25 เมษายน 2568 กลายเป็นประเด็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางทางสื่อโซเชียล โดยมีการโหมกระพือข่าว กรณี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางเยือนกัมพูชาอย่างเป็นทางการครั้งแรก และได้มีการเห็นชอบตกลงในการส่งมอบวัตถุโบราณตามที่กัมพูชาเคยร้องขอ จำนวน 20 ชิ้น
โดยข้อความตามกระแสข่าวโซเชียล มีการตั้งคำถามว่า น.ส.แพทองธาร ใช้อำนาจใดในการส่งมอบวัตถุโบราณจากไทยให้กัมพูชา พร้อมกับเรียกร้องให้ กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม ออกมาชี้แจงเรื่องดังกล่าว
เนชั่นทีวี ได้โทรศัพท์สอบถาม นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร เป็นไปตามที่กระแสสื่อโซเชียล รวมถึงข้อความผู้นำกัมพูชา แสดงความขอบคุณจริงหรือไม่ ปรากฎว่า โฆษกรัฐบาล ซึ่งติดตามนายกรัฐมนตรีไปกัมพูชาด้วย ยืนยันกับเนชั่นทีวีว่า ไม่มีเรื่องดังกล่าวในการเดินทางเยือนกัมพูชา ไม่มีเรื่องการส่งมอบวัตถุโบราณจากไทยให้กัมพูชา และตนเพิ่งทราบข่าววันนี้เหมือนกัน โดยมีผู้สื่อข่าวสอบถามประเด็นนี้มายังตนสองรายแล้ว
อีกอย่าง หากมีเรื่องการส่งมอบใดๆ ก็ต้องมีกระบวนการพิจารณาตามขั้นตอน และเปิดเผยอย่างเป็นทางการ ซึ่งจะเป็นเรื่องที่ดีของสองประเทศด้วยซ้ำ แต่เรื่องดังกล่าวตนก็เพิ่งมาทราบพร้อมๆ กันกับสื่อ
ต่อมา โฆษกรัฐบาล ได้ส่งข้อความชี้แจงของเจ้าหน้าที่กรมศิลปากร มายังผู้สื่อข่าวเนชั่นทีวี ระบุว่า “ภายหลังมติ ครม. เมื่อปี 2567 ให้ส่งมอบวัตถุโบราณ 20 ชิ้นที่เหลือ ซึ่งพิสูจน์ได้แล้วว่าเป็นของกัมพูชา ให้กับทางกัมพูชานั้น ทางกระทรวงวัฒนธรรมของทั้งสองประเทศได้ประสานงานกันเพื่อเตรียมการด้าน logistics ของการส่งมอบ ซึ่งจะเป็นการส่งมอบทางบก ผ่านไปทางเมืองเสียมราฐ ในชั้นนี้คาดว่าจะเป็นช่วงเดือน ก.ค. 2568”
ด้านแหล่งข่าวระดับสูงจากกรมศิลปากร ให้ข้อมูลว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องเก่าตั้งแต่รัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา มีการจับกุมเรือลักลอบขนวัตถุโบราณได้ ยึดวัตถุโบราณล้ำค่าได้หลายสิบชิ้น จากนั้นมีการประสานกับมิตรประเทศ ที่อาจเป็นต้นทางถูกโจรกรรม โดยให้ส่งหลักฐานมายืนยันว่าเป็นวัตถุโบราณของตน ซึ่งทางรัฐบาลกัมพูชาส่งหลักฐานยืนยันมาได้จำนวนหนึ่ง จึงมีการส่งคืนไปบางส่วนแล้ว
สำหรับการส่งคืนล็อตล่าสุด เป็นล็อตสุดท้าย เกิดในรัฐบาลชุดนี้ แต่ไม่ได้เกี่ยวกับรัฐบาลชุดนี้ เป็นเพียงการดำเนินการต่อเนื่องมาข้ามรัฐบาล โดยการส่งล็อตสุดท้าย เนื่องจากกัมพูชามีหลักฐานยืนยันที่มีน้ำหนักว่า เป็นเจ้าของโบราณวัตถุดังกล่าว
นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ครม. มีมติอนุมัติให้ กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) โดยกรมศิลปากร มอบโบราณวัตถุ 20 รายการ คืนให้ราชอาณาจักรกัมพูชา เพื่อเป็นการปฏิบัติตามพันธกรณีของความตกลงทวิภาคีระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย และกัมพูชา รวมทั้งเพื่อเป็นการกระชับความสัมพันธ์อันดีระหว่างไทยและกัมพูชา และแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยเป็นภาคีที่ยึดมั่นและปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดในความตกลงทวิภาคีอย่างเคร่งครัด
