
ช่วงนี้ชื่อของ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรี และอดีตนายกรัฐมนตรี อดีตหัวหน้า คสช. ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางว่าจะกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกรอบ เพื่อ “ผ่าทางตันประเทศไทย” หากนายกฯแพทองธาร ไม่ได้ไปต่อจากคดีบนศาลรัฐธรรมนูญ
แม้คำสัมภาษณ์ของอดีตนายกฯทักษิณ บนเวที “55 ปีเนชั่น” จะประกาศ “ผ่าทางตันเพื่อไทย” เอาไว้ 3 ออปชั่น คือ ลูกสาวรอด , ลูกสาวไม่รอด แล้วตั้งคุณชัยเกษม นิติสิริ เป็นนายกฯต่อ หรือยุบสภา
โดยทั้ง 3 ออปชั่น ไม่ได้พูดถึง “ลุงตู่” แม้แต่น้อย ทำให้น่าคิดว่าเหตุใดชื่อของ “ลุงตู่” จึงถูกพูดถึงไม่หยุด
ประเด็นแรก - ความเป็นไปได้ทางการเมือง
วันนี้ กระแส “คิดถึงลุงตู่” เป็นจริงแล้ว และไม่มีใครปฏิเสธอีกต่อไป จากผลสำรวจของนิด้าโพลที่ออกมา
ก่อนหน้านี้ กระแสคนบ่นคิดถึงลุงตู่ มีบางฝ่ายค่อนแคะว่าเป็น ไอโอ
แต่ผลสำรวจล่าสุด ลุงตู่คะแนนนำโด่ง คนที่ประชาชนอยากให้เห็นนายกฯ หากคุณอุ๊งอิ๊งไม่ได้ไปต่อ โดยเลือกจาก “บัญชีแคนดิเดต” ทั้งหมด ตามรัฐธรรมนูญ
ความน่าสนใจก็คือ คะแนนของลุงตู่ สูงกว่าแคนดิเดตที่เหลือทุกคน รวมทั้ง คุณชัยเกษม จากพรรคเพื่อไทย และ “เสี่ยหนู” จากพรรคภูมิใจไทย ซึ่งมีจำนวน สส.มากกว่าพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่เสนอชื่อลุงตู่
หนำซ้ำยังมีคะแนนสูงกว่า “กลุ่มที่ไม่สนับสนุนใครเลยในบัญชีแคนดิเดต” พูดง่ายๆ คือ “ดีกว่าคนนอก”
ในทางการเมือง จึงสรุปได้ว่า ประชาชนคิดถึงลุงตู่
นอกจากนั้นยังมีการวิเคราะห์กันของบรรดากูรูว่า ไม่ได้มีแค่ประชาชนที่คิดถึง แต่คุณทักษิณ ก็อาจจะคิดถึงลุงตู่ด้วย
คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ประเมินว่า หากคุณทักษิณเลือกได้ กรณีลูกสาวไม่ได้ไปต่อ และคุณชัยเกษมไปไม่ไหว ก็อาจจะอยากได้ “ลุงตู่” เป็นนายกฯ เนื่องจากปลอดภัยกว่าแคนดิเดตที่เหลือทุกคน เพราะ “ลุงตู่” ไม่ใช่คู่แข่งทางการเมืองในการเลือกตั้งปี 70
หากลุงตู่กลับมา จะมาเป็นนายกฯเฉพาะกาล ในรัฐบาลเฉพาะกิจเท่านั้น
หลายคนฟังแล้วบอกว่า ข้อสังเกตของคุณอภิสิทธิ์มีน้ำหนัก เพราะน่าแปลกหรือไม่ สถานการณ์เดินมาถึงขนาดนี้ คุณชัยเกษม ยังบอกกับสื่อทุกสำนักอย่างไม่ปิดบังว่า ไม่เคยมีใครในพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะ “นายใหญ่” ติดต่อแกเลย หรือจริงๆ ชื่อคุณชัยเกษม เป็นตัวหลอก
