
18 กรกฎาคม 2568 นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์พิเศษรายการ “ฟังหูไว้หู” ของสำนักข่าวไทย โดยมีนายวีระ ธีรภัทร และ นางสาวชุติมา พึ่งความสุข เป็นผู้ดำเนินรายการสด ในงานปลดล็อคอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤตโลก เมื่อวานนี้ (17 ก.ค.2568)
โดยนายทักษิณ ตอบคำถามถึงประเด็น ปัญหาการเมืองหรือปัญหาเศรษฐกิจหนักหนากว่ากัน ว่า ปัญหาเศรษฐกิจคาดการณ์ได้ อาจต้องใช้เวลา แต่ปัญหาการเมืองทำนายยาก จิตใจมนุษย์เต็มไปด้วยความโลภกิเลส เป็นสิ่งที่เดาได้ยากยิ่งกว่าเศรษฐกิจที่เป็นไปตามภาวะของโลก ที่คาดเดาได้
ส่วนดีลลับมีจริงหรือไม่ นายทักษิณ ยืนยันว่า "ไม่มี" มีการสร้างมาเพื่อให้เกิดความตื่นเต้น ไม่มีดีลอะไรเลย แต่ดีลที่แน่นอนคือดีลกับ "ทรัมป์"
เมื่อถามย้ำว่าในตอนที่ตัดสินใจ ในปี 2566 ทุกคนเชื่อว่าต้องมี อย่างน้อยอะไรสักอย่างให้เกิดความมั่นใจ นายทักษิณ ระบุว่า ทางการเมืองไม่มี ไม่มีดีลการเมืองกับใครเลย กลับมาตามระบบ และทูลขอพระราชทานพระเมตตา ซึ่งก็ได้รับพระราชทาน แค่นั้นเอง
นายทักษิณ ยังระบุว่า หากรัฐบาลนี้อยากเข้ามาทำธุรการกับธุรกิจ สามารถอยู่ได้สบาย ตลอด 4 ปี แต่เราอยากทำงานแก้ปัญหาให้กับบ้านเมือง
เมื่อถามว่า สถานการณ์ของท่านไม่ได้ดีไปกว่าสถานการณ์ของ นายกฯ แพทองธาร ชินวัตร ซึ่งในวันที่ 22 สิงหาคมนี้ ศาลอาญานัดพิจารณาคดีมาตรา 112 นายทักษิณ บอกว่า ไม่หรอก ตนขึ้นศาลเอง ตนรู้ว่าโจทก์ไม่มีหลักฐานอะไรเลย ขณะที่พยานอะไรก็ไม่รู้ และตนได้ถามพนักงานสอบสวน ถ้าวันนั้นไม่ถูกกดดัน พยานหลักฐานแค่นี้ จะสั่งฟ้องตนหรือไม่ พนักงานสอบสวนตอบว่า อย่าว่าเรื่องสั่งฟ้องเลย รับคดีก็ไม่รับ เราเคารพศาล สิ่งที่พูดเป็นการเล่าให้ฟังว่าเรื่องนี้ไม่มีหลักฐาน
“ผมผ่านการเมืองมา 51 ปี ลูกสาวผม อาสา เขาตามผมมาตั้งแต่เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ หาเสียงด้วยกันตลอด เพราะฉะนั้นความอยากใกล้ชิด ช่วยเหลือชาวบ้าน มันอยู่ใน DNA ซึ่งเมื่ออาสาแล้ว เขาให้ทำก็ทำเต็มที่ แต่ถ้าเขาไม่ให้ทำก็กลับไปเลี้ยงลูกต่อไปเท่านั้น”
เมื่อถามว่า คนนอกมองทำไมท่านต้องมามายุ่งกับการเมือง นายทักษิณ กล่าวว่า ประเทศไทยปัญหาเยอะ และซับซ้อน ถ้าอ่านพระบรมราชโองการ ลดโทษให้ตน ตนต้องรับใส่เกล้า แล้วจะอยู่เฉยโดยไม่สนใจปัญหาบ้านเมือง ถือว่าไม่ถูกต้อง