
19 มิถุนายน 2568 “กังฟู วสวรรธน์ พวงพรศรี” หัวหน้าพรรคไทรวมพลัง ในฐานะชาวอำเภอน้ำยืน จ.อุบลราชธานี เปิดเผยกรณีโพสต์เฟซบุ๊ก ระบุถึง จุดผ่อนปรนช่องอานม้าปิดแบบกระทันหัน โดยทางการกัมพูชา ทำให้ฝั่งเราต้องปิดไปด้วย เพราะไม่สามารถข้ามไปได้ จนกว่าจะมีแนวทางจากกองทัพ และส่วนกลางอีกครั้ง ว่า บริเวณจุดผ่อนปรนการค้า ช่องอานม้า จากเดิมที่กองทัพภาคที่2 ได้ปรับเปลี่ยนการเปิดปิดด่าน จาก 2 วัน เหลือ 1 วัน คือทุกวันพฤหัสบดี เวลา 09.00-12.00น. ซึ่งครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 2 หลังปรับมาตรการ และมีรถไปรอกันตั้งแต่ 09.00 น. จากฝั่งไทยเพื่อจะข้ามไปฝั่งกัมพูชา
แต่ปรากฎว่า ทหารของกัมพูชา ได้นำสื่อมวลชนของประเทศเขามาแถลงข่าวตรงจุดผ่อนปรนว่า ไม่ให้คนกัมพูชาข้ามมาฝั่งไทย ทำให้ทหารไทยก็ไปเจรจา แต่ก็ไม่มีการพูดคุย พอแถลงข่าวเสร็จก็สั่งปิดด่านเลย คนกัมพูชาที่จะมารับสินค้าก็ข้ามมาไม่ได้เหมือนกัน เพราะกัมพูชาเขาสั่งปิดกระทันหัน ทำให้บริเวณจุดผ่อนปรนทางการค้าช่องอานม้า ต้องปิดไปโดยปริยาย เพราะหากจะเปิดต้องเปิดทั้งสองฝั่ง
เหตุการณ์วันนี้ ทำให้ส่งผลกระทบกับผู้ประกอบการที่ทำการค้าขาย เฉพาะสินค้าของสด เครื่องบริโภค เสียหาย ซึ่งหากจะขนส่งไปยังด่านอื่น ก็จะมีระยะทางที่ไกลขึ้น และจะทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะวันนี้เสียหาย 100% จากเดิมมูลค่าการค้าชายแดนลดลงไป 80% จึงอยากเรียกร้องให้ทางรัฐบาลช่วยดูจากส่วนกลางว่า จะมีมาตรการสนับสนุนหรือชดเชยให้กับผู้ประกอบการที่เขาสูญเสียรายได้ส่วนนี้
โดยเฉพาะ SMEรายย่อย ในการลดอัตราดอกเบี้ยกับผู้ประกอบการ หรือมาตรการสนับสนุนการค่าให้ไปบริเวณช่องทางอื่น หรือ หากจะปิดจริงๆ จะมีมาตรการส่งเสริมผู้ประกอบการให้หันไปประกอบธุรกิจ ที่ยืนหยุ่นได้ในเรื่องของการแปรรูปหรือการบริการได้หรือไม่
รวมถึงหากสถานการณ์ชายแดนมีการยืดเยื้อ ก็อยากจะให้มีการประกันรายได้เกษตรกรตามแนวชายแดน โดยนำผลประกอบการย้อนหลัง 3 ปีของหอการค้าจังหวัดอุบลราชธานี มาเป็นตัวกำหนดได้ เพราะตัวเลขก่อนหน้านี้ เรื่องการค้าชายแดนค่อยๆ โตขึ้น แต่เมื่อมีการปิดด่าน ก็เกิดผบกระทบ จึงอยากให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาดูแลเศรษฐกิจการค้าชายแดนด้วย
“แม้จะมีการเสียหายในวันนี้ ก็ไม่เป็นไร แต่ขอให้ได้รักษาอำนาจหน้าที่ และศักดิ์ศรีของประเทศไว้ก่อน”
ส่วนในวันพรุ่งนี้ (20 มิ.ย.) ที่นายกรัฐมนตรี จะลงพื้นที่ มาให้กำลังทหารที่ช่องบก และพบกับแม่ทัพภาคที่ 2 นั้น “กังฟู วสวรรธน์” มองว่า บริเวณฐานมรกต เป็นจุดที่รวมของกำลังพลทหาร หากนายกรัฐมนตรีลงพื้นที่มาให้กำลังใจก็เป็นเรื่องที่ดี จะได้เห็นว่าพี่ๆ ทหาร อยู่กันเป็นยังไง ทั้งที่นอน อาหารการกินต่างๆ ขณะเดียวกันชาวบ้านในพื้นที่ ก็จะทำให้มีขวัญและกำลังใจเพิ่มขึ้น เพราะชาวบ้านก็ยังมีการเฝ้าระวังสถานการณ์ โดยยังมีชุด ชรบ.หมู่บ้านคอยดูแลด้วย
ส่วนการทำหลุมหลบภัยตามโรงเรียน บ้านเรือน ขณะนี้ ก็ยังมีไม่ครบ ดังนั้นมองว่า ต้องอาศัยงบประมาณจากส่วนกลาง ที่จะมาช่วยทำหลุมหลบภัยหรือบังเกอร์เพิ่มได้หรือไม่ หลังจากทำไปแล้ว 60% ยังเหลืออีก 40% ที่ยังไม่เพียงพอ โดยเฉพาะพื้นที่ตำบลโดมประดิษฐ์ มีประชากรกว่า 18,000 คน จึงอยากเรียกร้องรัฐบาลให้ดูงบประมาณมาเพิ่มเติม ให้กับชาวบ้านเพื่อทำหลุมหลบภัย บังเกอร์ต่างๆ ด้วย เพราะมองว่ายิ่งทำไว้ให้มากให้พอเท่าไรยิ่งดี เพราะเราไม่รู้สถานการณ์ในอนาคต จึงต้องเตรียมรับมือไว้ก่อน
โดยในวันพรุ่งนี้ ตนในฐานะหัวหน้าพรรคไทรวมพลัง จะยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ตามข้อเรียกร้องดังกล่าว เรียกร้องให้รัฐบาลจัดสรรงบประมาณฉุกเฉิน และเรางหามาตรการเยียวยาชดเชยกับผู้ประกอบการ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ชายแดนด้วย