18 มิถุนายน 2568 น่าจะจบเกมก่อนไก่โห่เสียแล้วกับสูตรปรับครม.แพทองธาร ชินวัตร เพราะเงื่อนไขใหม่ที่พรรคเพื่อไทยยื่นให้พรรคภูมิใจไทยไปพินิจในการปรับครม. และขอคำตอบในสี่สิบแปดชั่วโมงจากพรรคสีน้ำเงิน กระจ่างแล้วว่า ดีลนี้ล่มแล้วก่อนถึงเส้นตาย”บ่ายสามโมง”วันพฤหัสบดี
โดยทราบว่า ช่วงบ่ายสามโมงวันอังคารที่ผ่านมา หลังประชุมครม.ยุติ ตัวแทนสร.1คือนพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นำสารนี้ไปส่งให้อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคสีน้ำเงิน พินิจใหม่ในสูตร รมต. 2แลก1 หากภท.รับเงื่อนไข รมต.2แลก1 นี้ไว้ สองพรรค ก็ยังร่วมรัฐนาวากันไปยาวๆคือพท.ขอแลกกระทรวงมหาดไทยจาก ภท. โดยภท.จะได้กระทรวงสาธารณสุขและรมต.สำนักนายกฯไปดูแล
แปลว่า ภท.จะได้โควต้ารมต.เพิ่มหนึ่งเก้าอี้เพื่อไปให้หนึ่งใน 69 สส.ค่ายสีน้ำเงินเข้ามาเป็นเสนาบดีบริหารบ้านเมืองเพราะความจริงตอนนี้ พรรคสีน้ำเงินมีแปดเก้าอี้เสนาบดีไว้ในมือ แต่สูตรนี้พบว่า ภท.ไม่รับเงื่อนไขนี้ เพราะสองเก้าอี้ที่ยื่นมา หากนำชื่อชั้นสองรมต.ดังกล่าวมาเทียบกับกระทรวงคลองหลอดนั้น พบว่ามันเทียบชั้นกันไม่ได้
โดยเสี่ยหนูปิดดีลไม่รับเงื่อนไข 2 แลก 1 กับ หมอมิ้ง ไปแล้วในบ่ายวันอังคาร และภท.พร้อมไปเป็นฝ่ายค้านหากเสี่ยหนูหลุดเก้าอี้มท.1 แต่มิวายที่ เสี่ยหนู เปิดเงื่อนไขให้พท.ไปพินิจใหม่คือ รื้อโผ ครม. ของทุกพรรคพร้อมกัน
หากพท.ดำเนินการแบบนี้ก็ยังพอคุยกันได้ แต่ประเมินแล้ว พท.ไม่รับดีล นี้ของเสี่ยหนูเช่นกันบวกกับเกมที่ เสี่ยหนู ฟ้อง สร.1 ว่าใครอยู่เบื้องหลังที่เล่นกันแรงไปในการดำเนินคดีกับแกนนำพรรคสีน้ำเงินในคดีฮั้วสว.บ้าง....
ประกอบกับกระแสข่าวร้อนยามนี้ว่า ใครบางคนใน ขั้วสีแดง ข้ามน้ำข้ามทะเลไปพบอดีตสร.1สองชีวิตที่ฮ่องกงและมาเก๊าแล้วนัยว่า ไปรายงานตัวและขอโอกาสไปเป็นเสนาบดีจากแปดเก้าอี้ที่ได้คืนมาจากพรรคสีน้ำเงินและหวังให้อดีตสร.1ทั้งสองไปต่อรองกับประมุขจันทร์ส่องหล้า....
