อคณะทูตทหาร 23 ชาติ-สื่อต่างประเทศ ชี้แจงสถานการณ์ชายแดน ไทย-กัมพูชา ลำดับเหตุการณ์ การตอบโต้ การโป้ปดใช้ระเบิดเคมี

1 สิงหาคม 2568 กรณีศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพบก (ศปส.ทบ.) นำคณะผู้ช่วยทูตทหาร 23 ประเทศ สื่อมวลชนไทย และสื่อต่างประเทศ ลงพื้นที่สังเกตการณ์ในพื้นที่พลเรือน โรงพยาบาล ที่ได้รับผลกระทบ จากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในพื้นที่ได้รับความเสียหาย การละเมิดข้อตกลงหยุดยิงของฝ่ายกัมพูชา 

 

โดยวันนี้คณะได้นำทูตทหาร ไปพื้นที่ทหารกัมพูชายิงจรวดใส่ร้านสะดวกซื้อ สถานีบริการนำมัน ปตท.บ้านมือ ต.หนองหญ้าลาด อ.กัทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งทำให้ประชาชนคนไทยเสียชีวิต 8 ราย หนึ่งในนั้นเป็นเด็กอายุ 7-8 ปี และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกจำนวน 10 ราย

 

เปิดคำบรรยายอย่างเป็นทางการ ของไทยต่อคณะทูตทหาร 23 ชาติ

 

ก่อนเดินทางต่อไปยัง รร.ภูมิชรอลวิทยา ต.เสาธงชัย และเดินทางต่อไปยัง รพ.สต.บ้านชำเม็ง ต.เสาธงชัย สังเกตการณ์พื้นที่ที่ได้รับความเสียหาย ก่อนจะเดินทางต่อไปยังศูนย์พักพิง วิทยาลัยเทคโนโลยี กันทรลักษ์

ทั้งนี้ การนำคณะทูต และผู้ช่วยทูตทหาร สื่อมวลชนไทย และสื่อมวลชนต่างประเทศ ลงพื้นที่สังเกตการณ์พื้นที่พลเรือน ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์สำคัญ เพื่อลำดับเหตุการณ์ ชี้แจงข้อเท็จจริง สถานการณ์ปัจจุบัน และการตอบโต้การบิดเบือนข้อมูลของฝ่ายกัมพูชา เกี่ยวกับเหตุการณ์ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา และรายงานการดำเนินการกองทัพ เพื่อรักษาอธิปไตย โดยยึดมั่นหลักกฎหมายระหว่างประเทศ และย้ำถึงความมุ่งมั่นของไทยจะแก้ปัญหาด้วยความจริงใจ และโดยสันติวิธี ผ่านกลไกทวิภาคีที่ไทย และกัมพูชามีร่วมกัน

 

เปิดคำบรรยายอย่างเป็นทางการ ของไทยต่อคณะทูตทหาร 23 ชาติ

 

โดยฝ่ายกระทรวงการต่างประเทศ นำโดย นายรัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ , นางสาวชยิกา วงศ์นภาจันทร์ ที่ปรึกษาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ  และนายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ

 

โดยคณะทูต และผู้ช่วยทูตทหาร ลงพื้นที่ในครั้งนี้ มีเอกอัครราชทูต 3 ประเทศ เข้าร่วมประกอบด้วย บรูไน , ญี่ปุ่น และเมียนมา , ระดับอุปทูต 3 ประเทศ ประกอบด้วย มาเลเซีย , สปป.ลาว  และอินโดนีเซีย , ผู้แทนทางการทูตระดับต่าง ๆ 5 ประเทศ ประกอบด้วย สหรัฐฯ , สิงคโปร์ , จีน , เวียดนาม และฟิลิปปินส์ รวม 11 ประเทศ

เปิดคำบรรยายอย่างเป็นทางการ ของไทยต่อคณะทูตทหาร 23 ชาติ

 