ฉะนั้นในทางการเมือง จึงตอบได้อย่างอนุมานว่า คนที่คิดถึงลุงตู่ มีทั้งประชาชนคนไทยจำนวนไม่น้อย และอาจรวมถึงอดีตนายกฯทักษิณด้วย
ประชาชน : จากการสำรวจนิด้าโพล คะแนนสูงสุดใน “แคนดิเดต” ที่อยากให้เป็นนายกฯต่อจากอุ๊งอิ๊ง
สองแนวคิด : สถานะความเป็น “แคนดิเดต” ยังสมบูรณ์อยู่หรือไม่
“ทักษิณ” : ถ้าต้องเลือกแคนดิเดตที่เหลืออยู่ “ลุงตู่” อาจลงตัวที่สุด
ประเด็นที่สอง ความเป็นไปได้ทางกฎหมาย
หลายเสียง แม้แต่ สส.พรรคประชาชน อย่าง คุณรังสิมันต์ โรม ก็ยังออกมาบอกว่า ให้น้ำหนัก “ลุงตู่” กลับมาเป็นนายกฯ หากคุณอุ๊งอิ๊งไปต่อไม่ได้
มีเสียงถามว่า ลุงตู่เป็นองคมนตรี จะกลับมาเป็นนายกฯได้อย่างไร คุณโรม ตอบว่า ตอนปี 49 หลังการรัฐประหาร ก็มีนายกฯจากองคมนตรีที่ลาออกมาเช่นกัน (พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์)
จากคำตอบนี้ยิ่งตอกย้ำความเชื่อว่า ลุงตู่น่าจะหวนกลับมาเป็นนายกฯได้จริงๆ
แต่หากพิจารณารัฐธรรมนูญชั่วคราวหลังรัฐประหารปี 49 เปิดทางให้ พล.องสุรยุทธ์ มาเป็นนายกฯได้ เพราะเป็น “การเมืองช่วงสุญญากาศหลังรัฐประหาร”
ส่วนการเมืองขณะนี้ ยังไม่เข้าสู่สุญญากาศ ยังเป็นการเมืองระบบปกติ จึงต้องเดินตามเงื่อนไขของรัฐธรรมนูญอย่างเคร่งครัด นั่นก็คือ เลือกนายกฯจากบัญชีแคนดิเดตเท่านั้น
ถามว่าวันนี้ “ลุงตู่” เป็นองคมนตรีไปแล้ว ยังเป็น “แคนดิเดตนายกฯ” อยู่หรือไม่
หลายฝ่ายตอบว่า “แคนดิเดตนายกฯ” เป็นแล้ว ลาออกไม่ได้ เพราะรัฐธรรมนูญไม่ได้บัญญัติไว้ ความเป็นแคนดิเดตน่าจะสิ้นสภาพเมื่อประกาศพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งครั้งใหม่ (ก็จะเข้าสู่ขั้นตอนเสนอแคนดิเดตรอบใหม่)
แต่หลายคนอาจจะลืมดูไปว่า กฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรา 88-89 ที่บัญญัติเกี่ยวกับการเสนอชื่อ “แคนดิเดตนายกฯ” ของพรรคการเมืองที่ลงเลือกตั้ง ได้บัญญัติ “คุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม” ของแคนดิเดตนายกฯเอาไว้ด้วย ซึ่งก็คือคุณสมบัติเดียวกับรัฐมนตรี หลักๆ คือ เป็นข้าราชการ และเจ้าหน้าที่รัฐไม่ได้
งานนี้จึงมีข้อโต้แย้งว่า ลุงตู่เป็นองคมนตรี ถือเป็น “ข้าราชการในพระองค์” หรือไม่ ถ้าไม่ใช่ ต้องถือเป็น “เจ้าหน้าที่รัฐ” ประเภทหนึ่งหรือไม่ เพราะมีเงินเดือนที่ได้จากรัฐ จากงบประมาณแผ่นดิน
ฉะนั้นคุณสมบัติและสถานะการเป็น “แคนดิเดต” จึงมีปัญหา อาจต้องถึงขั้นส่งตีความ
เหตุนี้จึงไม่ง่ายหาก “ลุงตู่” จะกลับมา ทั้งนี้ยังไม่รวมถึงประเด็นที่ว่า ตัวท่านอยากกลับมาด้วยหรือเปล่า!