svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

แม่ทัพภาคที่ 2 ย้ำ ทหารยึดแผนที่ 1:50,000 ไม่ยอมรับ 1:200,000

แม่ทัพภาคที่ 2 เตรียมหารือผู้นำทหารไทย-กัมพูชา ในอีก 2 สัปดาห์ ก่อนสรุปถอนกำลังหรือไม่ ชี้กรณี “กัมพูชา” หันกระบอกปืนใหญ่มาไทย เป็นเรื่องปกติทางการทหาร ย้ำ ทหารยึดแผนที่ 1:50,000 ไม่ยอมรับ 1:200,000

16 มิถุนายน 2568 พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ให้สัมภาษณ์หลังลงพื้นที่ ต.โดมประดิษฐ์ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ถึงการตรึงกำลังหลังการประชุม JBC ว่า ตอนนี้ก็ยังไม่ต้องปรับมาตรการคุมเข้มอะไรเพิ่ม เพราะปกติดูแลชายแดนเป็นปกติอยู่แล้ว และหลังจากนี้ ทางกองทัพก็จะเป็นการประชุม RBC ระหว่างทหารไทยและกัมพูชา ในวันที่ 27-28 มิถุนายน 2568 ซึ่งตนเองกับ ผบ.ภูมิภาคทหารที่ 4 จะต้องมาหารือกัน คุยกันในระดับพื้นที่ แต่ต้องดูเจตนารมน์ของ ผบ.ทบ. และรมว.กลาโหม ด้วยว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อ เพื่อให้สถานการณ์ในพื้นที่คลี่คลายไปในทางที่ดี

พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2

ส่วนการตรึงกำลังในพื้นที่ แม่ทัพภาคที่ 2 บอกว่า เราพยายามจะไม่ใช้ระยะเวลานาน จะพูดคุยกันทั้งสองฝ่าย ถ้ามีโอกาสจะพยายามถอนทหารทั้ง 2ฝ่าย เหลือไว้เฉพาะที่จำเป็น และแนวโน้มตอนนี้ถือว่าดี ซึ่งการหารือเรื่องการถอนกำลังทั้งสองฝ่ายจะเกิดขึ้นในระยะเวลาอันใกล้นี้ และจะไม่มีการประชุมลับอะไร “ประชุม RBC ก็โต้เลย ประชุมเสร็จก็ออกมาแถลง”  ทั้งนี้ การถอนกำลังก็คงจะต้องรอมติ RBCก่อน

“ผมจะต้องคุยกับ ผบ.หน่วยทหารว่า ถอนยังไง ถอนเมื่อไร ถอนพร้อมกัน ต้องมีชุดตรวจสอบว่าถอนจริงหรือไม่ แต่ตอนนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง”

ย้ำทหารไม่ยอมรับแผนที่ 1:200,000 ของกัมพูชา

ส่วนกังวลหรือไม่กับท่าทีของกัมพูชา เพราะดูจะปฏิเสธท่าทีทางการไทย พลโทบุญสิน ตอบว่า “ไม่มีอะไรกังวล ผมไม่เคยกังวล เรื่องของเขาที่จะยึดแผนที่ 1:200,000 ส่วนเราก็ยึดแผนที่ของเรา 1:50,000 เป็นอธิปไตยของเรา เรื่องจะยึดอะไรก็เป็นเรื่องของเขาที่ต้องไปคุยในระดับเวทีไหนก็เป็นเรื่องของรัฐบาล”

ทั้งนี้ แม้ท่าทีเขาจะแข็งกร้าว เราก็ตรึงกำลังเหมือนเดิม แล้วรอให้ไปสู่การพูดคุยกันว่าจะเอายังไงต่อ

แม่ทัพภาคที่ 2 บอกอีกว่า ตนเองไม่ทราบว่าทางคณะเจรจาพูดคุยเรื่องอะไรบ้าง สำหรับแผนที่ 1:200,000 เราไม่ได้ยอมรับ ซึ่งเรื่องนี้เป็นความพยายามของกัมพูชา รัฐบาลไทยจะต้องไปแก้ไขปัญหานี้ต่อ ส่วนทหารในพื้นที่ได้ยึดถือแผนที่ 1:50,000 อยู่แล้ว

