เจาะศึกเลือกตั้งซ่อม สส.เมืองคอน เขต 8 เทียบฟอร์ม 6 พรรคท้าชิง!

ศึกเลือกตั้งซ่อม สส.นครศรีธรรมราช เขต 8 ซึ่ง สส.เก่าจากภูมิใจไทย “คุณมุกดาวรรณ เรืองสีนิล” โดนใบแดง ต้องพ้นจากเก้าอี้ไป ใครจะเชื่อว่าจะมีผู้สมัครมากมายถึง 6 คน

 

ที่สำคัญยังเป็นผู้สมัครจากพรรคร่วมรัฐบาล “ชนกันเอง” ถึง 3 คน ฝ่ายค้าน 1 คนจากพรรคประชาชน และพรรคเล็กนอกสภา ส่งชิมลางอีก 2 คน ถือว่าคึกคักเกินคาดจริงๆ

 

ที่น่าสนใจไม่น้อยก็คือ “วันที่ของการสมัคร” ของผู้สมัครแต่ละคน จะพบว่าทยอยกันไปสมัคร เหมือนไม่ได้สนใจว่าต้องได้หมายเลข 1 หรือหมายเลขที่จำง่าย อย่างผู้สมัครจากพรรคประชาชน และพรรคกล้าธรรม ซึ่งมีลุ้นไม่น้อยในศึกเลือกตั้งซ่อม ก็ไม่ได้ไปยื่นใบสมัครตั้งแต่วันแรก โดยเฉพาะพรรคกล้าธรรมที่ไปเกือบวันสุดท้าย

เทียบฟอร์ม โปรไฟล์ ประวัติปูมหลัง 6 ผู้สมัคร เลือกตั้งซ่อม สส.นครศรีธรรมราช เขต 8 จาก 6 พรรคการเมือง

 

 

หมายเลข 1 คุณไสว เลื่องสีนิล ฟังนามสกุลแล้วอาจจะคุ้นๆ เพราะผู้สมัครรายนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นสามี ของ คุณมุกดาวรรณ เลื่องสีนิล จากพรรคภูมิใจไทยที่โดนใบแดงไปนั่นเอง เมื่อภรรยาโดนใบแดง สามีก็เลยลงสมัครแทนเพื่อรักษาเก้าอี้ และขอสังกัดพรรคเดิม คือ ภูมิใจไทย งานนี้จึงมองข้ามไม่ได้ แถมได้เบอร์  1 จำง่ายอีกด้วย

 

ต้องไม่ลืมว่าในศึกเลือกตั้งใหญ่ การแข่งขันหนักกว่านี้ กระแสพรรคแรงกว่านี้ คุณมุกดาวรรณ ในสีเสื้อภูมิใจไทยยังเบียดแทรกเข้ามาได้ ฉะนั้นการเลือกตั้งซ่อมที่เน้น “กระสุน” หรือ ทรัพยากรต่างๆ มากกว่า “กระแส” พรรคภูมิใจไทยเจ้าของฉายา “ตอกเสาเข็ม” จึงน่ากลัวอย่างมาก

 

 

โดยเฉพาะแม่ทัพภาคใต้อย่าง คุณพิพัฒน์ รัชกิจประการ หรือ “โกเกี้ยะ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ซึ่งโชว์ผลงานพาผู้สมัครอย่าง “นายกน้ำ” วาริน ชิณวงศ์ ฝ่ากระแสบ้านใหญ่ ได้เป็นนายก อบจ.นครศรีธรรมราช อย่างพลิกความคาดหมายมาแล้ว

 

 

หมายเลข 2 คุณชินวรณ์ บุณยเกียรติ อดีต สส.นครศรีธรรมราช 9 สมัย และเคยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ถือเป็นขุนพล ปชป.ที่ไม่ทิ้งบ้าน ครั้งนี้ยังลงสมัครในนามพรรคประชาธิปัตย์

 

คุณชินวรณ์ มีฐานะเสียงแน่นในเขตนี้ โดยการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว เจ้าตัวไม่ได้ลงเอง แต่ส่งลูกสาว คือ “ปุณณ์สิริ บุณยเกียรติ” ลงสมัคร แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะกระแสพรรคขาลงด้วย แม้คะแนนจะถึงหลักหมื่น แต่ก็มาเป็นอันดับ 4

 