ผู้ช่วยทูตทหาร รวม 23 ประเทศ ประกอบด้วย สหรัฐอเมริกา , จีน , มาเลเซีย , ปากีสถาน , เกาหลีใต้ , รัสเซีย , สิงคโปร์ , เยอรมัน , อินเดีย , สปป.ลาว , แคนาดา , ฝรั่งเศส , ฟิลิปปินส์ , ญี่ปุ่น , เวียดนาม , อิตาลี , เนเธอร์แลนด์ , อินโดนิเซีย , สวีเดน , สวิตเซอร์แลนด์ , บรูไน , ทูร์เคีย และสหราชอาณาจักร

 

คำบรรยายอย่างเป็นทางการของฝ่ายไทย ต่อคณะทูตทหาร และสื่อต่างประเทศ

 

ในนามของกองทัพบก ผมขอขอบคุณทุกท่านที่ให้ความสำคัญและเข้าร่วมรับฟังคำชี้แจงอย่างเป็นทางการในวันนี้

 

การบรรยายครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงอย่างตรงไปตรงมาเกี่ยวกับเหตุการณ์ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งนำเสนอ การดำเนินงานของกองทัพ ในการรักษาอธิปไตย และยึดมั่นในหลักกฎหมายระหว่างประเทศ และย้ำถึงความมุ่งมั่งของกองทัพที่จะแก้ปัญหา ด้วยทวิภาคีที่ไทย และกัมพูชามีอยู่ ด้วยความจริงใจและโดยสันติวิธีมาโดยตลอด

 

โดยมีหัวข้อบรรยายสรุปสาระสำคัญ ดังนี้

  • ลำเหตุการณ์และข้อเท็จจริง
  • สถานการณ์ปัจจุบัน
  • การตอบโต้การบิดเบือนข้อมูลของฝ่ายกัมพูชา

 

เปิดคำบรรยายอย่างเป็นทางการ ของไทยต่อคณะทูตทหาร 23 ชาติ

 

1. ลำเหตุการณ์และข้อเท็จจริง

 

1.1 ลำดับเหตุการณ์

ตั้งแต่ต้นปี 2568 ฝ่ายกัมพูชาดำเนินการยั่วยุ เพื่อสร้างความตึงเครียด ด้วยกิจกรรมทางทหาร และพลเรือน โดยมีลำดับเหตุการณ์ที่สำคัญ ดังนี้