หันกระบอกปืนใหญ่มาทางไทย เป็นเรื่องปกติทางการทหาร

สำหรับการเจอกันของกำลังทั้งสองฝ่าย สัปดาห์ละ 3 ครั้ง ยังดำเนินการปกติ และมีการพูดคุยกันรู้เรื่อง โดยทหารกัมพูชามีการรับนโยบายจากผู้บัญชาการชั้นสูงมาปฎิบัติ เช่นเดียวกับฝ่ายไทยที่ยึดตามนโยบายของรัฐบาลและกองทัพ ซึ่งในวันนี้รอฟังผลจากสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) หลังจากได้มีการประชุม JBC และคงมีคำสั่งลงมาถึงผู้ปฏิบัติ จึงจะนำนโยบายของผู้บัญชาทุกระดับมาดำเนินการ

ส่วนกรณีกัมพูชาปั่นกระแสยั่วยุอย่างต่อเนื่องนั้น พลโทบุญสิน บอกว่า เป็นเรื่องของโซเชียล และแนวชายแดนก็มีแค่จุดเดียวที่น่าห่วงคือ “ช่องบก” แต่ปัจจุบันก็คลี่คลายแล้ว เพราะมีการปรับการวางกำลังใหม่

เมื่อถามถึงเรื่องการหันปากกระบอกปืนมาทางฝั่งไทยในพื้นที่บ้านภูมิซรอลนั้น พลโทบุญสิน บอกว่า

“ก็เป็นเรื่องปกติ เขาก็ต้องหันไปทางทิศใดทิศหนึ่ง ไม่มีใครหันเข้าประเทศตัวเอง เป็นเรื่องปกติทางการทหาร”

 

การเจรจา เพราะเป็นวิธีเดียวที่ไม่ต้องขัดแย้งกันด้วยกำลัง

เมื่อถามถึง ท่าทีกัมพูชาที่เดิมเกมก่อนทางไทยนั้นมองอย่างไร พลโทบุญสิน บอกว่า เป็นเรื่องของรัฐบาลที่ต้องเดินเกม ส่วนกองทัพก็เดินเกมของกองทัพ ที่รับนโยบายมา ซึ่งตนเองดูแลชายแดนไทยกัมพูขา ตนเองก็ต้องดูแลผลประโยชน์ของชาติ

ส่วนที่ผ่านมาแม้เราจะทำการประท้วงไปเป็นจำนวนมาก หลังจากนี้จะมีการยกระดับเพิ่มเติมหรือไม่นั้น แม่ทัพภาคที่ 2 ระบุว่า เรื่องเส้นเขตแดน มีการถือแผนที่คนละฉบับ มีบางส่วนที่รับไปรับมาตลอดแนวเส้นชายแดน ขึ้นอยู่กับทางรัฐบาลที่จะต้องมีการคุยให้ชัดเจน ว่าจะแก้ไขปัญหาจุดนี้ได้อย่างไร ส่วนทหารในพื้นที่ยึดถือแผนที่ของกรมแผนที่ทหารในการดูแลแนว

ทั้งนี้ รัฐบาลต้องคิดว่าจะดำเนินการอะไรต่อเพื่อให้เกิดความชัดเจนในเส้นเขตแดน นอกจากนี้ ในมุมมองของกองทัพที่จะเป็นจุดกึ่งกลาง เพื่อให้ข้อพิพาทนั้นยุติ ทุกฝ่ายต้องพูดคุยกัน ต้องเจอกันคนละครึ่งทาง ถ้าต่างฝ่ายต่างยึดถือของตัวเองเป็นหลักอย่างไรก็คงแก้ไม่ได้ แล้วจะเป็นแบบนี้ไปตลอด พร้อมย้ำว่ายังเชื่อมั่นเรื่องการเจรจา เพราะเป็นวิธีเดียวที่จะไม่ต้องขัดแย้งกันด้วยกำลัง

มั่นใจสถานการณ์จะดีขึ้นก่อนเกษียณ

เมื่อถามว่า การเจรจาของทั้ง 2 ประเทศ จะเกิดขึ้นอีกครั้งในเดือนกันยายน 2568 โดยจะมีการตรึงกำลังทหารเช่นนี้ต่อไปใช่หรือไม่ แม่ทัพภาคที่2 ระบุว่า คาดว่าจะมีการประชุมโดยแม่ทัพทั้งสองฝ่ายให้เร็วขึ้น ซึ่งต้องดูอีกทีว่าจะเป็นวันไหน ซึ่งต้องรอสัญญาณจากทางผู้บัญชาการทหารบก รวมถึงกรอบการพูดคุยและเราจะยอมได้อย่างไร

