
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวเสวนา Special Talk หัวข้อ "เชื่อมั่นประเทศไทย: โจทย์ใหญ่รัฐบาล?" ที่ "สภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ" จัดขึ้น เนื่องในโอกาสครบรอบ 28 ปี สภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ โดยได้กล่าวถึงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ท่ามกลางสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้ ที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งหยุดปฏิบติหน้าที่ว่า ขณะนี้ รัฐบาลเผชิญนิติสงคราม จนทำให้นายกรัฐมนตรี ถูกยุติปฏิบัติหน้าที่ จนสื่อมวลชนมีการวิเคราะห์หลายรูปแบบ แต่ก็ต้องอาศัยคำของนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาการนายกรัฐมนตรีว่า "อย่าเพิ่งจินตนาการ" และมั่นใจว่า จะไม่เกิดทางตันทางการเมือง ตามที่ฝ่ายค้านระบุ เพราะตามรัฐธรรมนูญ ยังมีกลไกทางออก แต่ขณะนี้ เป็นเพียงการสะดุดติดขัดการขับเคลื่อนของรัฐบาลบ้าง แต่หลังจากที่รัฐมนตรีชุดใหม่ เข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณตน เพื่อเข้าปฏิบัติหน้าที่แล้ว จึงถือว่า จบกระบวนการการมีคณะรัฐมนตรีครบถ้วน การขับเคลื่อนของแต่ละกระทรวง ก็สามารถเดินหน้าได้ และนายภูมิธรรม ก็ยังคงทำหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรี จึงไม่เกิดทางตันใด ๆ
ส่วนผลคำวินิจฉัยของรัฐธรรมนูญในประมาณ 2 เดือนข้างหน้านั้น นายจุลพันธ์ ระบุว่า หากผลออกมาเป็นทางบวก นางสาวแพทองธาร ก็กลับมาขับเคลื่อนประเทศต่ออีก 2 ปีที่เหลือ แต่ถ้าคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ เป็นไปในทางลบให้พ้นจากตำแหน่ง กระบวนการก็จะย้อนกลับไปที่สภาผู้แทนราษฎร ในการเลือกนายกรัฐมนตรีจากแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคการเมือง ที่มี สส.เกิน 25 คน และพรรคเพื่อไทย ก็ยังมีนายชัยเกษม นิติสิริ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ซึ่งกลไกตามระบบยังทำหน้าที่ได้ และไม่ได้เป็นปัญหาใด ๆ แม้ประเทศไทยจะต้องเผชิญปัญหาในลักษณะนี้บ่อยครั้ง
ส่วนหากผลคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญออกมาในทางลบ และต้องเกิดกระบวนการเลือกนายกรัฐมนตรีใหม่ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจะพ้นมือพรรคเพื่อไทยหรือไม่นั้น นายจุลพันธ์ มองว่า พรรคเพื่อไทย ต้องเสนอแคนดิเดตของตนเองให้พรรคร่วมรัฐบาลที่เป็นเสียงข้างมากพิจารณา แต่การตอบจะก่อนว่า จะเป็นเช่นนั้นหรือไม่นั้น ยังไม่สรุปได้ เพราะเป็นอำนาจของสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ตนไม่สามารถตอบแทนสภาฯ ได้ แต่พรรคร่วมรัฐบาลขณะนี้ ยังมีเสียงข้างมาก พร้อมยืนยันด้วยว่า พรรคร่วมรัฐบาลยังกลมเกลียวกัน ไม่ได้มีการพูดถึงกรณีที่นางสาวแพทองธาร จะต้องพ้นจากตำแหน่ง และมั่นใจว่า