
4 เมษายน 2568 ดร.ณรงค์ชัย ใหญ่สว่าง ผู้ทรงคุณวุฒิ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ และมหาวิทยาลัยกรุงเทพ อินเตอร์ ให้ความเห็นผ่านเนชั่นทีวี ถึงกรณีเครือข่ายภาคประชาชน รวมถึงฝ่ายค้านในสภา เสนอว่า การเกิดขึ้นของเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ควรมีการออกใบอนุญาตให้สถานที่เดียว เพื่อเป็นการนำร่องและประเมินผลดีผลเสียก่อน ว่า
อันดับแรก ที่ได้ยินมาว่าเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ไม่ต้องเร่งดำเนินการไหม บอกเลยว่า ไม่ใช่ เพราะมาตรการภาษีสหรัฐมาแล้ว จะส่งผลการชะลอการลงทุน รวมถึงอาจย้ายฐานการผลิตก็ได้ ประเทศเราตอนนี้ติดหล่มอยู่แล้ว จะติดหล่มหนักกว่าเดิมก็ได้ พอเม็ดเงินไม่มาต้องมียุทธศาสตร์สักอย่าง นั่นคือ เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เป็นยุทธศาสตร์ที่ดี
อย่างเกาหลีใต้ ตอนที่เศรษฐกิจชะลอตัว ผลักดันเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ มาเปิด ดึงต่างชาตินักลงทุน เข้ามาในประเทศทำให้เม็ดเงินสะพัด และเรื่องนี้ ควรทำเป็นเรื่องเร่งด่วนด้วย
เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ทั่วโลกเปิดกันปกติ ตามสัดส่วน 107 ประเทศ จาก 197 ประเทศ หรือ 55 เปอร์เซนต์ โดยให้เปิดธุรกิจกาสิโนก็ได้ และถูกกฎหมายด้วย ขณะที่บางส่วน คือ 39 ประเทศ หรือคิดเป็น 20 เปอร์เซนต์ จำกัดเฉพาะบางพื่นที่
ฉะนั้นในภาพรวมของโลก คือ 140 กว่าประเทศ หรือ 75 เปอร์เซนต์ มีการเปิดเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ และเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไป มีบางส่วนเท่านั้น ราว 2 เปอร์เซนต์ ที่กฎหมายคลุมเคลือ หรือ 23 เปอร์เซนต์ ที่บอกว่าผิดกฎหมาย ขณะที่ไทยทุกวันนี้ อยู่ในกลุ่มประเทศที่กาสิโนผิดกฎหมาย ซึ่งมี 44 ประเทศในโลก
เมื่อถามว่า ทำไมต้องมีเอนเตอร์เทนเมนต์หลายจุด ดร.ณรงค์ชัย อธิบายถึงข้อดีและมุมมองในเชิงบวกว่า ถ้าเป็นจุดเดียวกลายเป็นลิมิตเงินไหลเข้าประเทศหลักหนึ่งล้านล้านขึ้นไปต่อหนึ่งแห่ง แต่ถ้ามีสักสองแห่ง มีรายได้สองถึงสี่ล้านล้าน ก็คูณเข้าไป ดังนั้นเงินที่ไหลเข้าประเทศ ถ้าคิดต่อจีดีพีเยอะมาก จีดีพีปีหนึ่งสิ้นปี อยู่ที่ 19 ล้านล้าน ถ้าหนึ่งแห่งเกือบห้าเปอร์เซนต์
ถ้าบอกว่า ขอหนึ่งแห่งเท่านั้นก่อนได้ไหม กว่าจะเดินไปแห่งที่สองที่สามอีกนาน ประชาชนรอไม่ไหว ฉะนั้นจึงต้องผลักดันในจำนวนที่เหมาะสม และต่อสภาพเศรษฐกิจเราด้วยว่าต้องการเติบโตเท่าไหร่และเป็นเรื่องเร่งด่วนด้วย
ดร.ณรงค์ชัย ยังเห็นว่า ควรจะเป็นหัวเมืองใหญ่ๆ อีกทั้งประเทศไทย มีอุณหภูมิเหมาะสมเที่ยวได้ตลอดทั้งปี เมื่อดูหัวเมืองใหญ่ๆ 5-10 จุด อีกอย่าง เราต้องมองว่า เป็นเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ไม่ใช่ว่าต้องมีกาสิโน
