svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"ผู้การแต้ม"ชี้ คลิป"ชั่งทอง" โต้คำสั่ง "ปลดบิ๊กโจ๊ก" ใครกำกับบท? 

" ผู้การแต้ม" ส่องฤดูจัด"โผตำรวจ"ปีนี้ ย้ำทุกขั้นตอนตรวจสอบได้ เชื่อมือ "บิ๊กต่าย“ เดินตามระเบียบใหม่เคร่งครัดเน้นอาวุโส บวก ความสามารถ ไร้การเมืองเเทรกเเซง

 20 กรกฎาคม 2568  พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรองผบ.ตร.ยื่นฟ้องตุลาการศาลปกครองสูงสุดว่าไม่เป็นกลางในการพิจารณาการอุทธรณ์คดีที่พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยื่นคัดค้า นมติก.ตร.เเละมติกพค.ตร.ที่เห็นว่าคำสั่งไล่พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ออกจากราชการนั้นชอบด้วยกฎหมาย ว่า "การดำเนินการของบิ๊กโจ๊กในครั้งนี้ไม่น่าจะมีนัยทางการเมือง แต่เป็นการต่อสู้เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมจากคำสั่งปลดออกจากราชการที่ตัวเขาถือว่าไม่เป็นธรรม"

"บิ๊กโจ๊ก ถูกดำเนินคดีอาญา ซึ่งยังอยู่ระหว่างกระบวนการสอบสวนและการพิจารณาของศาล การที่บิ๊กโจ๊กออกมาต่อสู้เป็นสิทธิ์ที่พึงกระทำได้ และถือเป็นการปกป้องศักดิ์ศรีของตนเอง โดยเฉพาะเมื่อยังเหลืออายุราชการอีกหลายปี เรื่องนี้จึงไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับการเมือง หากเกี่ยวจริง ทุกฝ่ายก็จะได้รับผลกระทบทั้งหมด” พล.ต.ต.วิชัย กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า การเคลื่อนไหวในช่วงนี้ของ บิ๊กโจ๊ก มีเป้าหมายอะไรหรือไม่นั้น พล.ต.ต.วิชัย กล่าวว่า สิ่งสำคัญคือสังคมควรตั้งคำถามว่า “ใคร” เป็นผู้นำคลิปวิดีโอออกมาเผยแพร่ และด้วยเจตนาใด (คลิปวิดีโอกฎหมายและคดีปกครองกับชั่งทอง โอภาสศิริวิทย์) หากคลิปนั้นเกี่ยวข้องกับบิ๊กโจ๊กจริง ก็ควรเป็นสิ่งที่ใช้เพื่อแสดงความจริงให้สังคมเห็น 


“แต่หากคลิปมีเนื้อหาพาดพิงศาลปกครอง ก็ต้องสอบถามว่าเหตุใดจึงมีการปล่อยคลิปในช่วงนี้ และจะส่งผลกระทบต่อคณะกรรมการตุลาการศาลปกครองสูงสุดอย่างไร ซึ่งควรมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ชัดเจน" พล.ต.ต.วิชัย กล่าว

สำหรับประเด็นดังกล่าวสำนักงานตำรวจแห่งชาติและ ผบ.ตร. กล่าวหาหรือรังแก บิ๊กโจ๊ก หรือไม่ พล.ต.ต.วิชัย กล่าวว่า “ถ้าบิ๊กโจ๊กกระทำความผิดจริง และมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวน ก็ไม่ถือว่าเป็นการรังแก แต่หากไม่ได้กระทำผิดและถูกกล่าวหาโดยไม่มีมูล เรื่องนั้นจึงจะถือเป็นการรังแก เราต้องดูที่ต้นเรื่องว่าเริ่มต้นอย่างไร การพูดว่า ‘ผู้ใหญ่รังแกเด็ก’ โดยไม่มีข้อเท็จจริงรองรับ เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ”

 พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล

เมื่อสอบถามถึงกระบวนการพิจารณาของคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ในกรณีไล่ออกนััน  พล.ต.ต.วิชัย ยืนยันว่า “ดำเนินการอย่างสุจริตและเป็นธรรมตามกฎหมาย ทุกขั้นตอนมีความโปร่งใส โดยเฉพาะในกรณีของบิ๊กโจ๊ก ที่มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบอย่างชัดเจน หากจะมีการกลั่นแกล้งจริง คงเป็นไปได้ยาก เนื่องจากกระบวนการตรวจสอบถูกแยกออกเป็นหลายชุดเเละอิสระ”

