19 พฤษภาคม 2568 อาจารย์กฤษฎา บุญเรือง นักวิชาการอิสระ ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ "โทเคนดิจิทัลรัฐบาล" หรือ Government Token (G-Token) ซึ่งเริ่มมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กว้างมากขึ้น โดยมีรายงานว่า ในวันพรุ่งนี้ (20 พ.ค.2568) ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะมีการหารือ หรือซักถามเรื่องนี้ต่อ ซึ่งจะมีการโยงเศรษฐกิจภาพใหญ่ รวมถึงการเจรจากับสหรัฐฯเรื่องกำแพงภาษีด้วย
อาจารย์กฤษฎา ระบุว่า ทำไมจะต้องเร่งทำในเวลานี้ ทั้งที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ และความสับสนกับเรื่อง Digital Wallet เสถียรภาพของรัฐบาลเปราะบางโดยความขัดแย้งระหว่างพรรคร่วม ปัญหาทางกฎหมายของนักการเมืองบางคน และบางกลุ่มที่อาจนำมาสู่การเปลี่ยนแปลงสมการของรัฐบาลหรือรัฐสภา งบประมาณปี 2569 สงครามการค้าและภาษีศุลกากรระหว่างประเทศ เศรษฐกิจทรุด และวิกฤตภูมิรัฐศาสตร์เป็นต้น
1.พรรคเพื่อไทยต้องการ quick win
quick win จะเป็นประโยชน์ต่อพรรคเพื่อไทยโดยตรง ทำสิ่งใหม่ที่ถูกใจคนหนุ่มสาวยุคเทคโนโลยี ซึ่งจะกู้ภาพลักษณ์จากที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า ทำเรื่อง digital wallet ล่าช้า และต้องเปลี่ยนแปลงหลายครั้ง ขณะเดียวกันไม่ส่งผลบวกทางเศรษฐกิจอย่างที่คาดไว้ จะเป็นเครดิตให้พรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งครั้งต่อไปว่า เป็นพรรคที่มองไปในอนาคต เข้าใจในพฤติกรรมของผู้บริโภคที่คุ้นเคยกับการใช้เทคโนโลยี
เรื่องนี้สำคัญเพราะ “เป็นการแย่งชิงแบรนด์ ความคิดก้าวหน้า และการกล้าใช้เทคโนโลยีจากพรรคประชาชน”
2.กู้ชื่อพรรคเพื่อไทยเรื่องเศรษฐกิจ
ชื่อเสียงของพรรคเพื่อไทยผูกไว้กับการเข้ามาแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งขณะนี้กำลังเกิดวิกฤตศรัทธาเสื่อม เนื่องจากเศรษฐกิจตกต่ำ และยังไม่เห็นทางออกแม้พรรคเพื่อไทยเป็นผู้นำรัฐบาลมาแล้วเกือบสองปี
3.ส่งสัญญาณให้ต่างประเทศว่าไทยทันโลกและพร้อมเป็นผู้นำ
หากทำสำเร็จ จะอ้างว่าได้ว่าไทยเป็นผู้นำหรือศูนย์กลางการเงินด้านดิจิทัลระดับผู้บริโภคในอาเซียน (ส่วนสิงคโปร์จะกลายเป็นผู้นำหรือศูนย์กลางการเงินโดยทั่วไปในระดับสถาบันใหญ่) และอาจขยายเป็นการดึงดูดเงินจากต่างประเทศ
ขณะนี้ ไทยกำลังประสบวิกฤตเรื่องความเชื่อมั่นจากสถาบันต่างๆ เช่น กรณี Moody's Ratings หน่วยงานจัดอันดับเครดิต และสถาบันอื่นๆ
1.อาจมีอุปสรรคทางกฎหมาย
เนื่องจากยังไม่มีกฎหมายรองรับและอาจถูกยกเลิกได้ พรรคเพื่อไทย มีความเชื่อมั่นว่ามีกฎหมายรองรับและอนุญาตให้รัฐบาลทำได้โดยใช้ช่องโหว่ พระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 : กฎหมายฉบับนี้เป็นหัวใจสำคัญที่ให้อำนาจกระทรวงการคลังในการกู้เงินในรูปแบบต่างๆ เพื่อบริหารจัดการหนี้สาธารณะและชดเชยการขาดดุลงบประมาณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน มาตรา 10
