
30 กรกฎาคม 2568 เป็นประเด็นที่โซเชียลมีการแชร์เป็นอย่างมาก เมื่อมีผู้ออกมาพร้อมภาพ ที่อ้างว่า "ทหารรับจ้างจากรัสเซีย" เข้ามาช่วยทหารกัมพูชา โจมตีทหารไทย มีภาพชายชาวต่างชาติ แต่งกายคล้ายทหารกัมพูชา และชายแต่งชุดทหารคล้ายทหารรัสเซีย หลังเกิดเหตุกัมพูชาส่งโดรนเข้ามาโจมตี ทหารไทย มีรายงานว่า อาจเป็นฝีมือของกลุ่มทหารรับจ้างรัสเซีย
ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลลับ เกี่ยวกับสถานการณ์ความไม่สงบระหว่างไทยกับกัมพูชา ที่ได้ทำความตกลง “หยุดยิง” กันไปแล้ว แต่ปรากฏว่ายัง “ยิงไม่หยุด” แม้ข้อมูลนี้จะยังไม่มีการยืนยันร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็จำเป็นต้องนำมาตีแผ่ให้สังคมได้รับทราบ เพราะมีความอ่อนไหวมากจริงๆ
ล่าสุดมีการรายงานในที่ประชุม “ศูนย์บัญชาการทางทหาร” ซึ่งมีผู้บัญชาการทหารสูงสุดเป็นผู้บัญชาการว่า พบความเคลื่อนไหวน่าสงสัยว่า น่าจะมี “คนรัสเซีย” เข้ามาเกี่ยวข้องในกองทหารของกัมพูชา และอาจมีส่วนร่วมในปฏิบัติการโจมตีทหารไทยบางจุดด้วย
ความเคลื่อนไหวนี้สืบเนื่องจากมีการส่ง “โดรนกามิกาเซ่” เข้าโจมตีทหารไทยบริเวณช่องอานม้า จังหวัดอุบลราชธานี ตั้งแต่ช่วงหลังเที่ยงคืนของการหยุดยิงวันแรก จากการตรวจสอบแหล่งที่มาของ “โดรนกามิกาเซ่” คาดว่าอาจผลิตจาก 2 ประเทศ ถ้าไม่เป็นรัสเซีย ก็อาจจะเป็นจีน แต่ฝ่ายความมั่นคงและกองทัพยังไม่สรุปว่า มีกองกำลังต่างชาติจากประเทศที่สาม ร่วมสนับสนุนปฏิบัติการของกัมพูชาหรือไม่
ต่อมามีการตรวจสอบพบการสื่อสารฝั่งกัมพูชาเป็นภาษารัสเซีย บริเวณฝั่งตรงข้ามช่องอานม้า และพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งมีการส่งโดรนเข้าโจมตีทหารไทย ทำให้มีการวิเคราะห์ต่อจิ๊กซอว์ว่า อาจมีความเป็นไปได้ที่ฝูงบินโดรนดังกล่าว มีชาวรัสเซียเป็นผู้ควบคุม หรือฝึกสอนทหารกัมพูชาในการบังคับโดรน โดยชาวรัสเซียดังกล่าวอาจเป็นทหารรับจ้าง ซึ่งฝ่ายกัมพูชาจ้างมาก็เป็นได้
อย่างไรก็ดี ข้อมูลทั้งหมดนี้ไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการ แต่มีคลิปการสนทนาระหว่างทหารกัมพูชากับชาวรัสเซียถูกเผยแพร่ทางสื่อสังคมออนไลน์ จึงเกิดข่าวลือขึ้น และฝ่ายความมั่นคงก็ได้มีการติดต่อประสานงานไปยังผู้สื่อข่าวหลายราย โดยเฉพาะที่เป็นผู้นำทางความคิด หรือมีอิทธิพลในแวดวงสื่อสารมวลชน ให้งดการนำเสนอ หรืออย่าด่วนนำเสนอข่าวนี้ เพราะเชื่อว่าไม่น่ามีความเป็นไปได้ที่จะมีการสนับสนุนจากชาติมหาอำนาจในสมรภูมิที่เป็นความขัดแย้งของสองประเทศเล็กๆ ในอนุภูมิภาคเช่นนี้
ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า ช่วงเช้าของวันนี้ (30 ก.ค.68) จะมีนักวิชาการด้านความมั่นคงชื่อดังเปิดประเด็นนี้ในรายการข่าวการเมืองยอดนิยมรายการหนึ่ง ซึ่งน่าจะทำให้เกิดกระแสวิจารณ์อย่างกว้างขวางต่อไป