svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

“กัณวีร์” จี้หยุดด้อยค่าจดหมายอุยกูร์เตรียมโชว์เอกสารจริง

“กัณวีร์” จี้ “รมว.ยธ.” หยุดด้อยค่าจดหมายอุยกูร์ ย้ำได้จากห้องกัก ตม.สวนพลู - เตรียมโชว์เอกสารเต็มพรุ่งนี้ (4 มี.ค.) - พร้อมแฉ! ข้อมูล กต.มีประเทศที่สามพร้อมรับ

นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม กล่าวถึงกรณีที่พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ยืนยันจดหมายของชาวอุยกูร์ ไม่เคยออกมาจากราชทัณฑ์ว่า เป็นความพยายามบิดเบือนประเด็นที่สำคัญที่สุดเกี่ยวกับการผลักดันชาวอุยกูร์กลับประเทศ เพราะตอนนี้ มีความพยายามชี้แจงของทางราชการ โดยระบุว่า ชาวอุยกูร์มีความสมัครใจกลับประเทศต้นทาง ซึ่งตามมาตรฐานสากล จะต้องมีหลักฐานว่า ชาวอุยกูร์สมัครใจเอง จึงต้องจำเป็นที่จะได้รับฟังจากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง เพราะตอนนี้ไม่รู้ว่า 40 คน อยู่ไหนแล้ว เป็นการพูดข้างเดียวของฝ่ายรัฐบาลไทย และจีน ซึ่งฝ่ายจีนก็ไม่ได้พูดด้วยว่า ชาวอุยกูร์สมัครใจ เพียงแต่บอกว่า ประเทศไทยส่งกลับ เพราะกลุ่มคนพวกนี้ ถูกอาชญากรรมข้ามชาติพาเข้ามาอย่างผิดกฎหมาย แต่ไทยบอกว่า เขาสมัครใจกลับเอง

นายกัณวีร์ ยังเห็นว่า พันตำรวจเอกทวี พยายามจะด้อยค่าหลักฐานที่มีจริง กระดาษที่มีลายน้ำของกรมราชทัณฑ์คลองเปรม มันไม่ได้ออกมาจากกรมราชทัณฑ์ และตนไม่เคยบอกว่า กรมราชทัณฑ์ออกหนังสือฉบับนี้ออกมา เป็นถึงรัฐมนตรีจะผิดประเด็นอย่างนี้ไม่ได้ เพราะเรื่องนี้ คือเรื่องใหญ่ที่เวทีระหว่างประเทศมองอยู่ พร้อมยืนยันว่า ในวันพรุ่งนี้ (4 มี.ค.) ตนเอง จะนำหลักฐานไปเสนอที่สภา ที่จะมีการจัดเสวนาขึ้น เพื่อยื่นให้กับทุกคนได้เห็น

นายกัณวีร์ ยังระบุว่า ในหลักความเป็นจริงกลุ่มคนทุกคน และอุยกูร์ทุกคน ถูกดำเนินการตาม พ.ร.บ.ตรวจคนเข้าเมือง ที่สำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ต้องส่งเรื่องฟ้องศาล โดยผู้เข้าเมืองผิดกฎหมาย จะมีโอกาสจ่ายค่าปรับแทนการจำคุก หรือจำคุก ฉะนั้น การที่ชาวอุยกูร์อยู่ในคุก สามารถเอาเอกสารต่าง ๆ แผ่นต่าง ๆ นี้ออกมาได้ ทุกคนทำเหมือนกันหมด ก่อนที่จะเข้าไปไม่มีอะไรติดตัว แต่เมื่อเข้าไปแล้ว ถึงสามารถขอแผ่นกระดาษต่าง ๆ เหล่านี้ออกมาได้

