“ไชยชนก“ ไม่ให้ราคาคนฟ้องยุบ “ภูมิใจไทย” โยงฮั้วเลือก สว.

21 พฤษภาคม 2568 ที่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ ศูนย์พระนครศรีอยุธยา หันตรา จ.พระนครศรีอยุธยา นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายสุจินต์ ไชยชุมศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้ง นายไชยชนก ชิดชอบ สส.บุรีรัมย์ ในฐานะตัวแทนภาคประชาชน ร่วมงานเสวนาเชิงวิชาการ หัวข้อ “การเพิ่มประสิทธิภาพการเฝ้าระวัง ติดตามสถานการณ์ และการแจ้งเตือนสาธารณะภัยในระดับพื้นที่”

นายไชยชนก กล่าวบนเวทีว่า ตนเป็นตัวตั้งตัวตีให้คนใน "พรรคภูมิใจไทย" ตื่นตัวในความไม่ปกติของธรรมชาติ โดยนายอนุทิน และ นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รมว.อุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ได้รวบรวมบูรณาการการทำงานระหว่างมหาดไทย และ อว. ในการเชิญภาคเอกชนมาระดมมันสมอง หาสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นได้ 

สิ่งที่เราได้ปรึกษาหารือ และเจตนาของการรวมตัวกัน เพื่อทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน เราตระหนักดีว่าประชาชนและฝ่ายบริหารของ จ.พระนครศรีอยุธยา มีประสบการณ์ ความสามารถ องค์ความรู้ในการรับมือภัยน้ำท่วมดีที่สุดในประเทศ พวกเรารู้ดีว่าชาวอยุธยาไม่ใช่แค่เพียงปรับตัวกับสถานการณ์ภัยน้ำท่วมที่เผชิญทุกปี แต่ปรับถึงขั้นเป็นวิถีชีวิตที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ และความยืดหยุ่น มีความพร้อมที่จะรับมือกับภัยธรรมชาติโดยเฉพาะน้ำท่วม

นายไชยชนก กล่าวอีกว่า เหตุผลหลักที่มาในวันนี้ เพื่อมาเรียนรู้จากทุกคน สิ่งที่เราคาดการณ์และวิเคราะห์ว่าจะเกิดขึ้นคือ "ลานีญา" ที่มาเร็วกว่าที่คิด และจะหนักขึ้นเรื่อยๆ การมาในครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อสร้างความรู้ แต่มาเพื่อเอาองค์ความรู้จาก จ.พระนครศรีอยุธยา ให้เราสามารถเตรียมตัวรับมือและนำไปใช้ในจังหวัดอื่นๆ ที่มีความเป็นไปได้ว่าจะเจอภัยน้ำท่วมในอนาคต โดยสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นของ "ลานีญา" จะมากขึ้นจนถึงกลางปีหน้า 

อย่างไรก็ตาม อยากให้ทุกคนได้ตระหนักถึงความไม่ปกติ แต่ละหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะทำหน้าที่อย่างสุดความสามารถ รวมถึงส่งมอบข้อมูลช่วยเหลือให้ทุกคนได้รับมือกับสถานการณ์ที่ไม่ปกติ อาทิ ข้อมูล สถิติ ที่ทำให้เห็นว่าความไม่ปกติเป็นอย่างไร โดยเฉพาะ 2 เดือนที่ผ่านมา ที่ตนลงพื้นที่ในช่วงปิดสมัยประชุมสภา ชาวบ้านทุกคนเห็นว่า "ไม่ปกติ" และหากดูจากเดือนเมษายนจนถึงวันนี้ เจอสภาพอากาศถึง 4 ฤดูในวันเดียวกัน วนเวียนในรูปแบบที่แตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ และตั้งแต่เดือนเมษายน ที่ผ่านมา ฝนตก 15 นาที เป็น 30 นาที จนตกทั้งวัน ในอนาคตจะตกยาว 3 วัน 