  • 13 ก.พ. 68 การพานักท่องเที่ยวขึ้นมาร้องเพลงปลุกใจในพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม
  • 28 ก.พ. 68 การเผาศาลาตรีมุข ซึ่งเป็นสิ่งก่อสร้างเชิงสัญลักษณ์ด้านความร่วมมือระหว่างประเทศ ระหว่างไทย กัมพูชา และ สปป.ลาว
  • ห้วงเดือน มี.ค. ถึง เม.ย.68 ทหารกัมพูชา ดัดแปลงภูมิประเทศบริเวณแนวชายแดน เพื่อวัตถุประสงค์ทางการทหารเช่น การเสริมความแข็งแรงของที่มั่น การปรับปรุงเส้นทาง และการขยายแนวเขตคูติดต่อเพิ่มเติมเข้ามาในเขตประเทศไทย
  • ห้วงเดือน เม.ย. ถึง พ.ค. 68  ฝ่าย กพช. ได้เคลื่อนย้ายกำลังพลเพิ่มเติม และอาวุธยุทโธปกรณ์เข้ามาประชิดชายแดนไทย - กพช. เพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ตามที่มีหลักฐานการพิสูจน์ทราบจากการวิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียมของนักวิจัยชาวออสเตรเลีย ต่อมาฝ่าย กพช. ได้รุกล้ำเข้ามาในเขตแดนของไทย โดยเข้ามาขุดคูติดต่อ
  • 28 พ.ค. กัมพูชาเริ่มเปิดฉากการยิง (Skirmish) ระหว่างหน่วยในพื้นที่ โดยฝ่ายไทยได้ตอบโต้เพื่อเป็นการป้องกันตัว บริเวณช่องบก กองทัพ และรัฐบาลไทยพยายามใช้แก้ไขปัญหาแบบทวิภาคี ซึ่งไม่เป็นผล
  • ห้วงเดือน ก.ค.68 ทหารกัมพูชา ได้รุกล้ำเข้ามาลักลอบวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลหลายพื้นที่ ในเขตแดนไทย จนทำให้ทหารไทยที่ออก ลว. ได้รับบาดเจ็บสูญเสียขาจากทุ่นระเบิดสังหารบุคคล PMN-2 ถึง 2 ครั้ง ทำให้เกิดการสูญเสีย ขาขาด 2 นาย และมีบางส่วนบาดเจ็บ  ซึ่งเป็นการกระทำที่ฝ่าย กพช. จงใจละเมิดหลักมนุษยธรรมอย่างร้ายแรง อีกทั้งเป็นการจงใจละเมิดอนุสัญญาออตตาวาที่ทั้งไทย และกัมพูชาให้สัตยาบรรณ นอกจากนั้น ในพื้นที่ดังกล่าว ได้ดำเนินการเก็บกู้วัตถุระเบิด ภายใต้ความร่วมมือของนานาชาติ จนมีความปลอดภัยเป็นที่ประจักษ์แล้ว
  • ในขณะเดียวกัน ฝ่าย กพช. พยายามแสดงการยั่วยุ โดยส่งทหาร กพช. ทั้งในเครื่องแบบ และนอกเครื่องแบบแสดงเป็นพลเรือน ตลอดจนจัดตั้งมวลชนชาว กพช. จากกรุงพนมเปญและใกล้เคียง เข้ามาในพื้นที่ปราสาทตาควาย ปราสาททตาเมือน และพื้นที่อื่น ๆ ตามแนวชายแดน เพื่อจัดกิจกรรมทำคอนเทนต์ แสดงออกในลักษณะยั่วยุนักท่องเที่ยวชาวไทย ประชาชนไทย และทหารไทย ในพื้นที่ จนเกิดการกระทบกระทั่งมีความเสี่ยงที่จะเกิดการปะทะกันระหว่างคนไทย และคน กพช. ในพื้นที่ปราสาทต่าง ๆ

 

1.2 มาตรการควบคุมชายแดน และการเปิดฉากยิงของกัมพูชา

ภายหลังจากทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคล PMN-2 ได้รับบาดเจ็บสูญเสียขาอีกครั้ง เป็นรายที่สอง สถานการณ์มีแนวโน้มที่จะรุนแรงขึ้น อาจทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับอันตรายจากทุ่นระเบิดสังหารบุคคลดังกล่าว ฝ่ายไทยจึงได้ใช้มาตรการควบคุมชายแดนบริเวณปราสาทตามแนวชายแดนทั้งหมด ด้วยการล้อมรั้วลวดหนาม

 

24 ก.ค.68 ทหารกัมพูชา เริ่มยิงใส่ทหารไทยที่ประจำ ณ ปราสาทตาเมือนธมก่อน โดยใช้ ปืนเล็กยาว, ปืน และ เครื่องยิงลูกระเบิด mortar จนนำไปสู่การปะทะกัน จากนั้น ฝ่าย กพช. ได้ยกระดับเป็นการใช้กำลังรบ และอาวุธยิงสนับสนุน ปืนใหญ่ และจรวดหลายลำกล้อง BM-21 โจมตีฝ่ายไทยตลอดแนวชายแดน จงใจยิงเป้าหมายพลเรือน ซึ่งหากจากชายแดน เกือบ 10 กม. ถึง 30 กม.

