svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

เบื้องหลัง"กคพ."ถกคดี"ฮั้วเลือกสว."จับตา"ดีเอสไอ"ผุด"แผนสอง"

เปิดเบื้องหลัง บอร์ดดีเอสไอ "กพค." ถกปม "ฮั้วเลือกสว." เป็น"คดีพิเศษ"ได้หรือไม่ กับ แผนสอง เตรียมฟันคดีอย่างไร ในวันที่ 6 มี.ค.นี้

การประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ หรือ "บอร์ดดีเอสไอ"( กคพ. ) ที่มี "นายภูมิธรรม เวชยชัย" รองนายกและรมว.กลาโหม เป็นประธาน เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ถูกจับตาจากสังคม เกี่ยวกับกรณีคำร้อง "การฮั้วเลือกสว." ว่าที่ประชุมจะรับไว้เป็นคดีพิเศษหรือไม่  ซึ่งผลการประชุมปรากฎว่า ให้มีการเลื่อนวาระดังกล่าวออกไปนำมาหารือกันอีกครั้งในวันที่  6 มีนาคมนี้  

ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่างต่างนานา เป็นการยื้อเวลา หรือ รอต่อรองอะไรทางการเมืองหรือไม่ เพราะเรื่องดังกล่าว ถูกมองว่า กลุ่มสว. ที่ตกเป็นข่าว เข้าข่าย"การฮั้วเลือกสว."นั้น เป็นกลุ่มสว.ที่อยู่ใต้อาณัติ ของ นักการเมืองใหญ่ และพรรคการเมืองดัง 

แฟ้มภาพ  การประชุมบอร์ดคดีพิเศษ หรือ กคพ. เมื่อวันที่ 25 ก.พ. 68

หลังการประชุม "กคพ."ที่ผ่านมา  รายการ "มอร์นิ่งเนชั่น"ได้มีโอกาสสัมภาษณ์พิเศษ "ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์" รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งอยู่ในที่ประชุม กคพ.ด้วย ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร โดยเฉพาะประเด็นข้อกังวลใจที่ถกเถียงกันยาวนานตลอดสามชั่วโมงคืออะไรกันแน่   

ต่อไปนี้ คือ "เบื้องหลังการประชุม กคพ." ที่จะทำให้เราเห็นภาพการประชุมแบบนาทีต่อนาที คำต่อคำ  และจะเป็นการต่อจิ๊กซอว์เรื่องราวทั้งหมดที่จะเกิดอะไรขึ้นในวันที่ 6 มีนาคมนี้     

"รองอธิบดีดีเอสไอ" เริ่มต้นเล่าบรรยากาศการประชุมกพค. ว่า คณะอนุฯ ชี้แจงคำร้องทั้งหมดให้บอร์ดได้รับฟัง  ซึ่งพบว่า เรื่องดังกล่าวมีข้อเท็จจริง และข้อกฎหมาย  โดยคณะเปิดคลิป "อาจารย์ลอย ชุนพงษ์ทอง" ผู้เชี่ยวชาญทางคณิตศาสตร์ เพื่อให้เห็นแนวทางการได้มาซึ่งคะแนนผู้ได้รับเลือกสว.มีความเป็นไปได้แทบจะเป็นศูนย์ก็คือต่ำมาก แทบไม่มีเลย 

แฟ้มภาพ  "ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์" รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ

เผย 3 ประเด็นร้อน

พบข้อเท็จจริงในพฤติการณ์ /แต่หน่วยงานไหนทำคดี

1. “จากนั้นคณะอนุฯ ได้ชี้แจงข้อเท็จจริง การกระทำดังกล่าว  ทุกคนเห็นตรงกันในข้อเท็จจริง เพียงแต่ว่ามีประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้น ทางคณะพิจารณาแล้วว่า อาจเข้าข่ายความผิดอยู่ ตามมาตรา ป.อาญา  มาตรา 209 คือเรื่อง อั้งยี่ ซ่องโจร และเรื่องความมั่นคงในราชอาณาจักร มาตรา 116  และความผิดตาม "พรป.การได้มาซึ่งสว.  มาตรา 71  ( 1 )"  ซึ่งมาตรานี้ เป็นกรณีความผิดตามมูลฐานการฟอกเงินอยู่ด้วย เป็นประเด็นที่นำเสนอคณะกรรมการ รับทราบข้อเท็จจริงปรากฎขึ้น ซึ่งระบุเนื้อหา "ขบวนการ ตั้งแต่ต้นจนจบ แบ่งเป็นห้ากลุ่ม อันนี้ไม่ลงรายละเอียดนะ ขอเป็นความลับ"  

คราวนี้  คณะกรรมการถกแถลงกัน ซึ่งมีคณะกรรมการท่านหนึ่ง  ผู้ทรงคุณวุฒิทางด้านกฎหมายขออนุญาตไม่เอ่ยนาม ได้นำเสนอว่า “การดำเนินคดีในรูปแบบปัจจุบัน และกำหนดให้มี"องค์กรอิสระ"ถูกดีไซน์มาตั้งแต่ปี 2540 ซึ่งมีความประสงค์ให้ คณะกรรมการองค์กรอิสระ หรือ กกต. เป็นหน่วยงานหลักในเรื่องของไต่สวน  เมื่อพบความผิดเกี่ยวกับการเลือกตั้ง  

