
5 มิถุนายน 2568 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีกัมพูชาออกแถลงการณ์ จะนำปัญหาช่องบก ประสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมืองโต๊ด และประสาทตาควาย ให้ศาลโลกเป็นผู้แก้ปัญหา และจะไม่เจรจาทวิภาคีกับไทยในการประชุม JBC ที่จะมีขึ้นในวันที่ 14 มิถุนายนนี้ ว่า เวลาอ่านต้องอ่านให้ครบถ้วน ทางกัมพูชาบอกว่า จะไม่เอา 4 ปราสาท นำมาคุยใน JBC ซึ่งไม่มีประเด็นที่จะคุยในเรื่องนี้อยู่แล้ว
“ดังนั้นการออกข่าวจะต้องเช็คให้ชัวร์ก่อนแชร์ ยืนยันว่าไม่มีเรื่องนี้เลย และตนก็พูดชัดเจนแล้วว่า ไม่เอาเรื่องอื่นเข้ามา จะคุยเฉพาะเรื่องที่เกิดขึ้นในพื้นที่อย่างเดียว จึงไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น ในส่วนของเราจะคุยเฉพาะจุดที่เป็นคู่ปัญหาขัดแย้ง”
“ส่วนเรื่องศาลโลก ผมได้เรียนไปแล้วว่า มติคณะรัฐมนตรีเมื่อ 19 มีนาคม 2567 ถือว่าเราไม่ได้ยอมรับอำนาจศาลโลก ขณะนี้ก็ยังไม่ได้มีปัญหาอะไร และเราก็ไม่ได้พูดเรื่องนี้อีก ส่วนทางกัมพูชาจะเอาเรื่องนี้ไปขึ้นศาลโลก ก็เป็นเรื่องของกัมพูชา เราไม่สามารถไปห้ามอะไรเขาได้ อยากจะทำอะไรก็ทำ เรื่องนี้ไม่มีอะไรเลยการประชุม JBC ในวันที่ 14 มิ.ย.นี้ ยังเหมือนเดิม จุดที่คุยคือจุดที่ขัดแย้งบริเวณ ต้นสัตบรรณ กับพื้นที่ที่เกิดปัญหายิงกัน ยืนยันเหมือนเดิมไม่มีปัญหาอะไร และเรายังยึดมั่นในกรอบของเรา ศาลโลกก็ไม่มีอำนาจในการบังคับเรา”
เมื่อถามว่า จากแถลงการณ์กัมพูชาจะไม่เอาช่องบกมาคุยในเวที JBC นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่จริง ที่เราจะพูด เป็นจุดที่ปะทะกัน และเป็นปัญหา จะต้องดูว่าตรงไหน เราบอกแล้วว่าจะไม่ขยายพื้นที่ไปสู่พื้นที่อื่นๆ ด้วย สิ่งนี้ยืนยันมาตั้งแต่ต้น จากกว้างก็เอามาเป็นวงแคบที่เป็นประเด็น
เมื่อถามว่า ท่าทีของกัมพูชากำลังเป็นที่ตอกย้ำ 4 ปราสาท จะนำไปเข้าศาลโลกซึ่งจากการไปลงพื้นที่ไป จะทำให้สถานการณ์คลายความตึงเครียดของทหารในพื้นที่ได้อย่างไร นายภูมิธรรม กล่าวว่า จากสถานการณ์ในพื้นที่ที่ตนไปดู ไม่ได้มีอะไรนักหนา แต่ละคนก็ตรึงกำลัง ทำหน้าที่ของตน และรอสถานการณ์จะจบอย่างไร ตนคิดว่าการที่สถานการณ์จะไม่จบอย่างดีหรือตึงเครียด อันนั้นแหละจะทำให้ตึงเครียด ซึ่งจะต้องมีมาตรการต่อไป และเราได้เตรียมมาตรการไว้แล้วขอให้มั่นใจ
