svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

“ดร.สุรชาติ” ตั้งข้อสังเกต ปรับ ครม. ไม่ตอบโจทย์มั่นคง

“ดร.สุรชาติ บำรุงสุข” ตั้งข้อสังเกต ปรับ ครม. แพทองธาร 2 ไร้ชื่อสนามไชย 1 ไม่ตอบโจทย์ความมั่นคง ชายแดนไทย-กัมพูชา ป่วนใต้

27 มิถุนายน 2568 ศ.กิตติคุณ ดร.สุรชาติ บำรุงสุข ผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ยุทธศาสตร์ทหาร และความมั่นคง เผยแพร่บทความข้อสังเกตเกี่ยวกับการปรับ ครม. ว่า ในที่สุด โผคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี แพรทองธาร ชินวัตร ก็เสร็จสิ้นลง หลังจากกลายเป็นความคาดเดาบนหน้าสื่อ และในเวทีสาธารณะอย่างต่อเนื่องมาหลายวัน

 

การปรากฏตัว ของ ครม. แพรทองธาร ชุดใหม่นั้น อาจตั้งข้อสังเกตได้ ดังนี้

1.คณะรัฐมนตรีชุดนี้ ไม่น่าจะเรียกว่า “แพทองธาร 2” แต่น่าจะเรียกว่า “แพรทองธาร 1.5” มากกว่า เพราะแทบไม่มีความเปลี่ยนแปลงตัวบุคคลในทางการเมืองมากนัก

 

2.การจัดคนลงตำแหน่งรัฐมนตรี ยังมีสภาวะเป็น “โต๊ะหมุนทางการเมือง” คือ เป็น “political round table” ที่หมุนไปมากับกลุ่มนักการเมือง ที่ต้องหาตำแหน่งลงให้ได้ บางคนอาจเปรียบเทียบเป็น “เก้าอี้ดนตรีทางการเมือง” ที่หมุนไปมาเท่านั้นเอง

ศ.กิตติคุณ ดร.สุรชาติ บำรุงสุข

 

3.การจัดบุคลากรทางการเมือง ถูกกำหนดจากการเมืองในแบบ ”โควตาพรรค” เพื่อให้เกิดการประนีประนอมทางการเมืองต่อการดำรงอยู่ของรัฐบาลผสม

 

4.ในอีกส่วน เห็นได้ชัดว่า การนำคนลงในตำแหน่งทางการเมืองไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่า กระบวนการ “ต่อรองทางการเมือง” ของผู้นำทางการเมืองในแต่ละพรรค (หรือแต่ละ “มุ้ง” ที่อยู่ในพรรค) จึงต้องดำเนินการเพื่อลดแรงเสียดทานให้ได้มากที่สุด เพื่อให้รัฐบาลผสมไม่สะดุดลง

 

5.ในสภาวะที่ประเทศไทยมีปัญหาต่างๆ รุมเร้าทุกด้าน สังคมอยากเห็นคณะรัฐมนตรีที่จะเป็น “ประกายความหวัง” ของการพาประเทศไปสู่อนาคต แต่ด้วยความเป็นจริงของการเมืองตามโควตาพรรคของรัฐบาลผสมนั้น คำว่า “ดรีมทีม” จึงเป็นเพียง “ฝันกลางวัน” ที่ไม่เป็นจริง

6.น่าสนใจว่าในขณะที่ประเทศมีปัญหาความมั่นคงด้านกัมพูชาอย่างมากนั้น กลับไม่มีการตั้งตำแหน่ง “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม” ซึ่งต้องถือว่าการปล่อยให้ตำแหน่งนี้ว่าง เป็นประเด็นที่น่าสนใจทั้งในทางการเมืองและการทหาร

 

7.ในกรณีของกระทรวงกลาโหมนั้น น่าสนใจที่เห็นถึงการสลับไปมาของรายชื่ออดีตนายทหารชั้นผู้ใหญ่ 2 นาย ที่สลับเปลี่ยนไปมาระหว่างนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 20 และ 21 และจบลงด้วยการไม่ตั้งรัฐมนตรีเจ้ากระทรวง แต่กลับมีรัฐมนตรีช่วยคนเดิมดำรงตำแหน่งต่อไป (รุ่น 20)