 

  • โรงพยาบาลพนมดงรัก จ.สุรินทร์
  • ปั้มน้ำมัน PTT บ้านผือ อ.กันทรลักษ์ จ.ศีรษเกษ
  • ร้านค้าสะดวกซื้อ 7-11 บ้านผือ อ.กันทรลักษ์ จ.ศีรษเกษ
  • โรงเรียนในจังหวัดสุรินทร์ และศีรษเกษ
  • บ้านเรือนราษฎร เช่น หมู่บ้านกรวด บ้านกุดเชียง ในพื้นที่ จ.สุรินทร์, บุรีรัมย์, ศีรษเกษ และ อุบลราชธานี

 

เปิดคำบรรยายอย่างเป็นทางการ ของไทยต่อคณะทูตทหาร 23 ชาติ

 

ทำให้พลเรือนบาดเจ็บ 15 ราย เสียชีวิต 36 ราย ซึ่งผู้เสียชีวิต 1 ในนั้นเป็นเด็กอายุเพียง 8 ปี และมีราษฎรต้องอพยพจำนวนมากกว่า 150,000 คน

 

 1.3 การตอบโต้ของฝ่ายไทยภายใต้กรอบกฎหมายระหว่างประเทศ

จากเหตุการณ์ดังกล่าวฝ่ายไทยได้ดำเนินการตอบโต้ ภายใต้หลักการแห่งการป้องกันตนเอง (Right of Self-Defense) ตามที่บัญญัติไว้ในกฎหมายระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มาตรา 51 ของกฎบัตรสหประชาชาติ (Article 51 of the UN Charter) ซึ่งระบุว่า “ไม่มีบทบัญญัติใดในกฎบัตรนี้จะกระทบสิทธิของรัฐในการป้องกันตนเองโดยชอบด้วยกฎหมาย หากมีการโจมตีด้วยอาวุธเกิดขึ้นต่อรัฐนั้น”

 

การตอบโต้ของฝ่ายไทยจึงเป็นการดำเนินการที่ชอบด้วยกฎหมาย และอยู่ภายใต้หลักความจำเป็นและความได้สัดส่วน (Necessity and Proportionality) โดยมีเป้าหมายเพียงเพื่อ ยับยั้งภัยคุกคาม ลดการสูญเสียของพลเรือน และรักษาเสถียรภาพของอธิปไตยแห่งชาติ ทั้งนี้ ฝ่ายไทยมิได้
มีเจตนาที่จะรุกรานหรือกระทำการใด ๆ ที่เกินขอบเขตการป้องกันตนเองจากการคุกคามโดยฝ่าย กพช.

 

ทั้งนี้ ฝ่ายไทยทำการโจมตีเป้าหมายทางทหารเท่านั้น ในขณะที่ฝ่ายกัมพูชาใช้การโจมตีแบบ indiscriminate target ทำให้เกิดการสูญเสียทางพลเรือนของฝ่ายไทย

 

เปิดคำบรรยายอย่างเป็นทางการ ของไทยต่อคณะทูตทหาร 23 ชาติ

 

นอกจากนี้ที่ตั้งอาวุธยิงสนับสนุนในเขตชุมชนพลเรือน เสมือนเป็นใช้โล่ห์มนุษย์ ซึ่งฝ่ายไทยไม่ตอบโต้ไปเป้าหมายดังกล่าว ถือเป็นการเจตนาละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศและหลักสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงจนไม่สามารถให้อภัยได้ และไม่มีประเทศอารยธรรมใดในโลกที่ยอมรับการกระทำ ซึ่งไร้มนุษยธรรมในลักษณะดังกล่าว

 

2.สถานการณ์ปัจจุบัน กัมพูชายังคงดำเนินการทางทหาร

2.1 หลังจากมีการเจรจาข้อตกลงหยุดยิง ที่มาเลเซีย เมื่อวันที่ 28 ก.ค.68 แล้ว เวลาหลังเที่ยงคืน ฝ่ายกัมพูชาได้ละเมิดข้อตกลงการหยุดยิง ในพื้นที่ดังต่อไปนี้

 

(1) พื้นที่ ช่องบก จ.อุบลราชธานี 

(2) พื้นที่ซำแต จ.ศรีสะเกษ 

(3) ผามออีแดง จ.ศรีสะเกษ 

(4) ภูมะเขือ , ช่องคานม้า จ.ศรีสะเกษ 

(5) พลาญยาว จ. ศรีสะเกษ

(6) ปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ 

 

ทั้งนี้ฝ่ายกัมพูชายังละเมิดข้อตกลงหยุดยิง จนถึงวันที่ 30 ก.ค.68 เวลา 05.10 น. 