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อปี พ.ศ.2543 กรมศุลกากรได้ตรวจยึดโบราณวัตถุเขมรที่นำเข้าโดยผิดกฎหมายซึ่งนำเข้ามาจากประเทศสิงคโปร์ จำนวน 43 รายการ และต่อมากรมศิลปากรได้มีการตรวจสอบและมอบโบราณวัตถุคืนให้กัมพูชา ตามมติ ครม. (24 ก.พ.2552 และ 13 ม.ค.2558) แล้ว จำนวน 23 รายการ คงเหลือโบราณวัตถุอีก 20 รายการ
ซึ่งกรมศิลปากรได้ตรวจสอบแล้วไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่มีถิ่นกำเนิดในกัมพูชาหรือไม่ เนื่องจากโบราณวัตถุทั้ง 20 รายการ เป็นโบราณวัตถุที่สามารถพบได้ในโบราณสถานทั้งในประเทศไทยและกัมพูชา คณะรัฐมนตรีจึงมีมติเมื่อวันที่ 13 ม.ค.2558 ให้กรมศิลปากรแจ้งผลการตรวจสอบดังกล่าวให้รัฐบาลกัมพูชาทราบ โดยหากรัฐบาลกัมพูชาประสงค์จะขอรับโบราณวัตถุดังกล่าวคืน ขอให้รัฐบาลกัมพูชาจัดส่งหลักฐานยืนยันเป็นลายลักษณ์อักษรว่าโบราณวัตถุทั้ง 20 รายการ เป็นโบราณวัตถุที่มีถิ่นกำเนิดในกัมพูชา
ในครั้งนี้รัฐบาลกัมพูชาได้ส่งคำร้องเพื่อขอรับคืนโบราณวัตถุทั้ง 20 รายการ พร้อมทั้งส่งเอกสารและหลักฐานยืนยันสิทธิเรียกร้องในโบราณวัตถุดังกล่าว ซึ่งจากการตรวจสอบของกรมศิลปากร ยืนยันได้ว่า โบราณวัตถุทั้ง 20 รายการ เป็นวัตถุที่มีแหล่งกำเนิดในกัมพูชา กระทรวงวัฒนธรรม จึงขออนุมัติมอบโบราณวัตถุ 20 รายการ คืนให้กัมพูชา ได้แก่
1. ส่วนองค์พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร 4 กร ศิลปะเขมรแบบบายน พุทธศตวรรษที่ 18
2. ส่วนองค์พระพุทธรูปยืน ศิลปะเขมรแบบบายน พุทธศตวรรษที่ 18
3. ส่วนองค์เทวรูป ศิลปะเขมรแบบบายน พุทธศตวรรษที่ 18
4. ส่วนองค์เทวรูป ศิลปะเขมรแบบนครวัด พุทธศตวรรษที่ 18
5. ส่วนองค์พระพุทธรูปปางประทานอภัย ศิลปะเขมรแบบบายน พุทธศตวรรษที่ 18
6. ส่วนองค์เทวรูป ศิลปะเขมรแบบนครวัด พุทธศตวรรษที่ 17
7. กลีบขนุนรูปทวารบาล ศิลปะเขมรแบบบาปวน – นครวัด พุทธศตวรรษที่ 16 – 17
8. กลีบขนุนรูปทวารบาล ศิลปะเขมรแบบบาปวน พุทธศตวรรษที่ 16
9. กลีบขนุนรูปทวารบาล ศิลปะเขมรแบบบาปวน พุทธศตวรรษที่ 16
10. กลีบขนุนรูปฤาษี ศิลปะเขมรแบบนครวัด พุทธศตวรรษที่ 17
11. กลีบขนุนรูปทวารบาล ศิลปะเขมรแบบบาปวนตอนปลาย – นครวัดตอนต้น พุทธศตวรรษที่ 16 – 17
12. กลีบขนุนรูปฤาษี ศิลปะเขมรแบบบาปวนตอนปลาย – นครวัดตอนต้น พุทธศตวรรษที่ 16 – 17
13. กลีบขนุนรูปพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ ศิลปะเขมรแบบบาปวนตอนปลาย – นครวัดตอนต้น พุทธศตวรรษที่ 16 – 17
14. กลีบขนุนรูปฤาษี ศิลปะเขมรแบบบาปวน พุทธศตวรรษที่ 16
15. กลีบขนุนรูปพระยมทรงกระบือ ศิลปะเขมรแบบบาปวน พุทธศตวรรษที่ 16
16. กลีบขนุนรูปพระวรุณทรงหงส์ ศิลปะเขมรแบบบาปวน พุทธศตวรรษที่ 16
17. นาคปักรูปครุฑยุดนาค ศิลปะเขมรแบบบาปวนตอนปลาย – นครวัดตอนต้น พุทธศตวรรษที่ 16 – 17
18. นาคปักรูปครุฑยุดนาค ศิลปะเขมรแบบบาปวนตอนปลาย – นครวัดตอนต้น พุทธศตวรรษที่ 16 – 17
19. กลีบขนุนรูปเทพธิดายืนอยู่ในซุ้มใบระกา ศิลปะเขมรแบบบาปวนตอนปลาย – นครวัดตอนต้น พุทธศตวรรษที่ 16 – 17
20. กลีบขนุนรูปเทพธิดายืนอยู่ในซุ้มใบระกา ศิลปะเขมรแบบบาปวนตอนปลาย – นครวัดตอนต้น พุทธศตวรรษที่ 16 – 17