svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

อ่านเกม “กัมพูชา” ปูดแผน “แหย่-ยิง-ยกระดับ” หวังผลการเมือง

เปิดรายงานวัดปรอท “ไทย-กัมพูชา” กับ 5 มาตรการรับมือทางทหาร อ่านเกม “กัมพูชา” ปูดแผน “แหย่-ยิง-ยกระดับ” หวังผลการเมือง เบนเป้า ศก.ทรุด-สืบทอดอำนาจ สูตรเดิม "เกมจัดตั้ง"

7 มิถุนายน 2568 ในสถานการณ์ความตึงเครียดตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา จนสุ่มเสี่ยงบานปลายกลายเป็นสงครามระหว่างประเทศชาติที่มีพรมแดนติดกัน

เชื่อว่า หลายคนที่ติดตามข่าวสารประเด็นร้อนเกี่ยวกับเรื่องนี้ คงจะคิดเหมือนๆ กันว่า สถานการณ์ที่แท้จริงอยู่ในระดับไหน? และหน่วยงานความมั่นคงไทย โดยเฉพาะทหาร ประเมินอย่างไร? ประเทศไทยและกองทัพของเรามีความพร้อมแค่ไหน? หากเสียงปืนดังขึ้น เราจะสู้เขาได้หรือไม่?

วันนี้ “ข่าวข้นคนข่าว” เนชั่นทีวี ได้ข้อมูลบางส่วนจากสิ่งที่อาจเรียกได้ว่าเป็น “บทสรุปผู้บริหาร” ที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพูดคุยหารือและสรุปเป็นรายงานเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด เป็นการประเมินสถานการณ์ล่าสุด ณ วันที่ 7 มิถุนายน 2568

  1. การรบขนาดใหญ่ ยังมีโอกาสน้อยมาก เพราะจำนวนกำลังพลและยุทโธปกรณ์ ตลอดจนทักษะการรบของฝ่ายไทย ยังเหนือกว่ากัมพูชามาก ฉะนั้นกัมพูชาเอง ก็น่าจะหลีกเลี่ยงการเปิดสมรภูมิแบบเต็มรูปแบบ แต่จะใช้ปฏิบัติการทางจิตวิทยาเป็นหลัก
  2. ลักษณะการรบ จะเป็นรูปการวางกำลังตามแนวชายแดน ซึ่งฝ่ายไทยมีแนวปัองกันของทหารอยู่แล้ว คือบริเวณที่ไทยถือว่าเป็นเขตอธิปไตย ซึ่งกัมพูชาก็รับรู้ เช่น พื้นทึ่กลุ่มปราสาทตาเมือน หรือแม้แต่เกาะกูด โดยฝ่ายไทยจะส่งกำลังล้ำเข้าไปในพื้นที่อ้างสิทธิ์ เพราะมิฉะนั้นจะกลายเป็นการเปิดช่องให้ฝ่ายกัมพูชานำไปอ้างเพื่อช่วงชิงความได้เปรียบในเวทีต่างประเทศ
  3. ทิศทางของสถานการณ์ กัมพูชาจะเน้นการยั่วยุ เพื่อให้ทหารไทยลงมือก่อน แต่ฝ่ายเรามีการกำชับเป็นคำสั่งเด็ดขาดว่า “ห้ามลงมือก่อน” เพราะมิฉะนั้นจะถูกนำไปอ้างทันที
  4. การแสดงความพร้อมของ 3 เหล่าทัพ เป็นการแสดงให้เห็นถึงความเป็นเอกภาพ และทำให้เห็นว่าฝ่ายการเมืองต้องตัดสินใจไปตามสถานการณ์ที่แท้จริง และฝ่ายเราต้องเป็นฝ่ายได้เปรียบ และไม่สูญเสียเท่านั้น
  5. การแสดงความพร้อมรูปแบบต่างๆ ของกองทัพ หวังผลป้องปรามกำลังพลของกัมพูชา แต่จะไม่ให้เกินขีดที่ฝ่ายกัมพูชาจะนำไปอ้างได้ว่า ประเทศใหญ่รังแกประเทศเล็ก

อ่านเกมกัมพูชา ปูดแผน “แหย่-ยิง-ยกระดับ”

ยังมีข้อมูลในลักษณะ “อ่านเกมกัมพูชา” ซึ่งเก็บตกจากวงประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และ พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม และอดีตเจ้ากรมกิจการชายแดนทหาร นำมาเปิดเผยให้ “ข่าวข้นคนข่าว” ได้รับทราบ เฉพาะในส่วนที่เปิดเผยได้

1. การเคลื่อนไหวของกัมพูชารอบนี้ มีความผิดปกติ แตกต่างจากการเคลื่อนไหวล่วงล้ำเขตแดน หรืออธิปไตยไทยในห้วง 3-4 ปีที่ผ่านมา