ส่วนเรื่องการสอบสวนเป็นเรื่องทางอาญาของพนักงานสอบสวนทั่วไป ซึ่งเรื่องนี้ ปรากฎว่ามีความผิด ตามความผิดการได้มาซึ่งสว.รวมอยู่ด้วย ซึ่งท่านเห็นว่า น่าเป็นอำนาจของกกต.เป็นหลัก"

แฟ้มภาพ "ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์" รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ
 
บอร์ดเห็นต่าง แยกคดีความผิด ให้หน่วยงานรับผิดชอบ

ประเด็นนี้มีการถกเถียง จากกรรมการหลายฝ่าย  ฝ่ายผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมายให้ความเห็นว่า ความผิดการเลือกตั้งเป็นส่วนหนึ่ง ความผิดเรื่องทางอาญาเป็นส่วนหนึ่ง น่าจะแยกออกจากกันได้

"กล่าวคือ อยากให้กรณีนี้สรุปไปเลย ให้กกต.ดำเนินการเฉพาะในส่วนเลือกตั้งสุจริตเที่ยงธรรม ส่วนดำเนินคดีอาญา ดีเอสไอมีหน้าที่รับเรื่องราวร้องทุกข์ก็ดำเนินการได้ เรื่องนี้ถกกันนานเลยว่า แยกได้ไหม อำนาจเป็นของใคร" 


บอร์ด กคพ.ไม่สบายใจเหตุ เป็น ประเด็นการเมือง

“เรื่องนี้ ในคณะกรรมการ  มีฝ่ายการเมืองส่วนหนึ่ง มีขรก.ประจำส่วนหนึ่ง ผู้ทรงคุณวุฒิส่วนหนึ่ง ทุกคนเห็นตรงกันว่า อาจมีความไม่สบายใจว่า เกี่ยวข้องทางการเมือง ซึ่งจริงๆแล้ว บอร์ดนี้ เป็นบอร์ด รับพิจารณาคดีพิเศษ ซึ่งมีลักษณะความเสียหายวงกว้าง กระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม กระทบความสงบสุขเรียบร้อยของประชาชนโดยภาพรวมทั้งหมด  เพราะฉะนั้น การดำเนินคดีอาญา ซึ่งอาจเป็นคดีพิเศษ ก็น่าจะพิจารณาได้ไม่ได้ติดขัด เพียงแต่ว่า มีปัญหาเรื่องการเมือง ทำให้ทุกคนมีความไม่สบายใจ"
 

“ฮั้วเลือกสว.” เป็นเรื่องเร่งด่วนเพราะอะไร 

2. ประเด็นที่สองที่มีการถกเถียงกันอีก ว่า เรื่องดังกล่าว เข้ากรณีเร่งด่วนเพราะอะไร เพราะโดยปกติ แล้วก่อนจะเข้าบอร์ดกคพ. ต้องผ่านอนุกรรมการก่อน มีการสอบถาม ท่านอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษว่าทำไม ถึงนำเรื่องเข้าเร่งด่วนวันนี้ ( 25 ก.พ.68 )  

แฟ้มภาพ การประชุม บอร์ดคดีพิเศษ หรือ กคพ. เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568

“เรื่องนี้ ผมเป็นคนตอบ  โดยผมตอบต่อที่ประชุมว่า  

2.1 มีเหตุผลจำเป็นและเร่งด่วน เนื่องจาก เรามีการกำหนดไทม์ไลน์ไว้แล้วว่า จะมีการประชุมอนุกรรมการ เรามีหนังสือสอบถามผลความคืบหน้าไปที่กกต.เพื่อให้กกต.ตอบวันที่ 10 ก.พ. ปรากฎว่า กกต.ตอบมาวันที่ 18 ก.พ. ทำให้เราไม่สามารถประชุมอนุฯ ทันก่อนที่ประชุมคณะใหญ่ เราก็เลยบอกว่ามีความจำเป็นต้องนำเข้า "กคพ." วันที่ 25 ก.พ. 

2.2 ความเร่งด่วนเรื่องนี้ เนื่องจากเป็นเรื่องสำคัญของประเทศ การได้มาของสว. ซึ่งประเทศเราใช้ระบบสภาคู่ สว.มีอำนาจอย่างกว้างขวาง หน้าที่ในการตรวจสอบฝ่ายบริหาร ถ่วงดุลระบบสภา และวุฒิสภา เพราะฉะนั้นบุคคลเป็นสว. มีอำนาจกว้างขวางมาก ไม่ว่าแต่งตั้งบุคคลสำคัญ ในองค์กรอิสระ รวมทั้งแต่งตั้ง อัยการสูงสุด เลขาธิการ ปปง.  หลายอย่าง และมีอำนาจหน้าที่เห็นชอบกฎหมายหลายฉบับ เราเห็นว่า เป็นเรื่องเร่งด่วนมาก เพราะว่าถ้าเราไม่ดำเนินการจะเสียหายต่อการดำเนินการ 
 