เค้ารางแบบนี้ มันอ่านออกแล้วว่า ขั้วสีแดง และ ค่ายน้ำเงิน อยู่กันไม่ได้บนรัฐนาวานี้และในอนาคต เกมนี้จึงเอวังเร็วกว่าที่คาด
ดังนั้น ครม.ชุดใหม่จะไม่มีพรรคสีน้ำเงินและพรรคร่วมรัฐบาลจะไร้ 69 สส.ไว้ในมือ
วันข้างหน้า ตัวเลขสส.ที่จะหนุนสร.1คนปัจจุบันนั้นจะมีเท่าใดจึงจะพอเพียงในการประคองตัว...ย้อนเวลาไปในช่วงเวลาเกือบหนึ่งปีที่แล้วพบว่า ตัวเลขสส.ที่ไปยกมือให้รัฐบาลแพทองธาร ประกอบด้วย 15 พรรค 325 เสียง คือ
1.พรรคเพื่อไทย 142 เสียง 2.พรรคภูมิใจไทย 70 เสียง 3.พรรครวมไทยสร้างชาติ 36 เสียง 4.พรรคพลังประชารัฐ (สาย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า) 22 เสียง 5.พรรคประชาธิปัตย์ 21 เสียง (25-4สส.) เสียง 6.พรรคชาติไทยพัฒนา 10 เสียง 7.พรรคประชาชาติ 9 เสียง 8.พรรคชาติพัฒนา 3 เสียง 9. พรรคไทรวมพลัง 2 เสียง 10.พรรคประชาธิปไตยใหม่ 1 เสียง 11.พรรคครูไทยเพื่อประชาชน 1 เสียง 12.พรรคใหม่ 1 เสียง 13.พรรคท้องที่ไทย 1 เสียง 14.พรรคพลังสังคมใหม่ 1 เสียง 15.สส.จากพรรคไทยสร้างไทย 6 เสียง
เมื่อเช็กคะแนนศึกซักฟอกสร.1เมื่อช่วงปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมาพบว่าที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรมีมติไว้วางใจให้ "แพทองธาร" ดำรงตำแหน่งนายกฯ ด้วยคะแนนเสียง คะแนนเสียง 319 เสียง ต่อ 161 เสียง งดออกเสียง 7 เสียง
หากตรวจสอบตัวเลขสส.ฝ่ายรัฐบาลในการพิจารณาร่างกฎหมายงบประมาณปี2569 วาระที่หนึ่งนั้นพบว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชุดปัจจุบันชุดที่ 26 ตามที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรได้แจ้งต่อที่ประชุมสภาฯ เมื่อวันที่ 28 พ.ค.2568 ว่า มีจำนวน สส. 495 คน องค์ประชุมกึ่งหนึ่ง 248 คน
โดย สส. ในสภา 495 คน จำนวน 16 พรรคการเมือง ประกอบไปด้วยพรรค ร่วมฝ่ายรัฐบาล 12 พรรค 325 เสียงคือ
1.เพื่อไทย 142 เสียง
2.ภูมิใจไทย 69 เสียง
3.รวมไทยสร้างชาติ 36 เสียง
4.กล้าธรรม 26 เสียง
5.ประชาธิปัตย์ 25 เสียง
6.ชาติไทยพัฒนา 10 เสียง
7.ประชาชาติ 9 เสียง
8.ชาติพัฒนา 3 เสียง
9.ไทรวมพลัง 2 เสียง
10. เสรีรวมไทย 1 เสียง
11.ประชาธิปไตยใหม่ 1 เสียง
12.ไทยก้าวหน้า 1 เสียง
ภาวะปัจจุบัน รัฐบาลผสมชุดนี้หากพรรคสีแดงแตกหักพรรคสีน้ำเงิน ตัวเลขฝ่ายรัฐบาลต้องหักออกไป 69 สส.เท่ากับว่า รัฐบาลของนายกฯหญิงคนที่สองจะมีสส. 255 - 256 คน จากทั้งหมด 495 คน หากหารและเทียบกับจำนวนสส.กึ่งหนึ่งเท่าที่มีอยู่คือ 248 เสียง