เมื่อถามว่า การต่อสู้ของบิ๊กโจ๊กมีเป้าหมายอื่นแอบแฝงหรือไม่ พล.ต.ต.วิชัย เชื่อว่าบิ๊กโจ๊กต่อสู้เพื่อความเป็นธรรม เพราะถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดเกี่ยวกับกฎหมายอาญาและกฎหมายฟอกเงิน ในเมื่อบิ๊กโจ๊ก ยืนยันว่า ตนเป็นผู้บริสุทธิ์ การต่อสู้เพื่อให้ได้ความยุติธรรมก็เป็นสิ่งที่ทำได้ ไม่ว่าจะเป็นด้านคดีอาญาหรือวินัย เพราะมันส่งผลต่อเกียรติและหน้าที่ราชการของตัวเขาเอง

เมื่อถามถึงบทบาทของการเมืองกับองค์กรตำรวจในปัจจุบัน พล.ต.ต.วิชัย ระบุว่า ในอดีตการเมืองมีอิทธิพลอย่างมากในการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ แต่หลังจากปี 2565 ซึ่งมีการปฏิรูประบบการแต่งตั้งภายใต้ระเบียบใหม่ โดยเฉพาะเมื่อพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ เข้าดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร.  ได้มีการนำระบบที่เน้นอาวุโส /ความสามารถ /ประสบการณ์มาใช้ ทำให้การแทรกแซงจากการเมืองลดลงอย่างชัดเจน

“ เดี๋ยวนี้การแต่งตั้งต้องเป็นไปตามลำดับอาวุโส มีการคัดเลือกจากกลุ่มตำรวจอาวุโส 33% และไม่มีเรื่องเส้นสายหรือซื้อขายตำแหน่งอีกต่อไป ใครที่ยังพยายามวิ่งเต้นก็อาจได้รับผลกระทบกลับมาด้วยซ้ำ ” พล.ต.ต.วิชัย กล่าว


เเหล่งข่าวจากสำนักงานตำรวจเเห่งชาติ (สตช.)กล่าวว่า การบริหารงานของสตช.ในช่วงนี้  ผบ.ตร.มีเเนวทางการทำงานกับตำรวจทุกนายว่า ต้องเคารพกฎหมาย ยุติธรรม รวดเร็ว โปร่งใส ไม่เลือกปฏิบัติเเละติดตามคดีต่างๅ เเบบใกล้ชิด เพื่อสร้างศรัทธาของสตช.ให้สังคมเชื่อถืออีกครั้ง เเละช่วงนี้ใกล้ช่วงเวลาเสนอบัญชีเเต่งตั้งโยกย้ายตำรวจประจำปีนั้น ผบ.ตร.ให้นโยบายว่าทุกขั้นตอนต้องโปร่งใส เป็นธรรม ดำเนินการตามกฎหมาย/มติก.ตร./ระเบียบที่เกี่ยวข้อง


“หลักเกณฑ์และกรอบเวลาแต่งตั้งระดับสูงตั้งแต่รอง ผบ.ตร., จตช.จนถึง ผบก.เริ่มดำเนินการได้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 2568 ก.ตร.ต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 31 ส.ค.เเละไล่บัญชีอื่นๆไปตามลำดับ แม้นายกรัฐมนตรีถูกคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่รักษาการนายกฯ จะทำหน้าที่ ประธาน ก.ตร. แทนได้ตามกฎหมายจึงไม่มีเหตุผลให้เลื่อนการแต่งตั้งวาระประจำปี 2568


ผบ.ตร.วางหลักไว้ว่า การแต่งตั้งตำรวจปีนี้ เดินหน้าตามกรอบเวลาเดิม  เเละใช้หลักเกณฑ์ใหม่  คือ“อาวุโส + ความสามารถ” ให้เกิดความเป็นธรรม โปร่งใส สร้างมาตรฐานใหม่ให้สังคมเชื่อมั่น เเละเพื่อความก้าวหน้าของตำรวจโดยไม่ถูกแทรกแซงทางการเมือง“ เเหล่งข่าวจากสตช.กล่าว


