svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

แจงปม "เงินหมื่นเฟส 3" เหตุ แจกวัยรุ่น เป็นกลุ่มตื่นรู้เทคโนโลยี

บอร์ดกระตุ้นศก. เคาะ "แจกเงินหมื่นเฟส 3" ได้แน่ปลาย มิ.ย.-ต้น ก.ค. ประเดิมใช้ระบบดิจิทัล "เผ่าภูมิ" ปัดแจกวัยรุ่น ไม่ใช่ข้อจำกัดงบ แต่ตื่นรู้ทางเทคโนโลยี -ใกล้เปิดเทอม

10 มีนาคม 2568 "นายพิชัย  ชุณหวชิร" รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง แถลงภายหลังประชุมคณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจ ว่า วันนี้การประชุมมีอยู่ 3 เรื่อง คือ 1.การขับเคลื่อน หรือการกระตุ้นเศรษฐกิจให้เกิดร้อยละ 3 ให้ได้ 2.เรื่องแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต เฟส 3​ และ​ 3.​การลงทะเบียนผู้ไม่มีสมาร์ทโฟน​ 

สำหรับดิจิทัลวอลเล็ต เฟส 3​ "นายพิชัย"​ กล่าวว่า​ อยากให้เรียกว่าเป็น​ เฟสแรก​ เพราะเราแจกเงินผ่านดิจิทัลวอลเล็ตครั้งแรก​ ซึ่งมีข้อดี​คือสามารถควบคุมการใช้เงินได้ กำหนดกรอบการใช้จ่ายได้ เป็นไปตามวัตถุประสงค์ทุกประการ ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการ​ได้เคาะแล้ว​ จะแจกให้สำหรับประชาชนที่มีอายุ 16 -​ 20 ปี โดยเป็นการเห็นชอบในหลักการ​ คาดว่า​ การแจกจะอยู่ในช่วงปลายไตมาส 2 ควบ​ ไตรมาส 3 (ปลาย มิ.ย.- ต้น ก.ค.) ซึ่งเราจะรอดูความเรียบร้อยและพิจารณาถึงความคุ้มค่าในอนาคตและปัจจุบันก่อน รวมถึงประโยชน์ที่ได้ในการวางพื้นฐาน ต้องดูให้ละเอียดถี่ถ้วน​ และยังไม่สามารถตอบได้ว่าจะเข้า​ ครม.​ เมื่อไหร่

ทั้งนี้ นายกฯ กังวลเรื่อง​ความผิดพลาดในระบบ จึงได้ตั้งอนุกรรมการเพื่อมาดูในเรื่องนี้โดยเฉพาะ​ เชื่อว่าความผิดพลาดในอดีตจากการจ่ายเงินหมื่น จะทำให้ลดลง เนื่องจากมีการจ่ายเงินผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งนายกฯ​ ก็กำชับว่าให้ดูเรื่องระบบดังกล่าวด้วย 

ขณะที่ "​นายจุลพันธ์​ อมรวิวัฒน์"​ รมช.คลัง กล่าวขยายความถึงการลงทะเบียนกลุ่มที่ไม่มีสมาร์ทโฟน​ ว่า​  สิ่งที่เราทำคือการลงทะเบียนประชาชน​ที่ไม่มีสมาร์ทโฟนทั้งหมด​ ไม่ใช่แค่เรื่องการเติมเงิน 10,000 บาท​ ซึ่งข้อมูลที่เราได้มาสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการช่วยเหลือประชาชนได้ต่อไปในอนาคต​ อย่างตรงจุดและตรงเป้า​ จึงอยากเชิญชวนให้ประชาชนมาลงทะเบียนกันมากๆ เพราะกลุ่มที่ไม่มีสมาร์ทโฟนจะเป็นฐานข้อมูลที่สำคัญสำหรับการเดินหน้าเศรษฐกิจดิจิทัล​ ที่นายกฯ ได้ตั้งเป้าหมายไว้ เพื่อก้าวเข้าสู่สังคมดิจิทัลอย่างเต็มตัว​ และดูแลกลุ่มประชาชนที่ยังเข้าไม่ถึง

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง แถลงภายหลังประชุมคณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจ

สำหรับการลงทะเบียน จะลงผ่านธนาคารของรัฐ​ 4 ธนาคาร​ ประกอบด้วย​ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส. / ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ( ธอส.) / ธนาคารออมสิน และ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ร่วมกับไปรษณีย์ไทยและอปท.  ส่วนกรอบเวลาให้ลงทะเบียนจะแจ้งอีกครั้ง​ ตอนนี้แอพพลิเคชัน​ในการลงทะเบียนมีความพร้อมหมดแล้ว

ด้าน​ "นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล" รมช.คลัง กล่าวเสริมเรื่องการลงทะเบียน​ของกลุ่มไม่มีสมาร์ท​โฟน​ ว่า​ ประชาชนสามารถวอล์คอิน ไปยังหน่วยงานต่างๆ เหล่านี้ และไม่สามารถแอบอ้างได้ เพราะข้อมูลทั้งหมดที่ลงทะเบียนจะถูกนำไปตรวจสอบ ซึ่งจะประสานงานผู้ให้บริการโทรศัพท์ ผ่าน​ กสทช. 