นั่นหมายความว่า 255-256 สส.ที่จะหนุนรัฐบาลและว่าที่ครม.ชุดใหม่อยู่ในภาวะปริ่มน้ำยิ่ง
ดังนั้นจึงมีตัวเลขชุดใหม่เกิดขึ้นตามหน้าสื่อว่า หากว่าที่ครม.ชุดใหม่ไร้สีน้ำเงินนั้น สร.1คนนี้ต้องมี 270 สส.ไว้ในมือจะได้อุ่นใจในการลงมติต่างๆ โดยเฉพาะร่างกฎหมายหลายฉบับที่กำลังจ่อเข้าสู่การพิจารณาในสมัยประชุมนี้
แต่ตัวเลขนี้ จะมาจากไหนที่จะมาหนุนนายกฯหญิงคนที่สองได้บ้าง...สำรวจพรรคร่วมฝ่ายค้าน 4 พรรคในขณะนี้ พบว่ามีสส.170 เสียง คือ
1.ประชาชน 143 เสียง
2.พลังประชารัฐ 20 เสียง
3.ไทยสร้างไทย 6 เสียง( แบ่งเป็นหนึ่งเสียงเป็นฝ่ายค้าน ห้าเสียงแตะมือกับขั้วรัฐบาล โดยแยกย่อยได้อีกขั้นหนึ่งคือ สามเสียงแตะมือขั้วสีแดง สองเสียงแตะมือพรรคสีน่ำเงิน)
4.เป็นธรรม 1 เสียง
หากหักสส.พรรคลุงป้อมปีกเพชรบูรณ์หกคนที่ชัดแล้วว่าแตะมือกับพรรคสีน้ำเงิน และบวกกับ 2 สส.อุดรธานี พรรคไทยสร้างไทยคือ หรั่ง ธุระพล และอดิศักดิ์ แก้วมุงคุณทรัพย์ ได้เข้าร่วมทำกิจกรรมกับ มท.1เมื่อไม่กี่วันก่อน แปลว่าตอนนี้พรรคสีน้ำเงินมีแปดสส.จากสองพรรคไว้ในมือ
แบบนี้ขั้วสีแดงจะเจาะจากมุ้งใด...แม้ขั้วสีแดงจะมีโอกาสเจาะสส.กำแพงเพชร สองชีวิต จากค่ายลุงป้อมได้บ้างเพราะวราเทพ รัตนากร ยังมีสัมพันธ์ที่ดีกับขั้วสีแดง แต่ก็ยังไม่เพียงพอ หรือต้องรอให้ผู้กองคนดังเดินเครื่องช่วยเจรจากับคนในค่ายลุงป้อมก็ยังไม่รู้ว่าจะได้มาเท่าใด...เว้นเพียงแต่ดีลสส.ในมือลุงป้อมแบบเหมายกเข่ง ตัวเลขจึงจะพอแตะ 270 เสียง
ครั้นขั้วสีแดงจะเจาะงูเห่าจากค่ายสีส้มนั้น ประเมินแล้วยากยิ่ง เพราะ สส.พรรคประชาชนเห็นตัวอย่างจากงูเห่าสีส้มในวันวานแล้วว่าอนาคตทางการเมืองเป็นเช่นใดหลังจากเปลี่ยนขั้วย้ายค่าย เเม้จะมีหนึ่งงูเห่า คือ กฤษฎิ์ ชีวะธรรมานนท์ พรรคกล้าธรรม สส.ชลบุรี เขต 6 พรรคประชาชนซบเเล้วก็ตาม...
งานนี้สร.1เหนื่อยยิ่งกว่าเหนื่อยในการเพิ่มสส.ให้พ้นภาวะปริ่มน้ำ บวกกับเหตุบ้านการเมืองที่บีบรัดจังหวะเยี่ยงนี้จนคะแนนนิยมตกต่ำและยากในการตีตื้น และกูรูการเมืองหลายคนชี้แล้วว่าปลายปีนี้จนถึงต้นปีหน้า สัญญาณยุบสภามาแน่นอน จนภาวะของพรรคเพื่อไทยที่จะกลับมาเป็นเบอร์หนึ่งของเวทีการเมืองไทยนั้น ความจริงยามนี้พบว่าริบรี่เต็มทน
สร.1คนนี้ นับว่า เหนื่อยยิ่งนักบนถนนการเมืองในยามนี้และยามหน้า