เเหล่งข่าวจากสตช. กล่าวว่า  ไม่กี่วันที่ผ่านมาพบการเคลื่อนไหวบางอย่างที่ผิดปกติเเละน่าเเปลกใจ เพราะสอดรับการทำงานของสตช./การเสนอบัญชีเเต่งตั้งโยกย้ายตำรวจปีนี้  คือนายชั่งทอง โอภาสศิริวิทย์ อดีตตุลาการศาลปกครองสูงสุด เเสดงความเห็นส่วนตัวทางสื่อออนไลน์ของตัวเอง เกี่ยวกับการที่รองผบ.ตร.คนหนึ่งถูกคำสั่งไล่ออกจากราชการไว้ก่อน“ น่าจะมีปัญหาการใช้และการตีความกฎหมาย”นั้น

โดยนายชั่งทอง กล่าวไว้ว่า ”เนื่องจากการออกคำสั่งดังกล่าว สำนักงานตำรวจแห่งมิได้นำบทบัญญัติตามมาตรา 120 วรรคสี่แห่งพรบ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 ที่บัญญัติห้ามมิให้ผู้บังคับบัญชาที่มีอำนาจ ดำเนินการใดๆที่กระทบสิทธิของข้าราชการตำรวจที่อยู่ระหว่างการสอบสวนของคณะกรรมการสอบสวน ( ซึ่งรวมถึงการสั่งพักราชการหรือการสั่งให้ออกจากราขการไว้ก่อน) เว้นแต่การที่ผู้บังคับบัญชาได้สั่งพักราชการหรือสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนตามคำแนะนำของคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง มาใช้พิจารณาออกคำสั่ง“


เเหล่งข่าวจากสตช.กล่าวว่า  การแสดงความเห็นของนายชั่งทองขัดแย้งโดยสิ้นเชิงกับผลการประชุม ก.ตร. ครั้งที่ 5/2567 วาระการพิจารณาเรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยข้าราชการตำรวจ กรณีคำสั่งให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ออกจากราชการไว้ก่อน รวมถึงวาระ การพิจารณาผลสรุปการสอบสวนของคณะอนุกรรมการข้าราชการตำรวจเกี่ยวกับการดำเนินการทางวินัย (อนุ ก.ตร.) เรื่องให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ออกจากราชการไว้ก่อน ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่


”โดย ก.ตร.มีมติ 12:0 เห็นว่า คำสั่งให้พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ออกจากราชการไว้ก่อนนั้น ถูกต้องแล้ว โดยอาศัยอำนาจตาม พรบ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 มาตรา 105 มาตรา 107 มาตรา 131และมาตรา 179 ประกอบกฎ ก.ตร. ว่าด้วยการสั่งพักราชการและออกจากราชการไว้ก่อน พ.ศ.2547เเละต้นเดือนส.ค.2567คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ ( ก.พ.ค.ตร. )ที่มีนายสมรรถชัย วิศาลาภรณ์ ประธานก.พ.ค.ตร. (อดีตประธานแผนกคดีบริหารงานบุคคล ในศาลปกครองสูงสุด) เป็นประธานพิจารณาวินิจฉัยอุทธรณ์ ร้องทุกข์ของพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ที่ถูกสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน โดยวินิจฉัยตามอำนาจหน้าที่ตามที่กฎหมายบัญญัติ และตามกฎ ก.พ.ค.ตร.ว่าด้วยอุทธรณ์และการพิจารณาวินิจฉัยอุทธรณ์ พ.ศ.2567 ซึ่งคู่กรณีทั้งสองฝ่ายได้โต้แย้งแสดงพยานหลักฐานของตนแล้ว

ก.พ.ค.ตร.มีมติเอกฉันท์ 7:0 วินิจฉัยว่า คำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 178/2567 ลงวันที่ 18 เม.ย. 2567 เป็นคำสั่งที่ดำเนินการตามหลักเกณฑ์ วิธีการตามที่กฎหมาย และ กฎ ก.ตร. กำหนด เป็นการใช้ดุลพินิจที่เหมาะสม จึงเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย วินิจฉัยยกอุทธรณ์และยกคำขอกำหนดวิธีการชั่วคราวของผู้อุทธรณ์”