คราวนี้ คุณชินวรณ์ ขอแก้มือ และขอทวงคืนความยิ่งใหญ่ จึงตัดสินใจลงสมัครเอง และถือว่าเดิมพันสูงสุด เนื่องจากเคยเป็น สส.เก่าถึง 9 สมัย และยังเป็นอดีตรัฐมนตรีด้วย

 

 

หมายเลข 3 คุณณัฐกิตต์ อยู่ด้วง เป็นผู้สมัครหน้าใหม่จากพรรคประชาชน ค่ายสีส้ม โดยพรรคประชาชน มีนโยบายส่งผู้สมัครเพื่อทดสอบกระแสแทบทุกสนาม ทั้งท้องถิ่นและระดับชาติ และในพื้นที่ภาคใต้ก็มองข้ามไม่ได้ เนื่องจากในการเลือกตั้งใหญ่ ปี 2566 ก็ได้คะแนนดีหลายเขต และยังกวาด สส.ยกจังหวัดที่ภูเก็ตด้วย โดยได้มาถึง 3 เก้าอี้ เรียกว่าดีกว่าพรรคแกนนำรัฐบาลอย่างเพื่อไทย ที่ไม่มี สส.ภาคใต้เลยแม้แต่คนเดียว

 

ส่วนเขต 8 นครศรีธรรมราช ในการเลือกตั้งปี 2566 พรรคประชาชน ซึ่งขณะนั้นยังใช้ชื่อก้าวไกล ส่งผู้สมัครอีกคนลงแข่ง และได้อันดับ 3 คะแนนเกินหมื่น ถือว่าไม่ขี้เหร่ แถมรอบนี้พรรคที่ได้อันดับ 2 อย่างพลังประชารัฐ ไม่ส่งใครลงแข่งด้วย โอกาสจึงเปิดกว้างอยู่เหมือนกัน

 

 

หมายเลข 4 ว่าที่พันตรี กวี ไกรทอง ผู้สมัครหน้าใหม่ จากพรรคพร้อม พรรคเล็กนอกสภา ซึ่งมีกิจกรรมการเมืองต่อเนื่อง ภายใต้การนำของ “มาดามส้ม” พิมไหมทอง ศักดิพัตโภคิน

 

แม้จะเป็นพรรคเล็กนอกสภา ไม่มี สส.ในสภาเลยแม้แต่คนเดียว แต่ความคึกคักไม่เป็นสองรองใคร เพราะวันที่ไปยื่นใบสมัคร ไปพร้อมกับผู้สมัครของพรรคประชาชน แต่กองเชียร์ของพรรคพร้อม ก็ไปกันแน่น แห่กันไปมอบพวงมาลัยและดอกกุหลาบให้กำลังใจ แถมส่งเสียงเชียร์ดังลั่น

 

 

หมายเลข 5 คุณก้องเกียรติ เกตุสมบัติ จากพรรคกล้าธรรม ชื่อนี้ต้องบอกว่าไม่ธรรมดา เพราะเป็นลูกเขย คุณชินวรณ์ ผู้สมัครหมายเลข 2 นั่นเอง แถมยังลงสมัคร “พรรคผู้กอง” หรือ “พรรคกล้าธรรม-นัส” ซึ่งขึ้นชื่อเป็น “สิงห์สนามซ่อม” สมัยที่ “ผู้กองธรรมนัส” เป็นเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ในรัฐบาลชุดที่แล้ว เคยส่งผู้สมัครในศึกเลือกตั้งซ่อม 5 สนาม ชนะรวดทุกสนาม

 

สำหรับ คุณก้องเกียรติ ซึ่งเป็นลูกเขยของคุณชินวรณ์ เมื่อตัดสินใจลงสมัครสู้กับพ่อตา ทำให้เกิดคำถามว่า กลายเป็น “ศึกสายเลือด” หรือ “ศึกคนกันเอง” หรือไม่ หรือว่าพ่อตากับลูกเขยมีปัญหารอยร้าวกันภายในครอบครัว

 

แต่จากการตรวจสอบกับ “วงในตัวจริง” ได้รับคำยืนยันว่า ภายใน “บ้านบุณยเกียรติ” ไม่มีปัญหาใดๆ แต่สาเหตุที่คุณก้องเกียรติ ตัดสินใจลงสมัคร เพราะอยากทำงานการเมือง แต่ไม่สามารถลงในนามพรรคประชาธิปัตย์ได้ เนื่องจากพ่อตาเสนอตัวไปแล้ว แถมเป็นนักการเมืองรุ่นเก๋า ทำให้ทางพรรคเกรงใจ จึงเปิดตัวไปตามที่คุณชินวรณ์เสนอ ทำให้ลูกเขยเบนเป้าหมายไปที่พรรคกล้าธรรม

