
24 กรกฎาคม 2568 พลเรือตรี สุรสันต์ คงสิริ โฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) ฝ่ายความมั่นคง แถลงผลการประชุมศูนย์เฉพาะกิจ ศบ.ทก. ว่า ที่ประชุมวันนี้ มีการพูดคุยอัพเดตสถานการณ์ โดยเหตุการณ์แรกคือ การลอบวางทุ่นระเบิดในพื้นที่ชายแดนช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เป็นเหตุให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 5 นาย วานนี้(23ก.ค.68) โดย 1 ในจำนวนนี้ ข้อเท้าขวาขาด ส่วนอีก 4 นาย มีอาการแน่นหน้าอก หูอื้อจากการสั่นสะเทือนของระเบิด ปัจจุบันอยู่ในการดูแลของแพทย์
นอกจากนี้ ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมามีเหตุการณ์สำคัญ เกิดขึ้นตั้งแต่เวลา 07.35 น. ที่ปราสาทตาเมืองธม จ.อุบลราชธานี จนนำไปสู่การปะทะกัน และขยายออกไปอีก 6 พื้นที่ ได้แก่ ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาควาย , ช่องจอม จ.สุรินทร์ , ช่องบก , ช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี , เขาพระวิหาร(ห้วยตามาเรีย/ภูมะเขือ) จ.ศรีสะเกษ
ปัจจุบันกัมพูชาใช้อาวุธหนักทั้ง RPG BM 21 และปืนใหญ่ 122 มิลลิเมตร ทำให้บ้านเรือนประชาชนฝ่ายไทยได้รับความเสียหาย และยังมีการโจมตีพื้นที่สาธารณะ เช่น ศูนย์พัฒนาพื้นที่ชายแดน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ รวมถึงโรงพยาบาลด้วย ในขณะที่ฝ่ายไทยมีการอพยพประชาชนออกจากพื้นที่เพื่อความปลอดภัย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 3 คน 1 ในจำนวนนี้มีเด็กชายอายุ 5 ขวบ และเสียชีวิต 1 คน ในพื้นที่ชุมชนบริเวณชายแดนพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์
และสืบเนื่องจากสถานการณ์ดังกล่าวฝ่ายไทย ได้ดำเนินการตามพระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ. 2551 มาตรา 39 โดยให้กองทัพไทยจัดตั้งศูนย์อำนวยการทางทหารในแต่ละระดับชั้นขึ้นมา เพื่อติดตามสถานการณ์และควบคุมอำนวยการ และสั่งการปฏิบัติการทั้งนี้ศูนย์อำนวยการทางทหาร มีผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นผู้บังคับบัญชา สามารถดำเนินการใช้กำลังทางทหารได้ทั้งหมด
ส่วนเรื่องการเปิด-ปิดด่าน ที่ผ่านมาอยู่ในมาตรการระดับที่ 1-2 โดยจำกัดคนและจำกัดเวลาเข้าออก แต่ปัจจุบันสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้จำเป็นต้องยกระดับมาตรการควบคุมชายแดน และจุดผ่านแดนต่างๆ ไปถึงระดับที่ 4 ก็คือการปิดด่านเข้าออกทุกด่าน ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา
ที่ผ่านมาสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง มีรายงานว่า มีการจับตาการเดินทางของนักท่องเที่ยวไทย ที่เดินทางโดยเครื่องบินไปเล่นการพนันบริเวณพื้นที่ชายแดนแล้วกลับเข้ามาทางช่องทางทางบก ตามแนวชายแดนต่างๆ ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้เราไม่สนับสนุน ทางการมีการรวบรวมและติดตามพฤติกรรมอย่างต่อเนื่อง และจะมีการเข้มงวดกับกลุ่มต่างๆนี้มากยิ่งขึ้น ประกอบกับ ช่วงนี้ก็มีสถานการณ์ตามแนวชายแดน ทำให้ไม่สามารถกลับช่องทางทางบกได้ ก็ขอแจ้งเตือนประชาชนที่มีพฤติกรรมลักษณะแบบนี้ ขอให้งดการเดินทางในลักษณะนี้
