
22 เมษายน 2568 นายนพดล ปัทมะ สส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย และอดีตรมว.ต่างประเทศ เปิดเผยเนชั่นทีวี ต่อกรณีที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เตรียมเดินทางเยือนกัมพูชาเป็นทางการครั้งแรก ระหว่างวันที่ 23 - 24 เมษายน ต่อ ปมร้อนพื้นที่อ้างสิทธิทางทะเล ภายใต้กรอบตกลง MOU 2544 ที่ดำเนินการมาหลายรัฐบาล แต่ชลอออกไป ว่า ไม่ทราบว่านายกฯจะหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาพูดคุยหรือไม่ แต่โดยส่วนตนคิดว่าเรื่องนี้อยู่ในนโยบายรัฐบาลที่จะมีการแสวงหาโอกาสพัฒนาร่วมกัน และเป็นประเด็นที่ ไทย - กัมพูชา มี MOU 2544 มีกรอบพูดคุยกันอยู่แล้ว ถ้านายกฯจะหยิบยกขึ้นมา ก็สามารถหยิบยกขึ้นมาได้ และคิดว่าเป็นความชัดเจน เป็นสิ่งที่ดี เพราะมีทั้งภาคเอกชน ประชาชนจะได้ทราบทิศทางรัฐบาลในการแสวงหาแหล่งพลังงานจะไปในทิศทางใด
แนวทางเจรจา ยึดหลักไม่ให้เสียดินแดน
นายนพดล ย้ำว่า โดยความเห็นส่วนตัวในฐานะสส. ไม่สามารถพูดแทนรัฐบาลได้ แต่ ความชัดเจนเป็นสิ่งที่ดี นอกจากนั้นการพูดคุยว่ามีปัญหาอุปสรรค หรือจะดำเนินการเอ็มโอยู การพัฒนาร่วมพลังงานอย่างไร ซึ่งจะเป็นประโยชน์ นอกจากนี้ อดีตรมว.ต่างประเทศยังให้แนวทางการเจรจาครั้งนี้ว่า เราต้องยึดหลักไม่ให้เสียสิทธิเขตแดน และปกป้องผลประโยชน์ของไทยให้ได้ การเจรจาทั้งโลก ต้องออกวินวิน คือหนึ่งไม่เสียดินแดน สองการตกลงต้องยึดบนพื้นฐาน กฎหมายระหว่างประเทศ
ขอให้มั่นใจ การทำหน้าที่ของกรมสนธิสัญญาฯ
อดีตรมว.ต่างประเทศ ยังได้อธิบาย ปมปัญหา MOU 2544 ว่า ตามข้อตกลงเอ็มโอยู 2544 มีสองพื้นที่ พื้นที่การแบ่งเขตทางทะเล กับพื้นที่ใต้ 11 องศาเหนือ เรียกพื้นที่พัฒนาร่วม สองพื้นที่ต้องมีคณะกรรมการเทคนิคร่วมไทยกัมพูชา JTC ไปเจรจา ไม่ใช่ฝ่ายการเมืองเจรจา ไม่สามารถงุบงิบเจรจา ต้องเปิดเผยโปร่งใส มีมืออาชีพ เช่น ปลัดกระทรวงพลังงาน ตัวแทนอัยการ ตัวแทนกฤษฏีกา ตัวแทนกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย ตัวแทนกรมแผนที่ทหาร เป็นองค์ประกอบพูดคุยกัน แบ่งคณะทำงานเป็นสองส่วน ส่วนแรก ทำหน้าที่พิจารณา แบ่งเขตทางทะเล ส่วนที่สอง ทำหน้าที่พิจารณาการพัฒนาร่วม เพราะฉนั้นต้องมีการเจรจาอีกหลายรอบ
"ถ้าเจรจาแล้วเราเห็นว่า ผู้เชี่ยวชาญทางกม.ทะเลบอกว่าไปแบบนี้ไม่ได้ เราจะเสียประโยชน์ เราก็ไม่เจรจา ไม่มีข้อตกลงแค่นั้นเอง ฉะนั้นการริเริ่มพูดคุยไม่ได้หมายความว่าเราเสียดินแดน ไม่มีนักกฎหมายระหว่างประเทศของกระทรวงการต่างประเทศคนไหนจะยอมให้ไทยเสียดินแดน เราต้องเชื่อมั่น มืออาชีพที่ทำงานโดยกระทรวงการต่างประเทศโดยเฉพาะกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย" อดีตรมว.ต่างประเทศ ให้ความเห็น