ทำไมต้องหนี! 13 มิ.ย.นี้ ไร้ขั้นตอนส่ง “ทักษิณ” เข้าคุก?

13 มิถุนายน 2568 วาระร้อนการเมือง ปมคดีชั้น 14 ที่พรุ่งนี้ (13 มิ.ย.) องค์คณะผู้พิพากษา "ศาลฎีกา" แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดพร้อมและ "นัดไต่สวน" เพื่อหาความจริงให้เป็นที่ยุติเสียที ในประเด็นที่สังคมยังสงสัยว่า สรุปแล้ว "ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี ไปนอนรักษาตัวอยู่ที่ "ชั้น14" "โรงพยาบาลตำรวจ" หลังจากถูกส่งเข้าไปที่ "เรือนจำ" พิเศษกรุงเทพ เพียงไม่กี่ชั่วโมง เป็นการรับโทษจำคุกใช่หรือไม่


หลังจากที่ศาลฎีกาฯ คดีนักการเมือง มีคำสั่งให้ส่งคำร้องให้คู่ความและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือ อัยการสูงสุด , ป.ป.ช. ในฐานะโจทก์ และ นายทักษิณ ในฐานะจำเลย รวมทั้งเรือนจำพิเศษกรุงเทพ กรมราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจ คำหนังสือชี้แจง

ทั้งหมดต้องรายงานผลการดำเนินการ ตามหน้าที่ของแต่ฝ่ายให้ศาลทราบว่า ใครปฎิบัติอะไรยังไงไปแล้วบ้าง โดยให้ส่งภายในวัน 30 พ.ค. ก่อนศาลฎีกาฯ คดีนักการเมือง มีคำสั่งนัดพร้อมและนัดไต่สวนในวันที่ 13 มิ.ย.นี้

 

เนชั่นทีวีคุยกับผู้พิพากษาศาลยุติธรรม เกี่ยวกับขั้นตอนในวันที่ 13 มิ.ย. ในหลายประเด็นที่เกี่ยวข้อง ซึ่ง “ท่านเปา” ไล่ตอบข้อสงสัยให้เป็นเรื่องๆ
 

เรื่องแรก การนัดพร้อม หมายถึง ศาลนัดให้คู่ความในคดีทั้งฝ่ายโจทก์ และจำเลย เพื่อฟังคำสั่ง หรือปรึกษาหารือกำหนดแนวทางการพิจารณาคดีบางประเด็น อาทิ การตรวจหลักฐาน การนัดวันไต่สวนพยานโจทก์หรือจำเลย

ขั้นตอนนี้ทั้งสองฝ่ายอาจส่งตัวแทนมาศาล ไม่ต้องเดินทางมาเอง อย่างเช่น ทาง อสส.ก็มอบหมายให้อัยการสำนักงานใดสำนักงานหนึ่งไปศาล เช่นเดียวกับ ป.ป.ช. ที่อาจมอบอำนาจให้ ผอ.ฝ่ายกฎหมาย ไปศาล นายทักษิณ มอบอำนาจให้ทนายความไปแทน  แต่ถ้าคู่ความจะเดินทางไปศาลด้วยก็เองก็ทำได้

“ท่านเปา” บอกต่อว่า หลังจากศาลฎีกาฯ ได้หนังสือชื้แจงเรื่องการบังคับโทษนายทักษิณ ครบทั้ง 6 ฝ่าย ในวันที่ 30 พ.ค.แล้ว ก็จะพิจารณาหนังสือคำชี้แจงทั้งหมดว่า ครบถ้วนสมบูรณ์เพียงพอที่จะมีคำสั่ง ถ้าเพียงพอแล้ว ศาลก็จะอ่านคำสั่งให้คู่ความทราบถึงคำสั่งนั้นของศาล ในวันที่ 13 มิ.ย.เลย 

 

คำสั่งของศาลมีหลายทาง เราคัดมาแค่ 2 หน้า คือ 1.มีการบังคับโทษนายทักษิณ ถูกต้องตามคำพิพากษาของศาลฎีกาแล้ว ส่วนการบังคับโทษเป็นอำนาจของกรมราชทัณฑ์ ถ้าทำถูกต้องตามกฎหมายแล้วก็แล้วไป ถ้าเป็นแบบนี้ ศาลอาจมีอ่านคำสั่งได้ทันที

ส่วนอีกทางคือศาลยังคงมีความสงสัยบางประการ หลังจากพิจารณาหนังสือชี้แจงของ 6 ฝ่ายแล้ว หรือมีแนวโน้มไปในทาง ยังไม่มีการบังคับโทษนายทักษิณจริงก็ตาม ศาลก็จะยังไม่อ่านคำสั่งให้บังคับโทษนายทักษิณ ส่งเข้าเรือนจำทันทีในวันนั้น เพราะศาลต้องพิสูจน์ให้สิ้นกระแสความเสียก่อน