 

นี่คือคำชี้แจงจาก ”วงใน” แต่เมื่อไปถามใจชาวบ้านที่ “เมืองคอน” ไม่มีใครเชื่อข้อมูลนี้ มีแต่เสียงเปรยดังๆ ว่า “ตื้นลึกหนาบางอย่างไร ทุกคนเขาทราบกันดี” ซึ่งจะว่าไปข้อสังเกตของคนพื้นที่ก็มีน้ำหนัก เพราะมิฉะนั้นลูกเขยน่าจะต้องยอมหลีกทางให้พ่อตา ไม่ใช่ลงชนกันแบบนี้

 

 

หมายเลข 6 คุณพิษณุ รสมาลี ผู้สมัครคนสุดท้าย เบอร์สุดท้าย มาจากพรรคทางเลือกใหม่ พรรคเล็กนอกสภาอีกพรรคหนึ่ง ภายใต้การนำของ คุณราเชน ตระกูลเวียง หัวหน้่าพรรค พร้อมแคมเปญซึ่งเป็นจุดขายพรรค คือ “จิตอาสาการเมือง” และยังมีโครงการ “นิติจิตอาสาเพื่อประชาชน” ให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายกับพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ ไม่ต้องไปรอต่อคิวพึ่งทนายเซเลบ ที่อาจเจอเรียกผลประโยชน์ด้วย

 

สำหรับกลยุทธ์การหาเสียงของพรรคทางเลือกใหม่ นอกจากการลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชนแล้ว ยังมุ่งไปในทางสื่อสังคมออนไลน์ โดยออกแบนเนอร์พรรคใหม่ ใช้คำว่า NEWA หรือ “เนว่า” ย่อมาจาก New Alternative Party ซึ่งแปลว่า “ทางเลือกใหม่” ที่ไม่เหมือนใครนั่นเอง

 

การเลือกตั้งซ่อมซึ่งมีผู้สมัครมากมายถึง 6 คน บอกอะไรในทางการเมือง คุณราเชน ตระกูลเวียง หัวหน้าพรรคทางเลือกใหม่ กล่าวว่า ส่วนตัวเชื่อว่าเป็นการสะท้อนภาวะ “เบื่อการเมืองแบบเดิมๆ” ของประชาชนชาวนครศรีธรรมราช ทั้งเบื่อ สส. เบื่อสภา เบื่อรัฐบาล เหตุนี้เองพรรคทางเลือกใหม่จึงเสนอตัวส่งผู้สมัครหน้าใหม่ลงชิงเก้าอี้ พร้อมแคมเปญหาเสียง “1 ครอบครัว 1 เสียง 1 เสียงเจ้าบ้าน” เผื่อผลักดันโครงการ “เงินทุนเจ้าบ้าน” ซึ่งเป็นนโยบายหาเสียงของพรรค ตั้งแต่การเลือกตั้งปี 2566 และชูสโลแกน “คนไทยต้องมาก่อน” ซึ่งสวนทางกับท่าทีของรัฐบาลชุดนี้อย่างชัดเจน

 

จากการเช็คฐานเสียงทั้งเขตเมือง และรอบนอก หรือพื้นที่ของ “ทีมข่าวนครศรีธรรมราช เนชั่นทีวี” นาทีนี้ยังต้องรอลุ้น ในโค้งสุดท้ายก่อนหย่อนบัตรเลือกตั้ง ในวันที่ 27 เมษายน 2568

 

โดยเฉพาะ “อาวุธลับ” จากพรรคภูมิใจไทย ทั้งนโยบายและสไตล์การหาเสียงสร้างความหวัง ที่เคยครองใจคนนครฯ จากความสำเร็จของ “นายกน้ำ” วาริน ชิณวงศ์ นายก อบจ. ซึ่งรู้กันทั้งจังหวัดว่า สวมเสื้อสีน้ำเงิน

 

และสุดท้ายคือ จุดแข็งเรื่อง “ตอกเสาเข็ม” ที่ไม่เคยเป็นสองรองใคร