การกระทำของนายกรัฐมนตรีในการติดต่อสื่อสารกับอดีตนายกรัฐมนตรีฮุน เซ็น ไม่ได้ทำให้ประเทศไทยเสียอาณาเขต และการติดต่อสื่อสารกับผู้นำต่างประเทศ ก็เป็นกลไกปกติ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ ที่นายกรัฐมนตรี ก็ไม่ได้ต้องการให้เกิดความสูญเสียต่อเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จึงใช้กลไกและวิธีการ ซึ่งใครจะชอบหรือไม่ชอบก็เป็นมิติทางการเมือง แต่ไม่ได้มีผลกระทบเชิงลบเกิดขึ้นต่อประเทศ
ส่วนหากต้องเลือกนายกรัฐมนตรีใหม่ นายกรัฐมนตรีคนต่อไปจะอยู่ในกลุ่มพรรคร่วมรัฐบาลเดิมหรือไม่ หลังพรรคประชาชน พร้อมสนับสนุนนายกรัฐมนตรีชั่วคราว โดยไม่จำกัดตัวบุคคล และพรรคการเมืองนั้น นายจุลพันธ์ ย้ำว่า ยังไม่สามารถตอบสถานการณ์ทางการเมืองล่วงหน้าได้ แต่ในมิติการเมืองที่แท้จริง ต้องมองว่า สมการดังกล่าว รัฐบาลจะสามารถเดินหน้าได้จริงหรือไม่หากรัฐบาลไม่มีเสียงในสภาผู้แทนราษฎรเกินครึ่งหนึ่ง เพราะสภาผู้แทนราษฎรเสียงข้างน้อย ไม่สามารถขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหา การออกนโยบาย หรือออกกฎหมายให้ประชาชนได้ หรือแม้แต่การเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจพรรคประชาชนจะลงมติอย่างไร ซึ่งน่าจะเป็นทางตันมากกว่า แต่เบื้องต้น พรรคเพื่อไทยไม่ได้มองไกลขนาดนั้น เพราะนายกรัฐมนตรี ยังอยู่ในตำแหน่ง เพียงแต่หยุกปฏิบัติหน้าที่
นายจุลพันธ์ ยังย้ำว่า ข้อเสนอนายกรัฐมนตรีชั่วคราว ตนเองไม่ได้มองเป็นผลบวก และไม่ได้มองเป็นทางออก เพราะรัฐบาลที่ไม่สามารถรวมเสียงได้เกินกึ่งหนึ่ง การยืนระยะเวลา 3-6 เดือนก็ไม่สามารถทำได้ เพราะรัฐบาลไม่สามารถทำอะไรได้ ตามกลไกประชาธิปไตยระบอบตัวแทน
ส่วนนางสาวแพรทองธาร จะตัดสินใจลาออกก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย หรือรักษาการนายกรัฐมนตรีจะยุบสภาหรือไม่นั้น นายจุลพันธ์ ระบุว่า ยังไม่สามารถตอบได้ เพราะเป็นสิทธิส่วนบุคคล และขณะนี้ ก็ยังไม่มีเหตุการณ์ใด ๆ ที่จะไปถึงจุดนั้น เพราะรัฐบาลยังมีรักษาการนายกขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาได้ โดยเฉพาะชายแดน ดังนั้น จึงยังจำเป็นต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าก่อน รวมถึงยังมีนายกรัฐมนตรี ที่ยังอยู่ในตำแหน่งแต่ถูกยุติการปฏิบัติหน้าที่ และยังมีรัฐมนตรีขับเคลื่อนกระทรวงต่าง ๆ
นายจุลพันธ์ ยังย้ำด้วยว่า ตนเองในฐานะรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยนั้น พรรคเพื่อไทย ยังมีนายชัยเกษม เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ซึ่งพรรคเพื่อไทย พร้อมที่จะสนับสนุน หรือหากไม่สามารถเป็นนายชัยเกษม หรือเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยได้ กลไกของรัฐสภาก็มีรองรับ และสุดท้ายบ้านเมืองจะสามารถเดินหน้าต่อไปได้ตามกลไก โดยไม่ต้องอาศัยกลไกนอกระบบ