ไล่นายกฯ เป็นสิทธิ ระวังตกเป็นเหยื่อหน้าเดิมแฝงรัฐประหาร

นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการชุมนุมทางการเมืองของคณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตยไทย ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เมื่อวันที่ 28 มิถุนายนที่ผ่านมา จนทั้งพรรคเพื่อไทย และพรรคประชาชนออกมาแสดงความกังวลจะเกิดการรัฐประหารอีกครั้งว่า ตนเองเชื่อว่า กลุ่มผู้ชุมนุม ออกมาเรียกร้องด้วยความบริสุทธิ์ใจเพื่อเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี ทั้งการให้นายกรัฐมนตรีลาออก หรือให้พรรคร่วมรัฐบาลถอนตัว ซึ่งตนเองกังวลว่า จะมีความต้องการของบางกลุ่ม ฉกฉวยสถานการณ์เรียกร้องใช้กระบวนการนอกรัฐธรรมนูญ ไม่เป็นไปตามประชาธิปไตย ซึ่งแกนนำผู้ชุมนุมหน้าตาก็เป็นคนเดิม ๆ ที่เคยเรียกร้อง จนนำไปสู่การรัฐประหารในอดีต และขึ้นเวทีชุมนุม แม้จะไม่ได้กล่าวชัดเจนว่าจะเรียกร้องให้รัฐประหาร แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธกับการรัฐประหารอย่างชัดเจนเช่นกัน ยังมีการพูดเปิดช่องว่า หากเกิดรัฐประหาร ก็ไม่อยากเห็นนายกรัฐมนตรีที่มาจากทหาร จึงทำให้พรรคฯ กังวลว่า การชุมนุมมีวัตถุประสงค์แอบแฝงหรือไม่

ผู้นำฝ่ายค้านฯ ยังย้ำว่า การชุมนุมเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออก เป็นสิทธิที่สามารถเรียกร้องได้ แต่ก็ต้องระวังจะตกเป็นเครื่องมือของกลุ่มคนที่เรียกร้องกระบวนการนอกรัฐธรรมนูญได้

ส่วนมองการชุมนุมครั้งนี้ จะเข้าทางฝ่ายกัมพูชา ที่จ้องพยายามปลุกปั่นคนไทย หรือพยายามสร้างให้เกิดความวุ่นวายต่อการเมืองไทยหรือไม่นั้น ผู้นำฝ่ายค้านฯ เห็นว่า สาเหตุหลักของความไร้เสถียรภาพ และความไม่แน่นอนระหว่างสถานการณ์ไทย-กัมพูชา เป็นเพราะการขาดความชัดเจน และขาดประสิทธิภาพในการสื่อสารของรัฐบาล เพราะทุกครั้งที่มีการเจรจาฝ่ายกัมพูชามักจะออกมาสื่อสารก่อน และในการวางตัวของนายกรัฐมนตรี ที่ตนเคยพูดแล้วว่า การเจรจาไม่ว่าจะหน้าบ้าน หรือหลังบ้าน หากนายกรัฐมนตรี ใช้บทบาทผู้นำต่อผู้นำ รัฐต่อรัฐ บทสนทนาจะไม่ออกมาในรูปแบบนี้ แต่กลับใช้ความสัมพันธ์ระหว่างครอบครัว บทสนทานาจึงเปลี่ยนรูปแบบ และถูกอดีตนายกรัฐมนตรีฮุน เซน นำมาใช้ประโยชน์ทำลายล้างฝั่งไทยได้