พร้อมย้ำว่า ทางการไทยไม่ได้นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น วันนี้ในช่วงบ่าย 2 โมง จะมีการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติวาระพิเศษ มีการประเมินสถานการณ์ และกำหนดแนวทางการดำเนินการที่ชัดเจนต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นต่อไป
ด้าน นางมาระตี นะลิตา อันดาโม โฆษก ศบ.ทก. ฝ่ายต่างประเทศ กล่าวถึงการดำเนินการด้านการต่างประเทศ ว่า เมื่อวานนี้ กระทรวงต่างประเทศได้จัดบรรยายสรุปแก่คณะทูตต่างประเทศและผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศเกี่ยวกับเหตุการณ์ทุ่นระเบิดที่ช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี รวมถึงการประท้วงของฝ่ายไทย ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดี มีผู้แทนคณะทูตต่างประเทศมาร่วม 93 คน จาก 68 ประเทศ ฝ่ายไทยได้ชี้แจงท่าทีและจุดยืนต่างๆ รวมถึงการประท้วงกัมพูชาโดยตรง และประท้วงไปที่ประธานที่ประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา ซึ่งผู้แทนภาคีอออตตาวา ได้เห็นชอบกับจุดยืนแนวทางไทยด้วย
และจากเหตุการณ์เย็นวานนี้ที่ช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี มีทหารบาดเจ็บ 5 นาย กระทรวงต่างประเทศขอประณามอย่างที่สุด การละเมิดอธิปไตย การละเมิดอนุสัญญาออสตาวา และขอแสดงความเสียใจ หวังว่าทหารที่ได้รับบาดเจ็บจะฟื้นตัวโดยเร็ว ซึ่งกระทรวงต่างประเทศจะเดินหน้าประท้วงต่อไป
ส่วนสถานการณ์ปะทะระหว่าง 2 ฝ่ายที่เกิดขึ้นขณะนี้ ฝ่ายกัมพูชาริเริ่มก่อน และขอให้ประชาชนมั่นใจว่ากระทรวงต่างประเทศจะดำเนินการปกป้องผลประโยชน์ และอธิปไตยของไทยในเวทีระหว่างประเทศอย่างเต็มที่ที่สุด พร้อมทำงานอย่างมีเอกภาพดำเนินการไปพร้อมกับกองทัพไทย
ท้ายนี้ขอร่วมส่งกำลังใจให้ประชาชนในพื้นที่และเจ้าหน้าที่ทุกคนที่กำลังปฎิบัติหน้าที่
ส่วนกรณีที่มีการสั่งให้ประชาชนอพยพออกจากพื้นที่เสี่ยง แต่ก็ยังมีบางส่วนไม่ยอมออกจากบ้านนั้น พลเรือตรี สุรสันต์ กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยได้ดำเนินการอพยพประชาชนจากพื้นที่ ซึ่งเป็นส่วนใหญ่แล้ว แต่ยอมรับว่าอาจจะมีบางส่วนที่ยังไม่อยากออกจากพื้นที่ ซึ่งมีความเสี่ยงมาก ก็อยากจะขอให้ออกจากพื้นที่ไปอยู่ในที่ปลอดภัย เจ้าหน้าที่พร้อมอำนวยความสะดวก
ส่วนกระสุนปืนของกัมพูชาที่ยิงมาตกฝั่งไทย ทางเราเก็บรายละเอียดหลักฐานไว้ทั้งหมด ซึ่งกระทรวงต่างประเทศจะดำเนินการประท้วงต่อไป ทั้งนี้ต้องทำความเข้าใจว่าอาวุธของฝั่งกัมพูชา ไร้ทิศทางการควบคุม เวลามามาเป็นชุดและกระจายไปตามจุดต่างๆ
อีกทั้งตอนนี้สถานการณ์พัฒนาและมีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งทางกองทัพภาคที่ 2 ได้รับมอบหมายให้ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิด ส่วนการรายงาผล อาจเป็นขั้นตอนผ่านมาที่กองบัญชาการกองทัพไทย แล้วขึ้นมาตามลำดับ ที่ ศบ.ทก.
ซึ่งแอ็กชั่นตอนนี้ ศบ.ทก. จะมีลักษณะของการมอนิเตอร์และสนับสนุนการปฎิบัติของทหารในพื้นที่ สลับให้ทางทหารขึ้นมาก่อน เพราะสถานการณ์มีเหตุปะทะจำเป็นเร่งด่วน จึงต้องการให้มีสายการบังคับบัญชาที่ยาว จึงมอบอำนาจหน้าที่ให้กับผู้บัญชาการทหารสูงสุด ในฐานะผู้อำนวยการของศูนย์อำนวยการทางทหาร เป็นคนกำกับดูแลการปฏิบัติงานทางทหาร ดังนั้นก็มีอำนาจสั่งการไปที่กองทัพ และการปฎิบัติของทหารในพื้นที่ต่อไป