
22 กรกฎาคม 2568 กองทัพบกเชิญผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศประจำประเทศไทย จำนวน 47 ประเทศ แจ้ง อาทิ เวียดนาม เมียนมา อินเดีย ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ อังกฤษ บูรไน ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา อินโดนีเซีย จีน กัมพูชา เยอรมนี แคนาดา รัสเซีย อิสราเอล เพื่อรับฟังการชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชา ถึงข้อเท็จจริงกรณีไทยโดนรุกล้ำอธิปไตย และมีการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ทำให้ทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ได้รับบาดเจ็บ 3 นาย และมีการตรวจสอบว่า เป็นการวางทุ่นระเบิดใหม่ ที่วางในเขตไทย ซึ่งขัดต่ออนุสัญญาออตตาวา ที่ทั้งไทยและกัมพูชาเป็นประเทศภาคีที่ให้สัตยาบัน
โดยบรรดาทูตทหาร ได้ทยอยเดินทางเข้ามาที่ห้องศรีสิทธิสงคราม ภายในกองทัพบก ตั้งแต่เวลา 13.20 น. โดย พลจัตวา ฮอม คิม ผู้ช่วยทูตทหารกัมพูชา ได้เดินทางมาร่วมด้วย ขณะที่ ฝ่ายไทยมี พลโท กำชัย วงศ์ศรี เจ้ากรมการข่าวทหารบก เป็นประธาน
พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวภายหลังการเชิญผู้ช่วยทูตทหาร รับฟังคำชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังกำลังพลเหยียบกับระเบิดบาดเจ็บ 3 นาย ว่า บรรยากาศเป็นไปด้วยดี ส่วนใหญ่เป็นการรับฟัง และมีคำถามบ้าง ถือว่าน้อย เนื่องจากทุกท่านอาจจะได้รับข่าวสารจากช่องทางอื่นมาบ้างแล้ว ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของผู้บัญชาการทหารบก ที่พยายามบอกกล่าวและชี้แจงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ในข้อเท็จจริง
"ทูตทหารกัมพูชา ไม่ได้ชี้แจงหรือมีคำถามอะไร คำถามส่วนใหญ่มาจากท่านอื่นมากกว่า ที่ถามเรื่องของความมั่นใจ และยืนยันใช่หรือไม่ ซึ่งทางเราก็ให้เหตุผลไป และจะให้เอกสารชี้แจง ส่วนท่าทีของประเทศมหาอำนาจ ก็ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ ซึ่งการเชิญมาในวันนี้เราก็ทำตามนโยบายของผู้บัญชาการทหารบก คือทำให้เป็นทางการ"
ส่วนการหารือได้ชี้แจงเรื่องของการละเมิด บูรณภาพดินแดง เอ็มโอยู 2543 และอนุสัญญาออตตาวา ด้วยหรือไม่ พลตรี วินธัย บอกว่า มีการพูดถึงประเด็นดังกล่าว และได้อธิบายตามหลักอนุสัญญา ที่ทั้งสองประเทศเป็นสมาชิก และเล่าถึงกลไกการแก้ไขปัญหา ความตึงเครียดชายแดน มีช่องทางอะไรบ้าง ตั้งแต่ระดับรัฐบาล กระทรวงกลาโหม และกองทัพภาค
เมื่อถามว่า ทางการกัมพูชาออกมาปฏิเสธ เรื่องทุ่นระเบิด ทางผู้ช่วยทหารกัมพูชา ไม่ได้โต้อะไรใช่หรือไม่ พลตรี วินธัย กล่าวว่า ก็ไม่ได้พูดอะไร เป็นสิทธิ์ของแต่ละฝ่าย เราเองก็มีหลักฐาน มีข้อพิสูจน์ที่ชัดเจน ซึ่งเป็นเรื่องของผู้รับสารแล้วว่าจะพิจารณาอย่างไร โดยเรื่องของการรับฟังข่าวสาร ขอให้ดูมาตั้งแต่ต้น
ยืนยันว่าไทย อยู่ในกฎกติกา โดยเฉพาะทุ่นระเบิด ไม่ใช่เรื่องของความได้เปรียบทางยุทธวิธี ประเทศไทยก็ถือว่ามีความพร้อมทางการทหาร ที่สามารถปกป้องอธิปไตยได้ และอยู่ในกติกา ยืนยันว่า ทูตทหารจากประเทศต่างๆไม่ได้ติดใจ ในประเด็นที่เราชี้แจง
ส่วนเรื่องการปฎิบัติการทางทหาร ก็ให้เป็นเรื่องของหน่วยในพื้นที่ ซึ่งพยายามใช้ความอดทนอดกลั้น และใช้สันติวิธี ก็ต้องให้กองทัพภาคที่ 2 เป็นผู้ประเมิน แต่ไม่อยากให้คิดไปในเรื่องไม่ดีไว้ก่อน โดยกองทัพภาคที่ 2 ก็พูดมาตลอดว่า พร้อมทุกวิธีที่ชอบธรรม และอยู่ในกฎกติกา
ขณะเดียวกันกระทรวงการต่างประเทศ ก็ได้ส่งมอบเอกสารหลักฐานยืนยันให้แต่ละประเทศ ซึ่งหลังจากเกิดเหตุมี 2 ลักษณะงาน ในระดับประเทศ กระทรวงการต่างประเทศกำลังดำเนินการอยู่ ส่วนหน่วยปฏิบัติในพื้นที่ สิ่งแรกที่ทำนอกเหนือ จากการดูแลคนเจ็บ คือการดูแลความปลอดภัยของกำลังพล คือต้องค่อยๆ เก็บกู้
ส่วนในวันที่ 27 กรกฎาคมนี้ ที่มีการนัดหมายของคนไทย ขึ้นไปเผชิญหน้ากับนักท่องเที่ยวกัมพูชา ตามกลุ่มปราสาทตาเมือนนั้น พลตรี วินธัย ยืนยันว่า กองทัพภาคที่ 2 มีแนวทางในการดำเนินการอยู่แล้ว วันนี้ก็ได้พูดในที่ประชุมว่า มีกำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาสนับสนุน ซึ่งหากประเมินสถานการณ์แล้ว เกิดการขยายผลความขัดแย้ง จะต้องมีมาตรการดำเนินการ แต่ขอให้ทางกองทัพภาคที่ 2 เป็นผู้ชี้แจง ส่วนถึงขั้นต้องปิดปราสาทหรือไม่นั้น ก็ขอให้ฟังกองทัพภาคที่ 2 ชี้แจง