11 มิถุนายน 2568 นายสุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์ และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์พิเศษรายการ “เนชั่นวิเคราะห์ข่าว” ทางสถานีโทรทัศน์เนชั่นทีวี โดยอธิบายถึงปัญหาภายในพรรครวมไทยสร้างชาติ กรณีมี สส. 21 คน ลงชื่อทำหนังสือเสนอนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ให้เปลี่ยนตัวรัฐมนตรีของพรรค หรือปรับ ครม. เพราะไม่มีความรู้ความสามารถ ขณะที่ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม และเลขาธิการพรรค ออกมาให้สัมภาษณ์ตอบโต้ และบอกไม่สามารถติดต่อนายสุชาติ เพื่อเคลียร์ปัญหาได้
โดย นายสุชาติ เปิดใจตอบคำถามเรื่องนี้ว่า นายเอกนัฏ โทรมาเมื่อวันอังคารที่แล้ว 2 ครั้ง (3 มิ.ย.68) แต่ตนไม่ได้โทรกลับ ส่วนครั้งล่าสุดไม่ได้โทรมาตามที่กล่าวอ้าง แต่ถึงโทร ตนก็ไม่อยากคุย เพราะเรื่องไปไกลแล้ว และมีเพื่อน สส.โทรมาเล่าว่า เลขาธิการพรรคอยากเคลียร์ เพื่อทำภารกิจบางอย่างกับเลขาฯ โดยโทรมาขอเสียง สส. เพื่อโหวตขับหัวหน้าพรรค เมื่อตนทราบแบบนี้ จึงคิดว่าไว้ใจไม่ได้ มาคุยแล้วจะหลอกอะไรตนหรือเปล่า จึงขอไม่คุยด้วย
อย่างไรก็ดี นายสุชาติ ออกตัวว่า เรื่องนี้ไม่ได้ยินเองกับหู แต่ฟังจาก สส.ที่คุยกับเลขาธิการพรรค เพียงแต่ไม่ขอเปิดเผยชื่อเพื่อน สส.คนที่เล่าให้ฟัง
นายสุชาติ หรือ “เสี่ยเฮ้ง” เล่าต่อว่า วันที่ 10 มิ.ย. 68 ตลอดทั้งวัน ตนไม่ได้ให้สัมภาษณ์สื่อไหนเลย เพราะมองว่าปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องในบ้าน และไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเลขาธิการพรรค เป็นเรื่องที่พวกตนปฏิเสธร่วมงานกับหัวหน้าพรรค แต่ปรากฏว่าเลขาธิการพรรคออกมาให้สัมภาษณ์ตอบโต้อย่างรุนแรง ตนจึงรู้สึกงงเหมือนกันว่านายเอกนัฏออกมาให้สัมภาษณ์ทำไม แถมยังสัมภาษณ์แบบดุดัน พูดให้ตัวเองหล่อคนเดียว คนอื่นเป็นผู้ร้ายหมด
“เรื่องนี้เป็นเรื่องในบ้าน แต่ในบ้านแก้ปัญหาไม่ได้ สส. 18 คน หรือ 36 คนไม่มีสิทธิ์มีเสียง เพราะกรรมการบริหารพรรค 9 คน แทบไม่มี สส.เลย มีบ้างแค่ สส.บัญชีรายชื่อที่เป็นคนของหัวหน้าพรรค พวกผมจึงอยากขอให้ สส.เขต หรือ สส.กลุ่มอื่นได้มีส่วนร่วมบ้าง มิฉะนั้นพรรคจะไปต่อไม่ได้”
นายสุชาติ ยังยืนยันว่า เอกสารที่ส่งถึงนายกฯ ลายเซ็นทั้งหมดเป็นของจริง ไม่ได้ทำขึ้นเอง เพราะเป็นไปไม่ได้ที่จะไปทำปลอมขึ้น เพราะจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายได้
ส่วนที่มี สส.บางคนออกมาปฏิเสธ โดยเฉพาะ สส.ชุมพรนั้น นายสุชาติ บอกว่า เป็น สส. 1 คน ออกมาปฏิเสธแทน 3 คน แนวๆ กลับลำ ก็ไม่เป็นไร ถือเป็นเอกสิทธิ์ ตนได้บอกกับ สส.กลุ่มนี้ไปแล้วว่า สิ่งที่ทำ ไม่ได้ทำให้เสียเครดิตเฉพาะตัวของ สส.กลุ่มนี้เอง แต่เสียทั้งกลุ่มที่ออกมาเคลื่อนไหว แล้วแบบนี้จะมีเพื่อนได้อย่างไร
ส่วนจะกลับลำด้วยเหตุผลอะไร ตนไม่ก้าวล่วง แต่บอกได้เพียงว่า ตนจะนำลายเซ็นปลอมมาได้อย่างไร ทุกคนที่เซ็นชื่อโดยรู้ทั้งหมดว่าจะนำรายชื่อไปทำอะไร
“คนใกล้ตัวหัวหน้า และเลขาฯ โทรไปหาทุกคนที่เซ็นชื่อ แล้วบอกให้โพสต์ปฏิเสธเหมือน สส.ชุมพร แต่ไม่มีใครทำ แต่ละคนก็ถ่ายภาพ ถ่ายวิดีโอให้ดูว่าใครโทรบ้าง แต่ผมไม่อยากนำมาพูดออกทีวี”
เมื่อถามถึงทางออกของปัญหานี้ นายสุชาติ ในฐานะรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ตอบว่า เมื่อคนในบ้านไม่อยากอยู่บ้าน เจ้าของบ้านควรจะเปิดประตูให้ออกไปดีๆ แต่กลับไปเอาสายยูมาล็อกประตูบ้านเอาไว้ ไม่ให้ออก แล้วจะทำอย่างไร มีการอ้างข้อบังคับพรรคใหม่ (ฝักใฝ่พรรคการเมืองอื่น ถือว่าสิ้นสภาพสมาชิก) ฉะนั้นถ้าอยากจะจบจริงๆ ก็ขับออกดีๆ หรือให้สัดส่วนกรรมการบริหารพรรคกับกลุ่ม สส.บ้าง ไม่ใช่ 9 คนเป็นของหัวหน้าพรรคหมด ซึ่งเป็นเรื่องที่ร้องขอมานานแล้วแต่ไม่ทำ จึงอยู่ด้วยกันไม่ได้ โครงสร้างแบบนี้อยู่ไม่ได้
“พวกผมลาออกเองไม่ได้ เพราะเป็น สส.เขตถึง 10 กว่าเขต มิฉะนั้นต้องเลือกตั้งใหม่หมด เสียงบประมาณซึ่งเป็นภาษีของพี่น้องประชาชน แต่ที่พวกผมทำ ก็เพื่อแสดงออกให้ผู้หลักผู้ใหญ่และสังคมได้รู้ว่า ภายในพรรคไม่มีภาพสวยหรู ที่บอกเอาอยู่ เป็นแค่ละคร อย่างข้อบังคับพรรคที่แก้ไขใหม่ สส.ก็ไม่รับรู้ ประชุมใหญ่พรรค สส.ก็ไม่ได้รับรู้”
ส่วนข่าวลือแง่ลบเกี่ยวกับการบริหารงานภายในพรรค เช่น มีฮองเฮา มี 9 อรหันต์คุมพรรค เป็นความจริงหรือไม่ นายสุชาติ ตอบว่า คนในพรรครู้หมด แต่ตนไม่อยากพูดอะไร เดี๋ยวจะหาว่าตนจะไม่อยู่แล้ว ไปเผาบ้านที่เคยอยู่
เมื่อถามว่า ออกมาเคลื่อนไหวแบบนี้ เพราะอยากได้ตำแหน่งใหญ่ขึ้นหรือไม่ นายสุชาติ ตอบว่า “ถ้าให้พวกผมออก เหลือ สส.18 คนเท่ากัน ความเหมาะสมคือเหลือตำแหน่งรัฐมนตรีกี่ที่ แต่ถ้าไม่ให้ออก ก็อยู่แบบนี้ต่อไป แต่สังคมต้องรู้ว่า พวกผมเป็นมือเป็นไม้ทำให้คนเหล่านี้มีตำแหน่ง แต่กลับไม่ได้ให้บทบาทหรือให้เกียรติ สส.ในพรรคเลย แต่ทั้งหมดนี้ไม่ใช่ว่าผมต้องการตำแหน่งที่ใหญ่ขึ้น”
“เราไม่ได้พูดเรื่องตำแหน่ง ทุกอย่างป็นอำนาจนายกรัฐมนตรี ก้าวล่วงไม่ได้ แต่กำลังพูดว่า สิ่งที่ผู้บริหารพรรคทำ ไม่เคยมอง สส.ว่ายกมือสนับสนุนอย่างไร กลับไม่ให้มีปากเสียงในพรรคเลย”
เมื่อถามว่า พรรครวมไทยสร้างชาติจะมีจุดจบแบบพลังประชารัฐหรือไม่ นายสุชาติ ซึ่งเคยอยู่พรรคพลังประชารัฐด้วย บอกว่า ไม่มีอยากให้เกิดขึ้นแบบพลังประชารัฐ ถ้าปรับความเข้าใจกันเร็วกว่านี้ก็น่าจะดี การออกมาเคลื่อนไหวครั้งนี้แค่อยากบอกว่าพวกตนอาจจะทำตัวไม่ดี หรือไม่เหมาะสม ก็ให้พวกตนออก จะได้ไปทำงานอีกบริบทหนึ่ง กับอีกกลุ่มการเมืองหนึ่ง แต่ไม่อยากไปเทียบกับพลังประชารัฐ เพราะมีผู้หลักผู้ใหญ่ที่เคารพ
สำหรับตนมีแนวคิดไปร่วมงานกับพรรคโอกาสใหม่ ส่วนคนอื่นๆ อาจจะมีหนทางที่ดีกว่า ส่วนเรื่องข้อบังคับพรรค ก็จะขอต่อสู้ตามรัฐธรรมนูญ เพราะรัฐธรรมนูญใหญ่กว่าข้อบังคับพรรค
ส่วนที่ นายเอกนัฏ ย้อนถามว่า ส่งหนังสือด่าตัวเองหรือเปล่า ที่บอกว่ารัฐมนตรีไม่มีความรู้ความสามารถ นายสุชาติ ตอบว่า บริบทต่างกัน ตนเป็นรัฐมนตรีช่วย ทำงานตามที่รัฐมนตรีว่าการมอบหมาย แต่บางคนเป็นรัฐมนตรีว่าการ มีความรับผิดชอบมากกว่าตน
“เร็วๆ นี้ อีกไม่นาน จะมีอะไรให้เห็นหมด คนที่ภาพดูดี สิ่งที่เห็นอาจจะไม่ใช่ สิ่งที่ใช่ อาจจะไม่เห็น การสร้างวาทกรรม สร้างภาพ พูดออกมาดูดี ใจต้องด้านด้วย นายสุชาติ กล่าว
และว่า “ของปลอมทั้งนั้น อยู่ในพื้นที่ ใครทำอะไรผมรู้หมด สิ่งที่ไม่ใช่อาจจะเห็นเร็วๆนี้ ผมไม่อยากก้าวล่วงใคร การไปจับกุมตรวจสอบอะไรต่างๆ ใครผิดก็ว่าไปตามกฎหมาย แต่มีการไปโยงว่าผมรู้จักกลุ่มทุนเทา บ้า…ไม่รู้จักใครสักคน แต่ผมรู้จากนักการเมืองท้องถิ่น และข้าราขการในจังหวัดมาเล่าให้ฟังว่า ชุดเฉพาะกิจไปทำอะไร อีกไม่นานจะเห็นเอง ใครไปทำอะไรไว้จะเห็นหมด แต่คนมีอำนาจอาจจะรู้หรือไม่รู้ก็ได้”
“มีชุดสุดซอย แล้วแต่อีกชุดตามไปทำอะไรก็ไม่รู้ แต่ชุดหลังเขาอาจจะไม่รู้ก็ได้ ผมก็อายตัวผมเอง เพราะคนมาฟ้อง รู้ว่าผมอยู่พรรคนี้ กระทรวงนี้ แล้วเกิดเรื่องแบบนี้ เร็วๆ นี้ก็จะมีคนมาร้อง จริงๆ ก็รู้ในวงกว้างอยู่แล้ว เพียงแต่ยังไม่เห็นคดีความ เจ้าตัวอาจจะไม่รู้ก็ได้ แต่มีหลักฐาน มีคนเอาหลักฐานมาให้ผมเลย มาคุยกับผมด้วย แต่ผมไม่ยุ่ง เพราะเดี๋ยวหาว่าผมไปแกล้งเขา ผมจบไปนานแล้ว แต่ฟังอีกฝ่ายหนึ่งพูด รู้สึกสุดยอดจริงๆ พูดแต่ละอย่าง พูดได้อย่างไร”
“ผมไม่มีทีมโซเชียล ไม่มีทีมไปคุยกับ สส.ฝ่ายค้านให้ไปขุดคุ้ย ทราบว่ามีสั่งไปให้เช็คว่า ผมไปทำอะไรกับโรงงานไหนบ้าง อยากให้ไปเช็คจริงๆ เพราะผมไม่เคยไปทำอะไร เอาเรื่องเก่ามาพูด วันก่อนมาอ้างเรื่องสติ๊กเกอร์รถขนสารพิษ แต่โรงงานปิด โดนดำเนินคดีไป 2 ปีแล้ว เอาเรื่องเก่ามาทั้งนั้น”
นายสุชาติ กล่าวทิ้งท้ายว่า ปัญหาในพรรค อยากให้คุยให้จบ เปิดทางให้ สส.ออกไป เพื่อให้จบกันด้วยดี