จุดสังเกตคือ เป็นการเคลื่อนไหวที่ รวดเร็ว รุนแรง เช่น เผาศาลาตรีมุข และตัวแสดงที่ออกมาเล่นบทบาท ล้วนเป็น “ตัวท็อป” คือ นายกรัฐมนตรี และบิดาของนายกรัฐมนตรี

2. การเคลื่อนไหวของกัมพูชา มีลักษณะของการ “เตรียมการล่วงหน้า” และดำเนินการเป็นขั้นเป็นตอน

  • เริ่มจากการ “แหย่” เช่น ตัดถนนเลียบเข้ามาใกล้เส้นเขตแดน หรือพื้นที่อ้างสิทธิ์ ทั้งๆ ที่ตามเอ็มโอยูไม่ว่าฉบับไหน จะห้ามดำเนินการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิประเทศใกล้เส้นเขตแดน หรือพื้นที่อ้างสิทธิ์ ตั้งชุมชน ตลาด ใกล้กับพื้นที่อ้างสิทธิ์ รวมไปถึงการแจกโฉนดที่ดินให้กับทหาร และครอบครัวทหาร ซึ่งประจำการอยู่ใกล้กับพื้นที่อ้างสิทธิ์
  • เมื่อสถานการณ์สุกงอม หรือกิจกรรมที่ “แหย่” เอาไว้ เริ่มเห็นผล ก็จะดำเนินการขั้นต่อไป
  • 28 พ.ค.2568 ยิงเข้ามาก่อน ซึ่งขณะนี้ได้รับรายงานตรงกันทุกหน่วยแล้วว่า ทหารกัมพูชายิงก่อน และทหารไทยจึงต้องยิงตอบโต้ออกไป
  • จากนั้น “ตัวแสดงระดับท็อป” ก็ออกมาแสดงบทบาท และจูงสถานการณ์ไปสู่ศาลโลก ซึ่งกัมพูชาคิดว่าตัวเองได้เปรียบ

3. สมเด็จฮุนเซน ออกมาเล่นเอง ยิ่งสะท้อนว่ามีการวางแผนมาล่วงหน้า และต้องการเล่นใหญ่

 

หวังผลการเมือง เบนเป้า ศก.ทรุด-สืบทอดอำนาจ

 

4. รูปแบบ วิธีการ และเป้าหมาย เป็นสูตรเดิม ทรงเดิม เหมือนที่เคยทำกรณีปราสาทพระวิหาร และจุดพิพาทบริเวณอื่นๆ ซึ่งมีทั้งที่สำเร็จและไม่สำเร็จ ทั้งหมดจึงเป็น “เกมจัดตั้ง”

จุดประสงค์เพื่อหันเหความสนใจของคนในชาติตัวเอง (กัมพูชา) และสร้างความสำคัญให้ลูกชาย เพราะที่ผ่านมาการเมืองกัมพูชามีปัญหาภายใน ไม่ค่อยได้รับการยอมรับจากประชาชน เนื่องจากผู้นำรุ่นนี้มาจากการสืบทอดอำนาจ

  • ลูกของ สมเด็จฮุนเซน คือ ฮุน มาเนต เป็นนายกรัฐมนตรี
  • ลูกของ นายพลเตีย บัญ อดีตรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกลาโหม คือ พลเอก เตีย เซยฮา ปัจจุบันก็เป็นรองนายกฯ และรัฐมนตรีกลาโหม สืบแทนพ่อ

ขณะที่อีกด้านหนึ่ง รัฐบาลกัมพูชาภายใต้การนำของ ฮุน มาเนต ก็เผชิญกับปัญหาเศรษฐกิจที่รุนแรง และชื่อเสียงเสียหายในฐานะดินแดนสแกมเมอร์ เป็นศูนย์กลางอาชญากรรมระดับโลก และมีคนของผู้มีอำนาจเกี่ยวข้องเรื่องผลประโยชน์จากธุรกิจสีเทา สีดำ

5. การปลุกกระแสชาตินิยมเรื่องดินแดน จึงถูกหยิบมาใช้ และ สมเด็จฮุนเซน ก็ทำมาตลอด และไม่ได้ทำเฉพาะกับไทย แต่ทำกับเวียดนามด้วย เนื่องจากกัมพูชามีพรมแดนอีกด้านหนึ่งติดต่อกับเวียดนาม เมื่อ 10 ปีที่แล้วเคยปลุกกระแส จนเกิดการเดินขบวนต่อต้านเวียดนาม แต่เวียดนามไม่ยอม และเดินหน้าชน จนสุดท้ายกัมพูชาต้องยุติการเคลื่อนไหว

6. การที่กัมพูชาฉวยโอกาสเคลื่อนไหวในเวลานี้ เนื่องจากเป็นช่วงที่ไทยมีปัญหาภายใน โดยเฉพาะปัญหาความแตกแยกของฝ่ายการเมือง รวมถึงเผชิญปัญหาเศรษฐกิจไม่ต่างจากกัมพูชา