 

เปิดคำบรรยายอย่างเป็นทางการ ของไทยต่อคณะทูตทหาร 23 ชาติ

 

2.2 เมื่อวันที่ 31 ก.ค. 68 ตรวจพบทหารกัมพูชาเพิ่มเติมกำลังในพื้นที่ตลอดแนวชายแดนไทย และการใช้อากาศยานไร้คนขับของฝ่ายกัมพูชา บินตรวจการณ์ในพื้นที่ตอนในของฝ่ายไทย อย่างมีนัยยะสำคัญ

 

3.การตอบโต้การบิดเบือนข้อมูล

กัมพูชากล่าวหาว่าไทยรุกรานกัมพูชา และละเมิดกติกาสหประชาชาติ อำนาจอธิปไตย และอาณาเขตรัฐ

 

  • ข้อเท็จจริง : ประเทศไทยเป็นรัฐสมาชิกสหประชาชาติที่เคารพในกฎบัตรสหประชาชาติอย่างเคร่งครัด รวมถึงหลักการไม่ใช้กำลังในการแก้ไขข้อพิพาทระหว่างประเทศ (Article 2(4) UN Charter)

 

  • การปฏิบัติของฝ่ายไทยเป็น การป้องกันตนเองอย่างจำเป็นและได้สัดส่วน (necessity & proportionality) ตามสิทธิที่ระบุไว้ใน Article 51 ของกฎบัตรฯ หลังจากฝ่าย กพช. ใช้อาวุธโจมตีด่านทหาร ฝ่ายปกครอง และชุมชนไทยในหลายพื้นที่

 

  • มีหลักฐานชัดเจนว่ากำลังฝ่าย กพช.เคลื่อนกำลังเข้ามาในเขตแดนของไทยหลายครั้ง พร้อมใช้อาวุธโจมตี เป้าหมายของฝ่ายไทยโดยเฉพาะเป้าหมายพลเรือน เช่น โจมตี รพ.พนมดงรัก ซึ่งหากจากชายแดน เกือบ 10 กม., ปั้มน้ำมันบ้านผือ ที่หากจากชายแดน 30 กม.

 

3.2 การใช้ระเบิดเคมี

ข้อเท็จจริง : เป็นคำกล่าวหาที่ร้ายแรง และไร้มูลความจริงโดยสิ้นเชิง ประเทศไทยเป็นภาคีของ อนุสัญญาว่าด้วยอาวุธเคมี (Chemical Weapons Convention - CWC) และปฏิบัติตามข้อกำหนดอย่างเคร่งครัด ไม่มีหน่วยใดในกองทัพไทยที่ใช้อาวุธเคมี ทั้งในแง่ยุทธวิธีหรือยุทธศาสตร์ การกล่าวหาเช่นนี้เข้าข่าย war propaganda และเป็นความพยายามบิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อใส่ร้าย

 

เปิดคำบรรยายอย่างเป็นทางการ ของไทยต่อคณะทูตทหาร 23 ชาติ

 

กรณีภาพ “ระเบิดเคมี” ที่ฝ่ายกัมพูชาเผยแพร่ โดยรัฐบาลกัมพูชา  แท้จริงคือภาพภารกิจการดับไฟ้ป่าในรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ปี 2022 ซึ่งสามารถดูภาพดังกล่าวได้ผ่านทางสื่อออนไลน์

 