สำหรับ​จำนวนผู้ที่ได้รับเงินในเฟสนี้ อายุ 16 - 20 ปี มีจำนวน 2.7 ล้านคน และการที่เลือกแจกกลุ่มนี้​ ไม่ใช่ข้อจำกัดของงบประมาณ หรือรัฐบาลจะนำเงินลงไปในกลุ่มไหน แต่เลือกเพราะพิจารณาจากภาวะเศรษฐกิจที่เหมาะสม จำนวนเม็ดเงินที่ลงไปสอดคล้องกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ​ 

"รัฐบาลได้กันเงินในการกระตุ้นเศรษฐกิจไว้ 150,000 ล้านบาท เรามีกระสุนไว้เพียงพอ มีไว้เยอะ รัฐบาลใช้เงินทุกบาททุกสตางค์อย่างคุ้มค่า พร้อมยืนยันว่าการเลือกแจกกลุ่มนี้ เป็นกลุ่มที่ตื่นรู้ทางเทคโนโลยีสูง มีความสามารถในการใช้จ่ายรูปแบบนี้ ด้วยจำนวนเงินและช่วงเวลาที่เหมาะสม รัฐบาลจึงเลือกคนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มแรก​" นายเผ่าภูมิ​ กล่าว

แจงปม "เงินหมื่นเฟส 3" เหตุ แจกวัยรุ่น เป็นกลุ่มตื่นรู้เทคโนโลยี

เมื่อถามว่า​ 150,000 ล้านบาท หากใช้ไม่ทันปี 2568 สามารถที่จะใช้ในปีงบประมาณถัดไปได้หรือไม่​ "นายจุลพันธ์"​ กล่าวว่า​ โครงการต้องเดินหน้าก่อนถึงใช้งบผูกพันได้ ถ้าไม่ใช้ก็ต้องพับไป แต่ยืนยันว่าเป็นเม็ดเงินที่สำคัญ​ เราต้องใช้ให้คุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์ ​ขอให้มีความเชื่อมั่นว่าด้วยกลไกในการขับเคลื่อนการใช้จ่ายของภาครัฐ ก็เป็นสิ่งจำเป็น เพราะฉะนั้นเงิน 150,000 ล้านบาท รัฐบาลได้วางแผนไว้สำหรับการกระตุ้นเศรษฐกิจ​ 

เมื่อถามถึงเงื่อนไขการใช้เงินดิจิทัลวอลเล็ต มีการปรับเปลี่ยน​ไปจากเดิมหรือไม่​ "นายจุลพันธ์"​ กล่าวว่า โครงการดิจิทัลวอลเล็ตครั้งนี้​ ​เป็นการตั้งโครงการขึ้นมาใหม่ทั้งหมด​ โดยการดึงข้อมูลมาจากแอพพลิเคชัน​ทางรัฐ​ ส่วนรายละเอียดการใช้เงินค่อนข้างที่จะคล้ายเดิม​  แต่เรื่องของสินค้า​ เราไม่กำหนดห้าม​ ​เราไปกำกับดูแลการลงทะเบียนของร้านค้าแทน​ จะมีข้อห้ามว่าร้านค้าที่ไม่ให้เข้าร่วมจะเป็นลักษณะใด เช่น​ ร้านทอง​ ร้าน​ที่ขายเหล้าโดยเฉพาะ แต่ไม่ได้ห้ามกำหนดสินค้า​ เช่น​ หากนำไปใช้ในร้านโชห่วยที่มีสินค้าหลากหลาย​ ก็สามารถซื้อได้ทุกประเภท​ พร้อมกับมีการปรับเปลี่ยนให้ใช้ง่ายขึ้น​ คือ​ ถอดการขึ้นเงินสดของร้านค้า​ โดยให้ร้านค้าทุกประเภท​ สามารถขึ้นเงินได้​โดยไม่จำกัด​เฉพาะ​กลุ่มที่อยู่ในการเสียภาษี​ เพื่อให้เกิดการสะดวกแก่ร้านค้า และเป็นการเชิญชวนให้ร้านค้าเข้าร่วมโครงการมากขึ้น​ 

