
6 มิถุนายน 2568 ที่สถานทูตกัมพูชาประจำประเทศไทย กลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย หรือ คปท. นำโดย นายพิชิต ไชยมงคล และนายนัสเซอร์ ยีหมะ นำมวลชนเคลื่อนขบวนมาเพื่อแสดงจุดยืน ต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ในการปกป้องอธิปไตยและจะไม่ยอมเสียดินแดนแม้แต่ตารางนิ้วเดียว และยื่นหนังสือประท้วง ถึง นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา
นายพิชิต อ่านแถลงการณ์ ระบุว่า การมายื่นหนังสือเพื่อแสดงเจตจํานง ว่า ประชาชนคนไทย มีความห่วงใยต่อสถานการณ์ที่ทหารของท่าน ได้รุกล้าอธิปไตยของประเทศไทยและทําการสร้าง หลุมสนามเพาะหรือ คูเลต ทางยุทธวิธีรุกล้ำมายังอธิปไตยของไทย รวมถึงการที่นายทหารและครอบครัวนายทหารของท่าน ได้แสดงออกถึงการไม่เคารพ และไม่ให้เกียรติประเทศไทยด้วยการเข้ามาร้องเพลงชาติกัมพูชาในปราสาทตาเมือนธม ซึ่งอยู่ในดินแดน จังหวัดสุรินทร์ ประเทศไทย เมื่อวันที่ 13 ก.พ.68 ที่ผ่านมา
ซึ่งทั้งเหตุการณ์ที่ทหารของท่านทําการยิงใส่ทหารของไทยก่อน ในการที่ทหารไทยไปเจรจาขอให้ทหาร กัมพชูา ถอยออกจากเขตแดนไทยบริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี
ทางกลุ่ม คปท.จึงขอประณามการกระทําดังกล่าวว่า เป็นเจตนาที่ต้องการให้เกิดความแตกแยกของมิตรภาพทั้งสองประเทศ และยืนยันว่า ประชาชนคนไทยพร้อมให้การสนับสนุนการปฏิบัติการของฝ่ายทหารไทยอย่างถึงที่สุด ในการรักษาอธิปไตยของประเทศไทย และจะปกป้องแผ่นดินไทยอย่างถึงที่สุด โดยคนไทยจะไม่ยอมเสียดินแดนแม้แต่ตารางนิ้วเดียว พร้อมทั้ง ตะโกน 3ครั้งว่า “ไทยนี้รักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด”
จากนั้น แกนนำ ได้นำหนังสือ ไปแปะไว้ที่รั้ว หน้าสถานทูตกัมพูชา เนื่องจาก ไม่มีตัวแทนของสถานทูตกัมพูชา ออกมารับหนังสือ ท่ามกลางการดูแลความสงบเรียบร้อยจากตำรวจ สน.วังทองหลาง ที่เป็นไปอย่างเข้มงวด
นายพิชิต ยังบอกเพิ่มเติมด้วยว่า วันนี้มาทำหน้าที่ในการยื่นหนังสือประท้วงไปยังนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ที่การการทำของทหาร รุกล้ำอธิปไตยไทยหลายครั้ง ซึ่งพฤติกรรมเช่นนี้ เป็นการแสดงออกถึงการเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่ไม่ดี ดังนั้นในฐานะคนไทยจะไม่ยอมให้กัมพูชามารุกลล้ำอธิปไตยของไทย และพร้อมเป็นส่วนหนึ่งที่พร้อมสนับสนุนปฏิบัติการทางทหาร ทุกรูปแบบ
ทั้งนี้เมื่อกัมพูชามีการปฏิเสธการพูดคุยในการประชุม JBC นั้น หลังจากนี้จะทำให้เหตุการณ์บริเวณชายแดนจะเข้มข้นมากขึ้น และเชื่อว่า ทหารไทยมีปณิธาณ จะไม่เสียดินแดนแม้แต่ตารางนิ้วเดียว และการมาวันนี้เพื่อแสดงออกด้วยว่า ทหารไทยไม่ได้โดดเดี่ยว
ส่วนการประชุม สมช. และ ผู้นำเหล่าทัพในวันนี้ นายพิชิต บอกว่า เมื่อวาน (5 มิ.ย.) คปท. ได้เรียกร้องให้รัฐบาลใช้กลไกล สมช.เป็นกลไกหนึ่งในการแก้ไขปัญหา และวันนี้จะมีการประชุม ก็หวังว่า การประชุมจะยืนหยัดบนอธิปไตยของชาติ และการประชุมผู้นำเหล่าทัพจะกล้ายืนยันว่า ประสาทตาเมืองธม ปราสาทตาเมืองโต๊ด ปราสาทตาควาย เป็นดินแดนของไทย และผู้นำเหล่าทัพ ก็กล้าที่จะยืนยันในการปกป้องอธิปไตยของชาติ ซึ่งการประชุมวันนี้ถือเป็นกลไกหนึ่ง ที่ประชาชนฝากความหวังไว้ และอยากให้รัฐบาลเชื่อฟังสภากลาโหม และผู้นำเหล่าทัพให้มากกว่านี้
และยังมองอีกว่า “พรรคเพื่อไทย เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล นายกรัฐมนตรีก็มาจากพรรคเพื่อไทย แต่ท่าทีของเพื่อไทยเหมือนเพิ่งตื่นมาจากข้อเท็จจริง เหตุการณ์บริเวณชายแดนไทยกัมพูชา เกิดขึ้นมาหลายเหตุการณ์แล้ว แต่นายกฯ ที่มาจากพรรคเพื่อไทย กลับไม่มีท่าทีที่ชัดเจน ดังนั้นพรรคเพื่อไทยควรเรียกร้องรัฐบาล เพราะวันนี้ คนไทยต้องการจุดยืนของรัฐบาลว่ามีความมั่นคงและพร้อมรักษาอธิปไตยของชาติหรือไม่”
โดยหลังเสร็จสิ้นกิจกรรม ทางกลุ่มมวลชนก็แยกย้านกันเดินทางกลับ และนัดหมายตะไปยื่นหนังสือถึงกระทรวงการต่างประเทศ ในวันที่ 10 มิ.ย. เพื่อเรียกร้องให้มีการประท้วงการกระทำของ กัมพูชา อย่างเป็นทางการด้วย