
ปอกเปลือก "ฮุนเซน" ใจโหดบงการฆ่าผู้บริสุทธิ์ เปลือยธาตุแท้เขมรแดง เบ้าหลอมอดีตนายกฯกัมพูชา มื้อเปื้อนเลือดแต่วัยหนุ่ม
ฮุนเซนยืมมือศาลพิเศษฟอกขาว ล้างคราบเขมรแดง ทรยศหักหลังลูกพี่เก่า เขียนประวัติศาสตร์ใหม่ ปั้นตัวเองเป็นพระเอก
ภาพ สมเด็จฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา นั่งอยู่ในวอร์รูมภายในคฤหาสน์ส่วนตัวที่ อ.ตาขะเมา จ.กันดาล คือหลักฐานชัดเจนว่า เป็นผู้สั่งการใช้อาวุธจรวด BM 21 โจมตีเป้าหมายพลเรือนอย่างโหดเหี้ยม
กองทัพไทย จึงสรุปจากหลักฐานที่มีอยู่ เชื่อได้ว่า รัฐบาลกัมพูชา โดยสมเด็จฮุน เซน คือผู้ที่อยู่เบื้องหลังการโจมตีอันน่าสะเทือนใจเหล่านี้
เชื่อว่า คนไทยส่วนใหญ่ฟันธงไปแล้วว่า ฮุน เซน คืออาชญากรสงคราม และเรียกร้องให้มีการดำเนินคดีกับอดีตนายกฯกัมพูชา
ทรงฤทธิ์ โพนเงิน ผู้เชี่ยวชาญด้านแม่น้ำโขงชี้ว่า พฤติกรรมโหดเหี้ยมของ ฮุน เซน ก็มาจากธาตุแท้ความเป็น “เขมรแดง” ซึ่งเบ้าหลอมทางการเมืองของเขา ก็คือ ระบอบกัมพูชาประชาธิปไตย หรือระบอบเขมรแดง
สองวันมานี้ ส่องโซเชียลไทย บรรดาเซเลบ นักการเมือง และอินฟลูฯ ต่างโพสต์แฉว่า ฮุน เซน ไม่ใช่สมเด็จ ไม่ได้มีเชื้อเจ้า แต่คือ เขมรแดง ผู้ก่ออาชญากรรมฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
จากลูกชาวนาจน จาก จ.กัมปงจาม ก้าวสู่เส้นทางนักปฏิวัติสายเขมรแดง ก่อนจะไปสวามิภักดิ์เวียดนาม จนได้ดิบได้ดีมีอำนาจในกัมพูชา
ระยะหลังๆ สมเด็จฮุน เซน เขียนประวัติศาสตร์ใหม่ให้ตัวเองเป็นพระเอก เป็นวีรบุรุษ ผู้โค่นล้มระบอบเขมรแดง และสร้างกัมพูชาใหม่ อย่างเช่นการสร้างหนังซีรีส์ “ลูกชายใต้เดือนเพ็ญ”
อย่างวันที่ ฮุน เซน และสหายร่วมรบอีก 3 คน ตัดสินใจหนีออกจากองค์กรของเขมรแดง ไปสวามิภักดิ์เวียดนาม เมื่อ 20 มิ.ย.2520 ได้กลายเป็นวันสำคัญในประวัติศาสตร์กัมพูชา
ในปีนี้ สมเด็จฮุน เซน ได้โพสต์รำลึก 48 ปี แห่งวันตัดสินใจโค่นล้มระบอบเขมรแดง ยุติการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
“เราใช้ชีวิตของเราเป็นทุน ในการปลดปล่อยประเทศและประชาชน จากระบอบการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของ "พล พต" ถ้าข้าพเจ้าตายไปในตอนนั้น 48 ปีที่ผ่านมาจะเกิดอะไรขึ้น”
สมเด็จฮุน เซน เกลียดชังการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของเขมรแดง แต่การรักษาอำนาจในตำแหน่งนายกฯ ของฮุน เซน ก็ใช้การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ทางการเมือง ทำให้นักการฝ่ายค้านต้องลี้ภัยไปอยู่ต่างแดน
เมื่อ 20 ปีที่แล้ว กลยุทธ์ฟอกขาวจาก “เขมรแดง” เปลี่ยนเป็น “ศักดินาแดง” ของ ฮุน เซน อย่างหนึ่งก็คือ การร่วมมือกับสหประชาชาติ จัดตั้งศาลอาชญากรรมพิเศษคดีเขมรแดง
ศาลนี้ใช้เวลากว่า 10 ปี เสาะหาพยานบุคคลหลายพันคน และเอกสารนับแสนหน้า เพื่อหาสืบรายละเอียดว่า ทุ่งสังหารของเขมรแดงเป็นอย่างไร และต้องใช้งบประมาณมากกว่า 300 ล้านดอลลาร์
สุดท้ายแล้ว ศาลพิเศษคดีเขมรแดงได้สั่งลงโทษสหายนำระดับสูงของเขมรแดงไป 3 รายเท่านั้น แถมไม่มีการขยายผลไปถึงสหายนำระดับล่าง
เป้าหมายของการตั้งศาลคดีเขมรแดง มีนัยยะทางการเมืองตั้งแต่แรก ไม่ได้ต้องการผดุงความยุติธรรมให้กับผู้สูญเสียในเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
นี่เป็นวิธีการฟอกตัวเองของฮุน เซน ว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับเขมรแดง เพื่อลงสนามเลือกตั้ง
เหนืออื่นใด ฮุน เซน ตั้งศาลพิเศษขึ้นมาจากสหประชาชาติ โดยไม่ใช้ศาลอาญาระหว่างประเทศ เพราะถ้าเป็นศาลอาญาระหว่างประเทศ จะอยู่นอกเหนือการควบคุมของอดีตสหายเขมรแดงคนนี้
แม้ศาลพิเศษคดีเขมรแดงจะจบสิ้นภารกิจไปแล้ว แต่ก็เกิดข้อถกเถียงใหม่ว่า พวกเขาควรจะหยุดอยู่แค่การลงโทษเจ้าหน้าที่ระดับสูงสุดเหล่านี้หรือไม่ หรือควรขยายผลการลงโทษไปสู่กลุ่มเจ้าหน้าที่ที่อยู่ในระดับขั้นต่ำกว่าที่อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมยุคเขมรแดงด้วย
หนึ่งในคนที่ต่อต้านการขยายผลการลงโทษต่อไปนั้นคือ ฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ผู้ที่เคยเป็นทหารเขมรแดงมาก่อน