3.3. ไทยใช้เครื่องบิน F-16 และอาวุธหนักจำนวนมาก

ข้อเท็จจริง : อาวุธทั้งหมดที่ใช้ในการตอบโต้ และมีความเหมาะสมตามสัดส่วน เป็นเพื่อสกัดการรุกล้ำของฝ่ายกัมพูชา และกระทำต่อเป้าหมายทางทหาร บริเวณแนวชายแดน  ไม่ใช่การโจมตีเชิงรุก

 

ฝ่าย กพช. ต่างหากที่วางกำลังและยิงอาวุธจากพื้นที่พลเรือน ใช้ชุมชนเป็น “โล่มนุษย์” ซึ่งเป็นการละเมิด International Humanitarians Laws อย่างร้ายแรง

 

เปิดคำบรรยายอย่างเป็นทางการ ของไทยต่อคณะทูตทหาร 23 ชาติ

 

3.4 ไทยใช้ระเบิด MK-84 ตกใส่บ้านเรือนของประชาชนกัมพูชา

การออกมาแถลงของ นายเฮง รัตนา หัวหน้า CMAC ของกัมพูชา กล่าวหาว่าไทยเพิ่งทิ้งระเบิด MK-84 ลงในกัมพูชา มีลักษณะชัดเจนของการ บิดเบือนข้อมูล โดยอ้างภาพเก่าและสร้างการเชื่อมโยงที่ไม่มีมูลความจริง

 

ฝ่ายไทยขอปฏิเสธข้อกล่าวหาของกัมพูชาอย่างสิ้นเชิง ซึ่งภาพวัตถุระเบิดที่กัมพูชาอ้างว่าเป็น MK-84 นั้น เป็นระเบิดเก่าจากยุคสงครามเวียดนาม และไม่เป็นไปตามหลักทางวิทยาศาสตร์ รายละเอียดตามภาพฉาย

 

ทั้งนี้ไทยขอประนาม และให้กัมพูชาหยุดการกล่าวหาอันเป็นเท็จ เพื่อปลุกปั่นกระแสความเกลียดชัง และขอให้หันมาร่วมมือกับประเทศไทยและประชาคมระหว่างประเทศในการคลี่คลายสถานการณ์ชายแดนอย่างสันติ ผ่านการเจรจาและความร่วมมือที่ตรงไปตรงมา

 

เปิดคำบรรยายอย่างเป็นทางการ ของไทยต่อคณะทูตทหาร 23 ชาติ

 

ล่าสุด เมื่อ 30 ก.ค.68 ฝ่าย กพช. เชิญคณะผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศ ประจำกัมพูชาไปตรวจ พื้นที่การรบ ห่างจากชายแดน 30 กม. แต่ฝ่ายกัมพูชากลับเปลี่ยนแผน พาคณะผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศ ประจำกัมพูชาไปพื้นที่ช่องอานม้า ซึ่งเป็นพื้นที่การสู้รบ ยังมีความเสี่ยงต่ออันตราย

 

สรุป : กองทัพขอเน้นย้ำว่า การปะทะระหว่างไทย กับกัมพูชานั้น ฝ่ายกัมพูชาเป็นผู้เริ่มยิงก่อน โดยอาวุธระยะไกลยิงต่อ เป้าหมายพลเรือน และทำให้เกิดความเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินหายของพลเรือนที่ยอมรับไม่ได้

 

ทั้งนี้ หลังจากที่มีการเจรจาตกลงหยุดยิงแล้ว แต่ฝ่ายกัมพูชายังละเมิดข้อตกลงหยุดยิงอย่างต่อเนื่อง ยิ่งไปกว่านั้นกัมพูชา เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารบิดเบือนข้อมูลอย่างเป็นระบบ

 

ขอให้ประชาคมระหว่างประเทศ ร่วมติดตามสถานการณ์ด้วยความเข้าใจ และร่วมกันผลักดันให้มีการเจรจาทวิภาคี เพื่อแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธี