7 มิถุนายน 2568 ในสถานการณ์ความตึงเครียดตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา จนสุ่มเสี่ยงบานปลายกลายเป็นสงครามระหว่างประเทศชาติที่มีพรมแดนติดกัน
เชื่อว่า หลายคนที่ติดตามข่าวสารประเด็นร้อนเกี่ยวกับเรื่องนี้ คงจะคิดเหมือนๆ กันว่า สถานการณ์ที่แท้จริงอยู่ในระดับไหน? และหน่วยงานความมั่นคงไทย โดยเฉพาะทหาร ประเมินอย่างไร? ประเทศไทยและกองทัพของเรามีความพร้อมแค่ไหน? หากเสียงปืนดังขึ้น เราจะสู้เขาได้หรือไม่?
วันนี้ “ข่าวข้นคนข่าว” เนชั่นทีวี ได้ข้อมูลบางส่วนจากสิ่งที่อาจเรียกได้ว่าเป็น “บทสรุปผู้บริหาร” ที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพูดคุยหารือและสรุปเป็นรายงานเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด เป็นการประเมินสถานการณ์ล่าสุด ณ วันที่ 7 มิถุนายน 2568
ยังมีข้อมูลในลักษณะ “อ่านเกมกัมพูชา” ซึ่งเก็บตกจากวงประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และ พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม และอดีตเจ้ากรมกิจการชายแดนทหาร นำมาเปิดเผยให้ “ข่าวข้นคนข่าว” ได้รับทราบ เฉพาะในส่วนที่เปิดเผยได้
1. การเคลื่อนไหวของกัมพูชารอบนี้ มีความผิดปกติ แตกต่างจากการเคลื่อนไหวล่วงล้ำเขตแดน หรืออธิปไตยไทยในห้วง 3-4 ปีที่ผ่านมา
จุดสังเกตคือ เป็นการเคลื่อนไหวที่ รวดเร็ว รุนแรง เช่น เผาศาลาตรีมุข และตัวแสดงที่ออกมาเล่นบทบาท ล้วนเป็น “ตัวท็อป” คือ นายกรัฐมนตรี และบิดาของนายกรัฐมนตรี
2. การเคลื่อนไหวของกัมพูชา มีลักษณะของการ “เตรียมการล่วงหน้า” และดำเนินการเป็นขั้นเป็นตอน
3. สมเด็จฮุนเซน ออกมาเล่นเอง ยิ่งสะท้อนว่ามีการวางแผนมาล่วงหน้า และต้องการเล่นใหญ่
4. รูปแบบ วิธีการ และเป้าหมาย เป็นสูตรเดิม ทรงเดิม เหมือนที่เคยทำกรณีปราสาทพระวิหาร และจุดพิพาทบริเวณอื่นๆ ซึ่งมีทั้งที่สำเร็จและไม่สำเร็จ ทั้งหมดจึงเป็น “เกมจัดตั้ง”
จุดประสงค์เพื่อหันเหความสนใจของคนในชาติตัวเอง (กัมพูชา) และสร้างความสำคัญให้ลูกชาย เพราะที่ผ่านมาการเมืองกัมพูชามีปัญหาภายใน ไม่ค่อยได้รับการยอมรับจากประชาชน เนื่องจากผู้นำรุ่นนี้มาจากการสืบทอดอำนาจ
ขณะที่อีกด้านหนึ่ง รัฐบาลกัมพูชาภายใต้การนำของ ฮุน มาเนต ก็เผชิญกับปัญหาเศรษฐกิจที่รุนแรง และชื่อเสียงเสียหายในฐานะดินแดนสแกมเมอร์ เป็นศูนย์กลางอาชญากรรมระดับโลก และมีคนของผู้มีอำนาจเกี่ยวข้องเรื่องผลประโยชน์จากธุรกิจสีเทา สีดำ
5. การปลุกกระแสชาตินิยมเรื่องดินแดน จึงถูกหยิบมาใช้ และ สมเด็จฮุนเซน ก็ทำมาตลอด และไม่ได้ทำเฉพาะกับไทย แต่ทำกับเวียดนามด้วย เนื่องจากกัมพูชามีพรมแดนอีกด้านหนึ่งติดต่อกับเวียดนาม เมื่อ 10 ปีที่แล้วเคยปลุกกระแส จนเกิดการเดินขบวนต่อต้านเวียดนาม แต่เวียดนามไม่ยอม และเดินหน้าชน จนสุดท้ายกัมพูชาต้องยุติการเคลื่อนไหว
6. การที่กัมพูชาฉวยโอกาสเคลื่อนไหวในเวลานี้ เนื่องจากเป็นช่วงที่ไทยมีปัญหาภายใน โดยเฉพาะปัญหาความแตกแยกของฝ่ายการเมือง รวมถึงเผชิญปัญหาเศรษฐกิจไม่ต่างจากกัมพูชา