เเหล่งข่าวจากสตช.กล่าวว่า น่าพิจารณาว่า ทำไมนายชั่งทองเพิ่งออกมาเเสดงมุมมองทางกฎหมายในกรณีดังกล่าวในห้วงเวลานี้ ทั้งๆที่กรณีนี้พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ใช้เวลาเเละใช้สิทธิทางกฎหมายชี้เเจงเเล้วตามสมควร   ต่อมาพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ยื่นฟ้องคดีต่อศาลปกครองสูงสุด เพื่ออุทธรณ์มติก.ตร.เเละมติก.พ.ค.ตร.ไป เเล้ว

“น่าพิจารณาว่า เหตุใดนายชั่งทอง ออกมาเเสดงความเห็นส่วนตัวทางกฎหมายโดยใช้ชื่อ/ตำเเหน่งล่าสุดหลังพ้นวาระมาเเล้วระยะหนึ่ง ในสื่อออนไลน์ของตนเองว่า "ตุลาการศาลปกครองสูงสุด" ต่อกรณีพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เเบบนั้น สังคมน่าจะพิจารณาได้ ว่าเคลื่อนไหวด้วยเหตุผลใด มีผลประโยชน์ใดแอบแฝงหรือไม่

อย่าลืมว่า ช่วงที่พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ถูกกล่าวหาในคดีต่างๆ นั้น สตช.เเละก.พ.ค.ตร.ให้เวลาเเละสิทธิในการพิสูจน์ข้อกล่าวหาเเก่พล.ต.อ.สุรเชษฐ์เต็มที่  ดังนั้นการที่นายชั่งทองออกมาเเสดงมุมมองส่วนตัวในกรณีของพล.ต.อ.สุรเชษฐ์นั้น สอดรับกับช่วงต้นเดือนก.ค.ที่ผ่านมา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ยื่นร้องเรียนขอให้ประธานศาลปกครองสูงสุดตรวจสอบและดำเนินการทางวินัยกับตุลาการเจ้าของสำนวนที่พล.ต.อ.สุรเชษฐ์อุทธรณ์คำสั่งของก.พ.ค.ตร.ต่อศาลปกครองสูงสุด 

เนื่องจากพบว่าตุลาการเจ้าของสำนวนบางรายมีพฤติกรรมฝ่าฝืนหลักจริยธรรมของตุลาการศาลปกครองอย่างร้ายแรงดำเนินการทางวินัยกับตุลาการเจ้าของสำนวน เนื่องจากพบว่ามีพฤติกรรมไม่เป็นกลาง 

ตรงนี้สังคมน่าจะพิจารณาได้ว่า ปรากฏการณ์ดังกล่าวในขั้นต้นนั้น ดำเนินการเเบบมีนัยสำคัญที่หวังผลอะไร" เเหล่งข่าวจาก สตช.ระบุ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชั่งทองเคยเป็นผอ.สำนักข้อมูลข่าวสารทางราชการ/อดีตตุลาการศาลปกครองสูงสุด/อดีตตัวเเทนศาลปกครองสูงสุดผู้ได้รับการคัดเลือกจากที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดไปทำหน้าที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเเต่ไม่ได้รับความเห็นชอบจากสว.


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ส่วนคดีต่างๆที่พาดพิงพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ในช่วงที่ผ่านมา คือ การพัวพันคดีเว็บพนันมินนี่เเละบีเอ็นเค มาสเตอร์ /การฟอกเงินจากการเวนคืนกรมธรรม์ โดยปปง.เเจ้งความไว้ที่สน.บางรัก
/การใช้ลูกน้องร่วมกับอั้ง เมืองชล เซียนพระเเละบุคลาการในสำนักงานปปช.ร่วมทำบัญชีทรัพย์สินฯอันเป็นเท็จ ฯลฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า   เเละช่วงต้นปี2568 เป็นต้นมาพบว่าพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ถูกนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ตำหนิว่า เสียมารยาทที่เเอบอัดคลิปการสนทนาเเละนำมาเผยเเพร่กับสื่อมวลชน/มีการเเจ้งความว่าพล.ต.อ.สุรเชษฐ์เเละดร.ผู้หญิงคนหนึ่งร่วมทุจริตการสอบระดับปริญญาตรีของคณะนิติศาสตร์ จุฬาฯที่พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ได้ลงทะเบียนเข้าศึกษาเเละล่าสุดคือการขอให้ตรวจสอบพฤติกรรมของตุลาการศาลปกครองสูงสุดที่พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ร้องเรียนว่าไม่เป็นธรรม