นายกัณวีร์ ยังเรียกร้องให้ พันตำรวจเอกทวี ในฐานะเจ้ากระทรวงยุติธรรม ต้องบอกความจริงว่า กระดาษแผ่นนั้น ผู้ต้องขังทุกคนสามารถขอได้หมด เข้าถึงกระดาษฉบับนี้ได้ และการเข้าถึง ก็ไม่ได้มีปัญหาใด ๆ ไม่ได้ผิดกฎหมาย และเมื่อออกมาจากห้องขังเรือนจำคลองเปรม ก็กลับมาสู่ห้องกักที่ ตม.และเขียนหนังสือออกมา เพราะฉะนั้น ตนยืนยันว่า จะนำเอกสารมาแสดงว่ามีจริง

ส่วนสาเหตุที่พวกตนไม่พูดมาตั้งแต่แรกนั้น นายกัณวีร์ ยอมรับว่า เพราะพวกตนกังวลถึงความสัมพันธ์ระหว่าง ตม. และภาคประชาสังคม ที่เข้าไปให้ความช่วยเหลือ เพราะกังวลว่า จะถูกปฏิเสธในการเข้าไปช่วยเหลือ ดังนั้น จึงต้องทำให้ไม่ระแคะระคาย แต่ตอนนี้ ที่พยายามออกมาพูด เพราะชาวอุยกูร์โดนผลักดันไปแล้ว แต่พวกเราต่อสู้ทุกวิถีทาง เพื่อไม่ให้ชาวอุยกูร์ ถูกผลักดันกลับ ซึ่งไทยกักชาวอุยกูร์ไว้ 11 ปี แต่สุดท้ายก็ผลักดันกลับโดยรัฐบาลชุดนี้ โดยนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จึงทำให้ภาคสังคมไม่ยอม เพราะไม่เหมือนกับที่ตกลงกันไว้ และสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช., สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ ตร.และ ตม.มายืนยันกับกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎรว่า จะไม่มีนโยบายในการผลักดันกลับ จึงเป็นคำยืนยันของราชการไทย ที่เคารพในสิทธิ และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ นอกจากนี้ยังมี พ.ร.บ. ป้องกันการอุ้มซ้อมทรมานรองรับ

นายกัณวีร์ ยังกล่าวอย่างมีอารมณ์ ถึงกรณีที่ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ ระบุไม่มีประเทศที่ 3 รองรับว่า โกหก พร้อมยืนยันว่า ในวันพุธนี้ ตนจะนำชวเลขมาแสดง และจะขอมติที่ประชุม ให้ขอเปิดเผยออกมา เพราะกระทรวงการต่างประเทศ เคยพูดเองว่า มีกี่ประเทศที่มาขอรับไป และจะได้รับทราบ ใครพูดถูก ใครพูดผิด 

นายกัณวีร์ ยังยืนยันว่า มีความพร้อมหากมีการถูกฟ้อง เพราะเรื่องเหล่านี้ เป็นชีวิตของคน ต้องพร้อมรับแรงกระแทก และตนจะฟ้องกลับเหมือนกัน เพราะตนก็ไม่ยอมเหมือนกัน เพราะเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และประเทศชาติในเวทีระหว่างประเทศ ถ้ามุบมิบแบบนี้ พยายามปิดปากคนที่เสนอความจริง ตนก็จะทำให้เห็นว่า เป็นอย่างไรบ้าง เพราะขนาดตอนที่ตน บอกว่า จะมีการผลักดันกลับจริงตนก็ถูกด่าว่า เฟคนิวส์ และพยายามจะด้อยค่า สุดท้ายความจริงก็เปิดเผยต่อสาธารณะว่ามีการผลักดันจริง และยังไม่รวมเรื่องระหว่างการควบคุมตัวจาก ตม.สวนพลู ซึ่งตนจะไปขอข้อมูลมาด้วยว่า ช่วงนั้นเป็นใครเข้าไปหาชาวอุยกูร์ทั้ง 40 ชีวิต รวมถึง CCTV ในห้องกักด้วยว่าดำเนินการขนย้ายอย่างไร