 

8.สภาวะเช่นนี้ น่าจะเป็นผลพวงจาก “ปัญหาการเมืองสนามไชย” ใน “ครม. แพรทองธาร 1” ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีท่าทีที่ต้องการผลักดันให้ รัฐมนตรีช่วยว่าการขึ้นสู่ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการใน “ครม. 2” แต่ก็ดูจะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก แรงสนับสนุนจึงทำได้เพียงให้รัฐมนตรีช่วยท่านนั้น อยู่ที่เดิม

 

9.น่าสนใจว่า บุคคลที่รับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมนั้น มาจากโควตาของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เพราะกระทรวงนี้เป็นโควตาของพรรคเพื่อไทย แต่รัฐมนตรีเจ้ากระทรวงกลับมีท่าที “วิ่งเต้น” โดยเสมือนกับการยกเก้าอี้นี้ให้พรรคการเมืองอื่น ทั้งที่เป็นกระทรวงสำคัญ

 

10.การไม่มีตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จึงไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าภาพสะท้อนถึงการ “ไร้ความสนใจ” กับงานด้านความมั่นคงของประเทศของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย

 

11.ในช่วงที่ไทยต้องเผชิญกับปัญหาความตึงเครียดเรื่องกัมพูชานั้น กระทรวงความมั่นคงที่สำคัญ 2 ส่วน ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากถึงความล่าช้า และความอ่อนแอในการรับมือกับปัญหากัมพูชา คือ กระทรวงกลาโหม และกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งไม่แน่ใจว่า รัฐบาลได้มีการพิจารณาประเด็นนี้ในการปรับ ครม. เพียงใด

 

12.แม้จะมีเสียงวิจารณ์อย่างมากต่อบทบาทของ 3 บุคคลทางการเมือง คือ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม รัฐมนตรีช่วยกระทรวงกลาโหม และรัฐมนตรีต่างประเทศ แต่การปรับ ครม. ก็ไม่ได้ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงตัวบุคคลเหล่านี้แต่อย่างใด

 

13.การดำรงอยู่ของตัวบุคคลเช่นนี้ ไม่ได้เป็นสัญญาณอะไรกับการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งไทย-กัมพูชาแต่อย่างใด หรือถ้าทำก็เป็นไปในแบบ “โมเดลโควิด” อาศัยการแถลงข่าวไปวันๆ เป็นภาพโฆษณาการแก้ไขปัญหานี้

 

14.ในขณะที่ปัญหาความรุนแรงในภาคใต้ปัจจุบัน เริ่มทวีความเข้มข้นมากขึ้นนั้น การปรับ ครม. ครั้งนี้ ไม่ได้เป็นสัญญาณเชิงบวกกับแนวทางการแก้ไขปัญหาภาคใต้แต่อย่างใด

 

15.รัฐบาลโดยตัวนายกรัฐมนตรี ต้องระวังผลในเชิงจิตวิทยาการเมือง ที่คนในสังคมจะไม่ตอบรับกับการปรับ ครม. เช่นนี้ อันอาจส่งผลโดยตรงต่อสถานะของพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งครั้งหน้า

 

การปรับ ครม. ครั้งนี้ ต้องระมัดระวังอย่าให้กลายเป็นความอึดอัดของประชาชน ที่วันนี้ ผู้คนในสังคมต้องเผชิญปัญหาต่างๆรอบด้าน ที่แทบจะไม่มีทางออก แต่ก็ยังมีความหวังสักหน่อยว่า การเมืองจะเป็นปัจจัยในการแก้ปัญหา แต่สุดท้ายแล้ว ความหวังนี้อาจพังทลายไปกับ “เก้าอี้ดนตรีการเมือง” เท่านั้นเอง!