เมื่อถามว่า แล้วเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ จำเป็นต้องมีกาสิโนทุกแห่งหรือไม่ ดร.ณรงค์ชัย ย้ำว่า จริงๆ ต้องมี เพราะว่าถ้าบอกไม่มี จะกลายเป็นการเปลี่ยนจุดมุ่งหมายลูกค้ารายใหญ่เป็นลูกค้ารายเล็ก จึงต้องดึงลูกค้ากระเป๋าหนัก และคอนเสิร์ตต่างๆ ที่ตอนนี้ไปสิงคโปร์หมด จึงต้องดึงลูกค้า เหล่านี้มาให้ได้
เมื่อถามว่า โมเดลเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ควรยึดประเทศใดเป็นประเทศต้นแบบ ดร. ณรงค์ชัย ซึ่งติดตามทำงานวิจัยเรื่องเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ จากหลายประเทศทั่วโลก ให้ความเห็นว่า คงเป็นประเทศใกล้ๆ เพื่อนบ้านเรา มาเก๊า เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ ต้องบอกว่าเมื่อเปิดแล้วเห็นตัวเลขทางการเงินชัดเจน อย่างน้อยสามแสนล้านบาทเข้าแต่ละจุด แต่ประเทศเราดีกว่า ประเทศอื่น ตรงที่นักท่องเที่ยวเยอะมากเป็นหลายเท่ากว่าฟิลิปปินส์ เหนือกว่าญี่ปุ่น สี่แสนล้าน เฉพาะญี่ปุ่น มีวัฒนธรรมไม่เหมือนเรา อาจจะจำกัด ฉะนั้นเรามีแรงขับเคลื่อนที่พร้อมสรรพ
ต่อกรณีที่ร่างกฎหมายเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ กำหนดคนไทยเล่นกาสิโนได้ ต้องมีเงินฝากในธนาคาร 50 ล้านบาท ประเด็นนี้ ดร. ณรงค์ชัย กล่าวว่า ไม่มีประเทศไหนจำกัดขนาดนั้น จริงๆ ควรเข้าไปดูอินคัม หรือ การแสดงการจ่ายหนี้ต่อเดือน ทุกประเทศตั้งไว้ว่า ถ้าหากมีหนี้เยอะ เกิน 50 เปอร์เซนต์ของรายได้ ไม่ต้องมาเล่น เขาสามารถมีระบบตรวจสอบผ่านบัตรเครดิตได้ การมีหนี้สินล้นพ้นตัว รัฐต้องไปเยียวยาอีก ดังนั้นคนมีหนี้สินอาจต้องถูกชะลอ
อีกอย่างมีระบบตรวจสอบพฤติกรรมการเล่น บางคนติดพนัน ก็จะเล่นทุกวันทุกสัปดาห์ อย่างลาสเวกัส มีการจำกัด ตรวจดูพฤติกรรม ดังนั้นถ้าทำกับประเทศไทย ก็สามารถทำระบบนี้ได้ ยกตัวอย่าง บ่อนใต้ดิน มีการเล่นตลอด เราไม่สามารถติดตามตรวจสอบได้ บางทีใช้บัญชีครอบครัว ไปกู้ยืม แต่ถ้าเราทำเป็นกฎหมาย สามารถใช้ระบบตรวจสอบ บัญชีครอบครัว หากมีหนี้สินเกินตัว ก็สามารถนำมาใช้กับกรณีการเข้าเล่นกาสิโนได้
รวมถึง การจำกัดอายุเข้าเล่น จะกำหนด 20 หรือ 25 ปี ก็ได้ ต้องมีอะไรสักอย่างที่ทำให้ถูกกฎหมาย ห้ามคนอายุต่ำกว่านี้ไปเล่น ถ้าเข้าไปเล่น อายุต่ำกว่า 18 ต้องมีบทกฎหมายในการลงโทษ ถ้ากำกับดูแลที่ดี จะจำกัด บุคคลเหล่านี้เข้าถึงได้ยาก และสามารถปราบปรามบ่อนผิดกฎหมายให้หมดไปได้
“เรื่องวงเงิน ไม่มีประเทศไหนในโลก ที่กำหนด 50 ล้าน ห้ามเข้า วงเงินสูงเกินไป ไม่ต้องไปกำหนดเขาขนาดนั้น บางคนรายรับหลักสองล้านสามล้านเขาไม่มีหนี้สิน เขาต้องการเอนเตอร์เทนสักหน่อย ต้องการเข้าไป สักสองสามชั่วโมง ต่อปี ก็ปล่อยเขาไปสักหน่อย เป็นการลดปัญหาที่เขาไปแอบเล่น ฉะนั้นการที่กม.ไปกำหนด 50 ล้าน คนที่มีรายได้สูง ซึ่งตนมองว่า สองสามล้านก็รายได้สูงแล้วไม่มีหนี้ แต่เขาต้องไปแอบเล่นบ่อนผิดกฎหมาย การไปจำกัดเขา ทำให้บ่อนผิดกฎหมายคงอยู่ จะเป็นการเข้าแบบประเทศเพื่อนบ้าน ที่ไม่ประสบผลสำเร็จ เพราะเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ของเขา สู้กับบ่อนใต้ดินไม่ได้