
5 มิถุนายน 2568 รศ.ดร.ฐิติวุฒิ บุญยวงศ์วิวัชร อาจารย์คณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งเชี่ยวชาญด้านความมั่นคงชายแดน วิเคราะห์ว่า สิ่งที่ผู้นำกัมพูชาและบุตรชายกำลังทำอยู่ในปัจจุบัน ใช้ทั้งปฏิบัติการทางด้านการข่าวและปฏิบัติการกดดัน โดยเฉพาะการเคลื่อนกำลังทางด้านการทหาร
แต่ปฏิบัติการทางด้านการข่าว โดยเฉพาะการส่งผลในแง่ของจิตวิทยาของทั้งประชาชนไทย และการสร้างกระแสกดดันของรัฐบาลไทย ฝ่ายกัมพูชาเล็งเห็นความได้เปรียบ จึงใช้เทคนิควิธีการต่อรอง รวมทั้งหาข้อได้เปรียบ เพื่อสร้างเกมให้ประเทศไทยเดินตาม ในช่วงระยะเวลาหลายวันที่ผ่านมา ได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้อย่างตอบโจทย์กระแสความนิยมภายในประเทศ และยกสถานะความได้เปรียบในการเจรจา ด้วย
1.การแต่งเรื่องเล่า เช่น การกล่าวหาว่าไทยละเมิดอำนาจอธิปไตย
2.การปลุกระดมความรู้สึก หรือกระตุ้นให้ประชาชนร่วมต่อสู้กับรัฐ
3.การปั่นกระแสแรงกดดัน เพื่อทำให้ประชาชนเห็นด้วยกับการใช้ความชอบธรรม ในการเคลื่อนกำลังกดดันประเทศไทย
4.การใช้กำลังจริง ซึ่งหมายถึงการเปลี่ยนสภาพเข้าสู่การรบหรือปะทะในสมรภูมิ
5.การสร้างกระแสต่อเนื่องหลังการรบ โดยเฉพาะในโลกโซเชียล เช่น การปั้นวีรกรรมให้กับทหารที่เสียชีวิต หรือสร้างภาพชัยชนะ เพื่อสร้างความชอบธรรมต่อเนื่อง
ตลอดระยะเวลานับตั้งแต่ปัจจุบันจนถึงก่อนวันเจรจา ประเทศไทยจึงควรเฝ้าระวังการปฎิบัติการทางด้านการข่าวและจิตวิทยา สามประเด็น คือ
- เพื่อใช้ข้อได้เปรียบทางด้านการทูตและการเจรจาในประเด็น 1-3
- แต่ในกระแสปัจจุบันมีความพยายามจะดันให้เพดานไปถึงในขั้นตอนที่ 4 คือการใช้กำลังจริงโดยมีปฏิบัติการทางด้านการข่าวสนับสนุน
- หากแม้ปฏิบัติการทางด้านการทหารเกิดขึ้นแล้ว ปฏิบัติการทางด้านการข่าวข้อที่ 5 ก็จะเกิดขึ้นต่อเนื่อง
ทั้งหมดนี้สะท้อนความชำนาญเฉพาะตัวของประเทศและผู้นำที่ผ่านประสบการณ์สงครามกลางเมืองมาอย่างยาวนาน
ข้อสังเกตสำคัญของรัฐบาลไทยคือ การรับมือกับความขัดแย้งครั้งนี้นั้น การใช้เครื่องมือทั้งทางด้านการทหาร และการทูตย่อมไม่เพียงพอ แต่ต้องรับมือและสร้างกลไกรองรับปฏิบัติการทางด้านการข่าวและจิตวิทยาทั้ง 5 ขั้นตอนทั้งหมดนี้ด้วย โดยเฉพาะหากต้องประเชิญหน้าทั้งการเจรจาการทูต และปฏิบัติการทางด้านการทหารบนความไม่แน่นอน