
25 กรกฎาคม 2568 ผ่าน 2 วันของสถานการณ์การสู้รบระหว่างไทยกับกัมพูชา ประเมินสถานการณ์ไปข้างหน้าอย่างไร ยังคงเป็นประเด็นที่ทุกฝ่ายให้ความสนใจ
“ข่าวข้นคนข่าว” พูดคุยกับหัวหน้าหน่วยข่าวความมั่นคงระดับประเทศ ได้ข้อมูลดังนี้
1.การสู้รบยังเน้นการช่วงชิงพื้นที่ยุทธศาสตร์ มีหลายพื้นที่ที่ฝ่ายไทยเข้าควบคุมได้ก่อน และกัมพูชาเสียเปรียบ จึงพยายามระดมกำลังเข้าโจมตีเพื่อยึดคืน ส่วนฝ่ายทหารไทยก็ได้สร้างแนวป้องกันอย่างเต็มที่ เข้มแข็ง จึงมีการยิงต่อสู้กันตลอดทั้งวัน
**แผนยุทธการของฝ่ายไทยยังคงดำรงเป้าหมายเดิม ตามที่เราเคยเล่าให้ฟัง คือ ใช้เวลาที่มีเข้าควบคุมจุดยุทธศาสตร์สำคัญให้มากที่สุด ลึกที่สุด เพื่อที่ว่าเมื่อถึงห้วงเวลาที่ต้องหยุดยิง และเข้าสู่โต๊ะเจรจา ไทยก็จะมีแต้มต่อในการเจรจามากกว่า
2.กัมพูชาพยายามยั่วยุให้ฝ่ายไทยโจมตีย่านชุมชน โดยนำอาวุธไปวางในเขตชุมชน แต่ฝ่ายไทยไม่หลงกล
**ในทางกลับกัน เมื่อทหารไทยเข้าควบคุมจุดยุทธศาสตร์สำคัญได้ก่อน ทำให้ทหารกัมพูชาต้องโจมตีกลับมาแบบเปะปะ เพื่อสนับสนุนแนวหน้า หรือเพื่อยึดพื้นที่คืน เพราะสุดท้ายฝ่ายกัมพูชาจะสิ้นเปลืองกระสุนปืน ทั้งปืนกล และปืนใหญ่ ที่มีอยู่อย่างจำกัด จนลดอำนาจการยิงลงในที่สุด
**หลักการรบในรูปแบบนี้ จะใช้การยิงด้วยอาวุธพิสัยไกล เพื่อสนับสนุนกองกำลังภาคพื้นดิน ซึ่งฝ่ายไทยยังสามารถดำรงแนวทางนี้ได้ แต่ฝ่ายกัมพูชาทำไดัเพียงการปักหลักที่แนวรบเดิม
3.การวางกำลังเป็นกลุ่มใหญ่ของกัมพูชาในวันแรก กลายเป็นปัญหา เพราะตกเป็นเป้าหมายการโจมตีด้วยเครื่องบินรบ F-16 และโดรนสังหาร ทำให้วันที่ 2 กัมพูชาปรับเปลี่ยนยุทธวิธี หันมาวางกำลังแบบกระจายตามโขดหิน ร่องเขา และจุดพรางตัวต่างๆ และก็ทำให้ระยะยิงไม่แน่นอน และพลาดเป้า
4.การรบวันที่ 2 ฝ่ายไทยประเมินได้แล้วว่า เป้าหมายของกัมพูชาอยู่บริเวณพื้นที่ที่ตนเองสูญเสียไปในวันแรก และพยายามยึดคืน เช่น บริเวณใกล้เคียงเขาพระวิหาร (ไม่ใช่ตัวปราสาท) บริเวณภูมะเขือ
**ทำให้การสู้รบวันที่ 2 ฝ่ายไทยไม่ต้องเปิดเกมรุกมาก และไม่ได้ส่งเครื่องบินไปโจมตีหลายเที่ยวเท่าวันแรก
5.คาดว่ากัมพูชาน่าจะเปลี่ยนยุทธวิธีการรบ เป็นการเข้าตีตอนกลางคืน คล้ายสงครามแบบกองโจร หรือตั้งรับยันพื้นที่เอาไว้ก่อน เพื่อปรับเปลี่ยนยุทธวิธีในวันถัดไป