ส่วนตอนนี้ฝั่งกัมพูชามีการเปิด-ปิดด่าน จนบางพื้นที่ทำประชาชนได้รับความเดือดร้อน แม่ทัพภาคที่ 2 ระบุว่า "ก็เป็นเรื่องจุดเกิดเหตุ ใครเป็นคนก่อเหตุ เราก็รู้อยู่ การที่เคลื่อนที่เข้ามาวางกำลัง โดยที่ไม่เคยปฏิบัติมาก่อน อันนั้นแหละคือจุดเริ่มต้นที่เราต้องคุยกัน แต่ปัจจุบันนี้ เรามีการปรับกำลัง ใช้แผนที่คนละฉบับ ปัจจุบันก็ต้องพูดคุยกันต่อให้สถานการณ์คลี่คลายโดยเร็ว ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง“ พลโทบุญสิน กล่าว

นักข่าวถามด้วยว่า สถานการณ์จะดีขึ้นในช่วงที่พลโทบุญสิน ยังคงดำรงตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 2 อยู่หรือไม่นั้น พลโทบุญสิน ยิ้มและตอบทันทีว่า

“ ทัน ทันอยู่แล้วครับ เร็วๆ นี้ ผมกับ ผบ.ภูมิภาคทหารที่ 4 เราก็รู้จักกันอยู่แล้ว”

พร้อมย้ำอีกว่าในการพูดคุยต้องดูนโยบายของผู้บังคับบัญชาระดับสูงของแต่ละฝ่าย

พล.ท.บุญสิน ยังบอกอีกว่า แม้หลังจากนี้จะมีการเกษียณอายุราชการ ตนเองก็ยังคงเชื่อมั่นแม่ทัพภาคที่ 2 คนใหม่ ซึ่งเป็นคนในพื้นที่ ซึ่งผู้บัญชาการทหารบก จะมีการพิจารณาคนที่เหมาะสม ซึ่งเชื่อว่าจะไร้รอยต่อไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน

 

ความเห็น พล.ต.ณัฏฐ์ ไม่ใช่ความเห็นของกองทัพ

ส่วนกรณีที่ พลตรีณัฏฐ์ ศรีอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 2 โพสต์ข้อความบางช่วงระบุถึงว่า กัมพูชาเหมือนเด็กแตกเนื้อหนุ่ม ปมชายแดน หรือต้องเอาให้เละก่อนโตนั้นมีนัยยะอะไรหรือไม่ พลโทบุญสิน ระบุว่า เป็นความเห็นส่วนตัวไม่ใช่ความเห็นของกองทัพ ซึ่งตนเองจะชี้แจงภารกิจตามแนวบายแดนเท่านั้น ส่วนการโพสต์เป็นความคิดเห็นส่วนตัว

ส่วนในขณะนี้ได้รับเสียงชื่นชมจากโซเชียลเช่น ที่อุดรธานีขึ้นป้ายให้กำลังใจแม่ทัพภาคที่2 ระบุว่า ตนรู้สึกดีใจ และหลายคนอยากเจอกัน ซึ่งเมื่อวานนี้ (15 มิ.ย.2568) นายพงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง นักร้องนักแสดง ได้มีโอกาสมาพบเจอ ซึ่งเป็นธรรมดาของคนที่มีความรักต่อประเทศบ้านเมืองและมีแนวคิดเดียวกันก็อยากมาเจอกันเป็นธรรมดา ตนรู้สึกยินดีและดีใจเมื่อมีโอกาสจะเดินทางไปเยี่ยมทุกท่าน

ส่วนในขณะนี้มีหลายคนแซวว่า เป็นแม่ทัพมนต์แคน “ตนไม่รู้สึกเขิน ชินแล้ว และดีใจที่รูปหล่อเหมือนนักร้อง แต่คงร้องเพลงสู้มนต์แคนไม่ได้ เพราะตนเป็นทหาร”

แม่ทัพภาคที่ 2 ย้ำ ทหารยึดแผนที่ 1:50,000 ไม่ยอมรับ 1:200,000