ขณะเดียวกันใน JBC ก็มีอะไรคุยกันตลอด เห็นว่าหากคุยและประเมินแล้วว่าต้องเพิ่มมาตรการ ก็คงต้องเพิ่มมาตรการ และตนก็ได้พูดคุยกับ พลเอก เตีย เซ็ยฮา รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ยังยืนยันในจุดยืนของเรา และอยากขอร้องให้ทางฝ่ายทหารทบทวน ซึ่งมีกระบวนการอยู่
ส่วนการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ ในวันพรุ่งนี้ (6 มิ.ย.) จะมีมาตรการตอบโต้อะไรบ้าง นายภูมิธรรม กล่าวว่า จะต้องมีการประเมินร่วมกัน โดยยึดทุกอย่างมาพิจารณา และคิดว่ามาตรการที่ทำอยู่พอเพียงหรือยัง หรือต้องเพิ่มอย่างไรขนาดไหน ส่วนจะมากกว่าการปิดด่านชายแดนหรือไม่ ก็ขอให้รอวันพรุ่งนี้
เมื่อถามว่า ถึงเวลาแล้วที่จะต้องมีมาตรการเชิงรุก มากกว่าการตั้งรับแล้วหรือยัง นายภูมิธรรม กล่าวยืนยันว่า ตอนนี้ไม่ได้ตั้งรับ ยังยืนยันมาตรการเดิม ซึ่งไม่ใช่มาตรการตั้งรับ เป็นการแสวงหาข้อยุติอย่างสันติ และสถานการณ์ทั้งหมด ฝ่ายแนวหน้าและฝ่ายกองบัญชาการข้างหลัง ได้คุยกันว่าจะใช้มาตรการเพิ่มขึ้นอย่างไร และจะได้ประโยชน์หรือไม่
ส่วนบนฐานเนิน 500 ทหารอยู่ในหน้าที่ มีวินัย ไม่มีปัญหา และพร้อมปกป้องอธิปไตย ความฮึกเหิม ความพร้อม ไม่ต้องห่วง ซึ่งจากการคุยกันในพื้นที่ก็บอกว่า รอส่วนกลาง หากเราตัดสินใจยกระดับ ก็คุยกัน หากในพื้นที่เห็นว่า ต้องต้องยกระดับ จะเป็นระดับไหนก็ต้องคุยกัน แต่ที่ผ่านมาในพื้นที่เขาบอกว่า ไม่จำเป็นต้องยกระดับ ดังนั้นตอนนี้ยังไม่มีอะไรน่ากังวล
เมื่อถามว่า กองทัพภาคที่ 2 เตรียมประชุม RBC แก้ปัญหาชายแดนไทย กัมพูชา 27-28 มิ.ย. นี้ ที่ จ.อุบลราชธานี ได้รับรายงานแล้วหรือยัง นายภูมิธรรม กล่าวว่า ให้สรุปรายงานมา ตอนนี้ทุกคนทำหน้าที่ตามกลไกที่มีอยู่ ขณะเดียวกันกระทรวงการต่างประเทศก็ประชุมถึงแถลงการณ์กัมพูชาที่ออกมา เราควรจะกำหนดท่าทีอย่างไร
ส่วนถ้าสถานการณ์ต้องยกระดับ ผู้ที่จะมีอำนาจตัดสินใจ จะเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หรือเม่ทัพภาค นั้น นายภูมิธรรม เห็นว่า เรื่องยังไม่เกิด แต่การจะยกระดับขั้นไหนขึ้นอยู่กับสถานการณ์ อย่าไปสมมุติ เพราะจะมีเรื่องราวเยอะไปหมด
ส่วนกรณีที่กองทัพเรือกัมพูชา ฝึกใกล้กับเกาะกูดนั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า ยังไม่ได้รับรายงาน แต่ของเราก็พึ่งฝึกซ้อมฝึกใกล้ๆ เกาะกูด เมื่อเร็วๆ นี้