ดังนั้นศาลจะมีคำสั่งเรียกพยานเข้าไต่สวน เป็นอำนาจของศาลฎีกา ที่จะเรียกบุคคลใดมาเป็นพยานเข้ามาเบิกความในการไต่สวนเพื่อให้ข้อเท็จจริงครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายอัยการ  ป.ป.ช.  นายทักษิณ  ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพ  อธิบดีกรมราชทัณฑ์ แพทย์ใหญ่ รพ.ตร. โดยศาลจะนัดวันไต่สวนอีกครั้ง จะเป็นวันไหนเดือนไหนต้องรอฟังศาล
 

ถ้าเราดูจากขั้นตอนในศาลฎีกาา ในวันนี้ที่ 13 มิ.ย.นี้ จึงไม่มีเหตุผลใด ที่นายทักษิณ จะหลบหนีคดีในช่วงนี้ ตามข่าวลือที่ปล่อยออกมา
 

ไปศาล ทำไม! 13 มิ.ย. ยังไม่ถึงคิว “ทักษิณ” ออกโรง ?
 

ทั้งนี้ กระบวนการในห้องพิจารณาคดีวันที่ 13 เมื่อคู่ความ หรือผู้รับมอบอำนาจจากคู่ความทั้งสองฝ่าย มาศาลตามกำหนดนัดแล้ว องค์คณะผู้พิพากษา 5 ท่าน ก็จะออกนั่งบัลลังก์ สอบถามคู่ความว่า ฝ่ายโจทก์ มาไหมส่งใครมา ผู้แทนฝ่ายโจทก์ ก็จะแถลงศาล บอกว่า ฝ่ายโจทก์ มีผู้แทนมาเป็นอัยการชื่ออะไรตำแหน่งอะไร

จากนั้นก็จะสอบถามฝ่ายจำเลย ว่ามาศาลไหม ฝ่ายจำเลยก็จะแถลงว่า ฝ่ายจำเลยส่งผู้แทนมา คือนายอะไรชื่อนามสกุลไร
 

“แต่สมมติว่านายทักษิณเดินทางไปศาลฎีกาในวันนั้น นายทักษิณ จะต้องลุกขึ้นแถลงศาลด้วยตัวเองว่า ข้าพเจ้านายทักษิณ จำเลย เดินทางมาศาลครับ”
 

พอศาลสอบถามคู่ความเรียบร้อยแล้ว ก็จะอ่านคำสั่งว่า หลังจากที่ได้พิจารณาหนังสือชี้แจงของทั้ง 6 ฝ่ายแล้ว  อสส. และ ป.ป.ช.โจทก์ ชี้แจงสรุปว่ายังไง นายทักษิณ ชี้แจงว่ายังไง หน่วยงานต่างๆ ชี้แจงว่ายังไง?

เสร็จแล้วก็จะอ่านความเห็นขององค์คณะผู้พิพากษาว่า จากคำชี้แจงของทุกฝ่ายข้อเท็จจริงครบถ้วนเพียงพอที่จะมีคำสั่ง เรื่องการบังคับโทษนายทักษิณ ตามคำพิพากษาของศาลแล้วหรือไม่ ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ถ้าข้อเท็จจริงครบถ้วน ศาลก็จะอ่านคำสั่งทันที แต่หากไม่ครบถ้วน ศาลยังมีข้อสงสัยประเด็นไหน ก็จะมีคำสั่งให้ออกหมายเรียก ผู้เกี่ยวข้องมาไต่สวนเพื่อให้ได้ความกระจ่าง

ถ้าหากนายทักษิณเดินทางไปศาลในวันนั้น แล้วเกิดศาลต้องการไต่สวนนายทักษิณ อยู่แล้ว ศาลอาจจะทำการไต่สวนทันที  หมายความว่า นายทักษิณ ต้องมั่นใจและมีความพร้อมในการตอบคำถามปมนอนรักษาชั้น 14 รพ.ตร. อย่างมากถึงมากที่สุด และเตรียมเอกสารชี้แจงไปอย่างครบถ้วน เพื่อใช้ในประกอบการไต่สวน ถ้าไม่เตรียมตัวไปแบบเกินร้อย ค่อนข้างเสี่ยง แม้อาจจะแถลงขอศาลให้นัดไต่สวนในวันอื่นได้ก็ตาม แต่ก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจขององค์คณะ จะอนุญาตหรือไม่

แต่ถ้านายทักษิณ รอฟังผลคำสั่งของศาลอยู่บ้าน หากศาลมีคำสั่งเรียกไปไต่สวน ค่อยเดินทางไปศาลในวันที่นัดไต่สวนเลย น่าจะดีกว่า เพราะน่าจะพอรู้ได้ว่าศาลต้องการทราบข้อเท็จจริงในส่วนในเพิ่ม จากหนังสือที่ได้ทำชี้แจงไปในครั้งแรก และยังมีเวลาเตรียมพร้อม เตรียมหลักฐาน
 

ดังนั้นคาดว่านายทักษิณ คงไม่เดินทางไปศาลฎีกาฯ ในวันที่ 13 มิ.ย.ด้วยตัวเอง