"อยากให้ทุกคนเปิดใจรับฟังธรรมชาติ รับฟังในสิ่งที่เราเห็นว่ามีการเปลี่ยนแปลง สิ่งที่เกิดขึ้นทั่วประเทศไทยในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ทั้ง "พายุลูกเห็บ" ในภาคอีสาน "พายุฤดูร้อน" น้ำท่วมภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคกลาง ทุกอย่างเกิดขึ้นในช่วงฤดูร้อน ธรรมชาติเตือนเราเสมออย่างเป็นขั้นตอน เราไม่รู้ว่าในอนาคตข้างหน้าฤดูฝนจะหนักแค่ไหน ดิน ฟ้า อากาศ ไม่มีอะไรแน่นอน แต่สิ่งที่เราเห็นคือ ฤดูร้อน น้ำเยอะแบบไม่ปกติ สภาวะอากาศทั่วประเทศก็ไม่ปกติ และสถานการณ์หนักขึ้นเรื่อยๆ จนเรากำลังจะเข้าสู่ฤดูฝน" นายไชยชนก กล่าว

อย่างไรก็ตาม ฝนไม่ได้ตกหนักมากที่สุดในภาคกลาง แต่จะหนักที่ภาคเหนือและภาคอีสาน อยากให้ทุกคนระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะน้ำจะไหลรวมกันจากแม่น้ำหลัก แล้วมาลงที่อยุธยา วันนี้อยากให้เตรียมตัว และคอยดูสถานการณ์ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป ช่วงเดือนมิถุนายนถึงกรกฎาคม จะได้แบ่งเบา และลดความเสียหายให้กับชาวอยุธยาจากการเกิดน้ำท่วมแบบฉับพลัน

ด้าน นายภาสกร กล่าวว่า กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้รับความร่วมมือจากภาคีเครือข่าย โดยเฉพาะ 8 หน่วยงาน เมื่อได้รับข้อมูลมาที่ ปภ. จะรายงานข่าว วิเคราะห์ข่าว และกระจายข่าว ซึ่งข้อมูลต้นทางต้องมาอย่างครบถ้วน เพราะการออกคำเตือนแจ้งประชาชน ข้อมูลต้องชัดเจน ขณะที่ศูนย์ ปภ. ทั้ง 18 เขต ก็มีเครื่องจักรสาธารณภัยขนาดใหญ่ สามารถจะนำเครื่องมือลงพื้นที่ไปช่วยประชาชนได้ทันที 

ส่วนวิธีการแจ้งเตือนประชาชนมีหลายช่วง หากความรุนแรงถึงขั้นกระทบต่อทรัพย์สิน และชีวิตของประชาชน ปภ. จะส่ง SMS และ Cell Broadcast (CBS) ที่ได้ทดสอบทั้ง 3 ระบบ ไม่ว่าจะขนาดเล็ก ขนาดกลาง ขนาดใหญ่ ซึ่งรวมพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา หากมีความจำเป็นจะนำ CBS มาใช้ แม้ว่าจะไม่สมบูรณ์ครบถ้วน 100% คาดว่าไม่เกิน 2 เดือนนี้ จะมีความสมบูรณ์ แต่ไม่เป็นอุปสรรคในการแจ้งเตือนภัย และการแจ้งเตือนจะต้องมีระดับความรุนแรงมากกว่าที่กำหนด 

 ไม่ให้ราคาคนฟ้องยุบ “ภูมิใจไทย”

ทั้งนี้​ ก่อนที่การเสวนาจะเริ่มขึ้น​ ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถาม ​นายไชยชนก​ ถึงกรณีที่ นางสาวกุสุมาลวตี ศิริโกมุท สว.สำรอง​ ยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. เพื่อขอให้ยุบพรรคภูมิใจไทย ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับประเด็นการฮั้วเลือก สว.​ ถึง​ 2 ครั้งแต่ นายไชยชนก​ ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษ​ณ์​ โดยบอกสั้นๆ เพียงว่า​ “ไม่ให้ราคา​ น้ำจะท่วมอยู่แล้ว และถ้าไม่ใช่เรื่องที่เป็นประโยชน์​ต่อประชาชน​ อย่ามาถามผม​ ผมไม่มีเวลาให้”