เมื่อ​ถามถึงพื้นที่ในการใช้เงินดิจิทัลวอลเล็ต "นายจุลพันธ์"​ กล่าวว่า​ ยังเป็นพื้นที่ภายในอำเภออยู่​ สามารถจ่ายค่าเทอมได้ จ่ายค่าน้ำค่าไฟได้ ซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าได้​ และเราหวังผลการกระตุ้นเศรษฐกิจมาก​ เพราะจากการกระตุ้นเศรษฐกิจไป 2 รอบ​ ผลสำรวจออกมา​จากสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง​ มีผลที่ดีทั้ง 2 รอบ​ มีการหมุนเวียนและกระจายตัวที่ดีมาก และรอบนี้เชื่อว่าจะมีประสิทธิภามากกว่าเดิม เพราะเราใช้กลไกของดิจิทัลวอลเล็ต​ จะสามารถจำกัดตัวเม็ดเงินไปในจุดที่เราต้องการได้มากขึ้น​ และเรื่องนี้ไม่ใช่แค่การกระตุ้นเศรษฐกิจ ครั้งนี้เรายังมีกลไกในการเติมเงินอายุ 16-20 ปี  เพื่อไปใช้เรื่องปัญหาค่าครองชีพของเขา​ และเป็นการวางรากฐานเศรษฐกิจดิจิทัลต่อไปในอนาคต​ 

เมื่อถามว่า​ คนวัยทำงานโวย​ว่า​ทำไมไม่แจกก่อน​ "นาย​จุลพันธ์"​ กล่าวว่า​ เป็นเรื่องของการบริหารจัดการเม็ดเงิน เพื่อลงไปสู่ระบบเศรษฐกิจให้เกิดประสิทธิภาพ และประสิทธิผลมากที่สุด

เมื่อถามว่า กลุ่มอายุ 16 -​ 20 ปี อาจจะมี ความต้องการใช้เงินไม่เท่ากับกลุ่มวัยทำงาน​ "นายจุลพันธ์​"กล่าวว่า​ ใกล้เปิดเทอมแล้ว​ เขาก็มีความจำเป็น​ 

เมื่อถามว่า​ การแจกเงินในรอบนี้จะเป็นพายุหมุนทางเศรษฐกิจเหมือน 2 รอบแรกหรือไม่​ "นายจุลพันธ์"​  กล่าวว่า​ จากการวิเคราะห์ภาวะการทางเศรษฐกิจ และโมเมนตัมทางเศรษฐกิจ จังหวะนี้เป็นจังหวะที่มีความเหมาะสม

เมื่อถามว่า​ กลุ่มที่มีอายุ 20 -​ 59 ปี ยังมีสิทธิรับเงิน 10,000 บาทใช่หรือไม่​ นายจุลพันธ์​ กล่าวว่า แน่นอน อย่างที่เรียนไปเรามีเม็ดเงินรอไว้อยู่ 150,000 ล้านบาท​ วันนี้เราทำครั้งนี้​ไป​ กรอบระยะเวลาในการใช้เงินก็เหลือไตรมาสเดียว​ ดังนั้น​ กลุ่มถัดไป​ ก็คาดว่าจะใช้เวลาไม่นานในการแจก ​ 

เมื่อถามว่า เฟสถัดไปอาจจะมีการแตกเป็นกลุ่มๆอีก ใช่หรือไม่ "นายจุลพันธ์"​ กล่าวว่า​  ต้องดูจังหวัดและความเหมาะสมอีกครั้ง​ ต้องมีการประชุมกันก่อน

แจงปม "เงินหมื่นเฟส 3" เหตุ แจกวัยรุ่น เป็นกลุ่มตื่นรู้เทคโนโลยี

เมื่อถามว่า เฟสถัดไป​อาจจะไม่ใช่การแจกเงินหมื่นใช่หรือไม่​ "นายจุลพันธ์" กล่าวว่า​ การกระตุ้นเศรษฐกิจ​ทำได้หลายอย่าง​ อย่างที่บอกว่าวาระแรกของการประชุมคือ 46 โครงการ​ ที่เราได้ทำมาแล้ วทำอยู่​ และกำลังจะทำต่อไป เป็นโครงการที่ใช้เม็ดเงินและนโยบายโครงการ​ กลไกของรัฐ​ทั้งหมดต้องประกอบเข้าด้วยกัน ในส่วนของเม็ดเงินที่เราเตรียมไว้ เราเตรียมไว้สำหรับทำโครงการเงินหมื่นในเฟสถัดไป​ และยืนยันว่า​รัฐบาลจะมีความเชื่อมั่นในการแจกเงินเฟสถัดไป เพราะเม็ดเงินในระบบอยู่อย่างเพียงพอ การเติมเงินในครั้งก่อนๆ ตัวเลขทางเศรษฐกิจได้ชี้แล้วว่า​ มันมีการกระตุ้นทางเศรษฐกิจ​ เพราะฉะนั้นการขับเคลื่อนนโยบายที่เราได้วางเอาไว้​ และคำแถลวต่อรัฐสภา เราต้องขับเคลื่อนอย่างเต็มที่ สุดท้ายเงินหมื่นต้องถึงมือประชาชนทุกคน​