ซึ่งระบุว่า "การกู้เงินตามพระราชบัญญัตินี้จะทำเป็นสัญญาหรือออกตราสารหนี้หรือวิธีการอื่นใดก็ได้ ทั้งนี้ ตามที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ" คำว่า "วิธีการอื่นใดก็ได้" นี้เองที่เปิดช่องให้รัฐบาลสามารถนำนวัตกรรมการระดมทุนสมัยใหม่อย่าง G-Token มาปรับใช้ได้
อย่างไรก็ตาม พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2567 ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ระบุว่า ภาคเอกชนเท่านั้นที่จะเป็นผู้ลงมือปฏิบัติในเรื่องนี้ส่วนรัฐบาลนั้นเป็นผู้กำกับควบคุม
ฉะนั้น หากรัฐบาลจะกลายเป็นผู้ออกเองอาจจะมีการฟ้องร้องทางกฎหมายได้ และการคุ้มครองผู้บริโภคยังไม่ชัดเจนพอ
(G-Token มีลักษณะเป็นสินทรัพย์ดิจิทัล การออก การเสนอขาย และการซื้อขาย จึงต้องอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ก.ล.ต. ตาม พ.ร.ก. ฉบับนี้ ซึ่ง ก.ล.ต. จะทำหน้าที่ตรวจสอบคุณสมบัติของผู้เสนอขาย ดูแลแพลตฟอร์มการซื้อขาย (Digital Asset Exchange) และคุ้มครองผู้ลงทุน เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างโปร่งใส เป็นธรรม และเป็นไปตามมาตรฐานที่กฎหมายกำหนด)
2.การจำกัดวงเงินไม่ให้เกิน 5,000 ล้านบาท เพื่อหวังทำให้สำเร็จ
เพราะหากมีปัญหาเรื่องการตอบรับของตลาดและความต้องการน้อย ก็สามารถนำกลุ่มคนใกล้ชิดกับรัฐบาลมาลงทุนได้ เพื่อประกาศว่าทำได้ตามเป้า หากประกาศเป้าหมายสูงเกินไปแล้วทำไม่ได้จะเป็นการลดเครดิตของพรรคเพื่อไทย
หากโครงการนำร่องทำได้สำเร็จ และปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นช่วงแรกนั้นได้รับการปรับปรับปรุงแก้ไข ปิดช่องโหว่ต่างๆ และปรับปรุงกฎหมายให้เหมาะสมก็จะทำให้มีวิธีการระดมทุนเป็นวงเงินกว้างขึ้น
ความหมายของ “โครงการนำร่อง” หมายถึงจะมีโครงการใหญ่ตามมา ซึ่งอาจจะหมายถึงการระดมทุน 500,000 ล้านบาท ทำแลนด์บริดจ์ หรือโครงการใหญ่อื่นๆเป็นต้น
3.เรื่องนี้เป็นดาบสองคมและอาจนำมาสู่ความเสียหายต่อรัฐบาลโดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยได้
เป็นความเสี่ยงของรัฐบาลโดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย เนื่องจากการเป็นผู้เสนอโครงการใหม่ และเป็นผู้นำในภูมิภาคหรือระดับโลกนั้น มีความเสี่ยงมากนอกเหนือจากเทคโนโลยีที่กำลังพัฒนาและเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาแล้ว ยังเป็นปัญหาเรื่องการฉ้อโกงออนไลน์ต่าง ๆ จากความเข้าใจผิด หรือการฉวยโอกาสของมิจฉาชีพ ที่อาศัยจังหวะของผู้บริโภคหลงคิดว่าเป็นโครงการและมีความปลอดภัย เนื่องจากรัฐบาลเป็นผู้จัดการและรับรองในเรื่องนี้
"G-Token หากถูกนำมาขายก่อนครบกำหนดสัญญา (ในตลาดรอง) ก็อาจจะไม่ได้ราคาที่ผู้ลงทุน หรือผู้บริโภคคาดหวังไว้ หากอุปสงค์อุปทานช่วงนั้นส่งผลให้ขายก่อนกำหนดได้ราคาที่ต่ำกว่าที่ลงทุนไว้ก็อาจนำมาสู่การตำหนิหรือฟ้องร้องพรรคการเมืองที่เป็นเจ้าของความคิดนี้"