นายกัณวีร์ ยังชี้แจงเพิ่มเติมต่อ ผ่านทางเฟสบุ๊กของตนเองว่า “ผมทราบว่าหลายท่านยังคงมีข้อสงสัยในจดหมายที่ผมนำมาเปิดเผย จนเป็นประเด็นใหญ่โตเพราะกังวลว่าจะไม่ใช่จดหมายจริง ในเมื่อผมเป็นคนแชร์จดหมาย ผมก็เป็นคนที่รับผิดชอบต่อข้อมูลในส่วนนี้ ดังนี้ครับ


1. จดหมายไม่ได้มาจากคนที่ถูกคุมขังอยู่ระหว่างการพิจารณาคดีศาลพระพรหมฯ ทั้งสองคนไม่ได้อยู่เรือนจำคลองเปรมครับ และเขาเป็นคนละกลุ่มกับผู้ลี้ภัยกลุ่มนี้


2. จดหมายมาจากในห้องกักสวนพลู ผมไม่เคยบอกว่าจดหมายมาจากเรือนจำคลองเปรม ถ้าผมจะปลอมผมจะเอากระดาษลายนี้ทำไมให้เรื่องมันยืดยาวขนาดนี้
ตัวจดหมายใช้กระดาษจดหมายที่มีลายพิมพ์เรือนจำ ไม่ใช่การประทับตราในภายหลัง จึงไม่ต้องไปเสียเวลาไปหาว่ามาจากผู้ต้องขังคนไหนในเรือนจำครับ
จดหมายเขียนเป็นภาษาอังกฤษ เพราะในจำนวนชาวอุยกูร์ในห้องกัก ตม.มีคนที่รู้ภาษาอังกฤษ สื่อสารแทนเพื่อนได้ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร และไม่ควรจะเอามาจับผิดกัน


3. ไม่มีใครปลอมจดหมายขึ้นมาหรอกครับ เพราะมันไม่ได้อะไรขึ้นมา เขาถูกส่งกลับไปแล้วครับ แต่ในฐานะที่ต่อสู้เรื่องการส่งกลับ ผมก็ต้องยันหลักฐานที่ผมมีว่าเขามิได้สมัครใจกลับ ถ้าอยากจะตรวจสอบว่าจริงหรือไม่จริง ยืนดีเข้าสู่กระบวนการพิสูจน์ความจริงครับ ฟ้องได้เลยครับ ประชาชน หรือทางรัฐบาลเอง เพราะผมคิดว่าประเด็นนี้ถูกยืดเยื้อเกินกว่าเหตุไปแล้ว


4. หากทางรัฐไม่สามารถแสดงหลักฐานยืนยันว่าเขาสมัครใจกลับไป ที่ท่านมีหน้าที่ตามกฎหมายให้เปิดเผยออกมาครับ


5. จดหมายจากประเทศจีนที่ส่งมาขอตัวกลุ่มนี้ ท่านจะเห็นว่าเค้าเขียนมาว่า ถ้าจีนเชิญ เราถึงจะส่งเจ้าหน้าที่ไปเยี่ยมได้ (as invited by Chinese side) 


6. ผมเข้าใจว่าต่อจากนี้จะมีประเด็นใหม่ๆ มาอีก แต่ผมขออนุญาตไม่ตอบที่มันซ้ำแล้วนะครับ จะพยายามลดข้อกังขาให้มากที่สุด แต่อย่าลืมไปตรวจสอบรัฐบาลด้วยนะครับ เพราะผมไม่มีอำนาจบริหาร ไม่ได้เป็น 1 ในคนที่ตัดสินใจทำกระบวนการนี้
หรือที่มารุมกันเรื่องนี้ เพราะแค่อยากบิดเบือนปกปิดไม่ให้รู้ว่า จดหมายของพวกเค้าถูกปิดกั้น และไปไม่เคยถึงปลายทาง !!
สำหรับผมเปิดเผยอะไรออกไป

ผมรับผิดชอบในข้อมูลของผม พร้อมให้ตรวจสอบ และมีหลักฐานยืนยัน สุดท้ายแทนที่เรามาช่วยกันสร้างความโปร่งใส เอามาสิครับ !! หลักฐานที่ยืนยันว่า พวกเค้าสมัครใจกลับจีน อย่าช้าครับ ทุกคนรอยู่!!!”