หากดีเอสไอรับดำเนินการ จะเป็นอย่างไรต่อไป 

ประเด็นที่ 3.  รองอธิบดีดีเอสไอ เปิดเผยว่า ถ้าสมมติดีเอสไอมีมติ 2 ใน 3 รับเป็นคดีพิเศษ วิธีการปฏิบติจะทำอย่างไรจะต้องส่งไปที่ กกต. ตามมาตรา 49 เหมือนเดิมหรือไม่ ซึ่งที่ประชุมอภิปรายว่า ต้องส่งให้กกต.อยู่ดี เนื่องจากมาตรา 49 ตามพรป.คณะกรรมการการเลือกตั้ง พบว่า กกต.มีอำนาจ ถ้าพบว่ามีการกระทำผิดตามกฎหมายเลือกตั้ง กกต.ให้หน่วยงานที่รับเรื่องส่งมากกต.ภายใน 7  วันได้  

เผยที่มา เชิญ"กกต."มาให้ข้อมูล

"คราวนี้มีประเด็นปัญหาว่า "กกต." มีอำนาจ หน้าที่ สอบสวนคดีอื่นหรือไม่ เพราะว่าตามกฎหมายเลือกตั้ง ตามมาตรา 49 พันกับนิยาม ตัวนิยาม กฎหมายเลือกตั้ง มี 6 ฉบับ ซึ่งไม่มีคดีอาญาอื่นๆ แล้วใครทำ คดีอั้งยี่ คดีฟอกเงิน คดีความมั่นคงในราชอาณาจักร มีการถกเถียงกันนานมาก เป็นประเด็นต้องตัดสินว่าเรื่องเหล่านี้ใครเป็นคนทำ 

ปรากฎว่า ทุกคนนำหนังสือที่ "เลขาธิการกกต." ส่งมาถึงกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในที่ประชุมเห็นว่า เรื่องนี้ น่าจะเป็นอำนาจของ "กกต."มากกว่า การที่"เลขาธิการกกต."วินิจฉัยโดยตนเอง ไม่น่าจะใช่อำนาจของเลขาธิการ  จึงเป็นประเด็นปัญหา ที่ทุกคนเห็นตรงกันว่า ฉะนั้นจะขอข้อมูลจาก"กกต." โดยจะทำหนังสือหรืออาจเชิญ แต่ไม่ได้เชิญ "กกต." โดยตรงให้ท่านได้มอบหมายบุคคล ที่สามารถตอบข้อปัญหาทางกฎหมายได้ใน 2 ข้อได้ 

1. ความปรากฎต่อ"กกต."ตามมาตรา 49 จำเป็นหรือไม่ จะต้องเป็นเรื่องแค่เรื่องสืบสวน หรือ "กกต."ต้องรับคดีก่อน ถึงจะนำเข้า"กกต."ได้ 

2. "กกต."เคยทำคดีอาญาอื่นๆ หรือไม่ หรือคดีอาญาอื่น "กกต."ได้มีการมอบหมายหรือไม่ เพราะในทางปฏิบัติ ไม่เคยปรากฎว่า กกต. มีการทำคดีความผิดทางอาญาอื่นเลย ส่วนใหญ่จะทำเรื่องความสุจริตเที่ยงธรรม เพิกถอนสิทธิ หรือละเมิดสิทธิเลือกตั้ง   

ประเด็นที่สามนี้  เป็นประเด็นที่  กคพ.อภิปรายกันค่อนข้างมาก 

"ทั้งนี้ "ดีเอสไอ" ไม่มีอำนาจหน้าที่เชิญ "กกต."มาชี้แจง แต่เป็นลักษณะขอความอนุเคราะห์ ซึ่งทาง"กกต."อาจมอบหมาย"ผู้แทน กกต."เราไม่ทราบว่าท่านจะให้ใครมา แล้วแต่ท่านกรรมการ อาจมอบหมาย ให้"ผอ.กองกฎหมาย" หรือผู้ทรงคุณวุฒิ -ที่ปรึกษา ท่านคงไม่มาเอง อาจมอบหมายมากกว่า  “

สรุปว่า เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงเพิ่มเติม ก็ขออนุญาตให้เลื่อนประชุมเป็นวันที่ 6 มี.ค. เดิมตกลงกันว่าจะประชุมวันที่ 11 มี.ค. แต่ ประธาน (ภูมิธรรม เวชยชัย  )บอกว่า ประชาชนรอฟังคำตอบมาก ถ้าเรารอต่อกันไปอีก ก็จะเกิดปัญหาที่เป็นข่าวซื้อเวลาได้  

 

ปัญหาข้อกม. เป็นประเด็นที่"กคพ." ไม่สบายใจ 

"รองอธิบดีดีเอสไอ" ยอมรับว่า ตอนนี้เป็นปัญหาทางข้อกฎหมาย ทำให้หลายคนไม่สบายใจก็มี "ท่านนายกสภาทนายความ" เป็น กลางมาก บอกว่า เสนอว่า เอาอย่างนี้ดีไหม เราก็รับคดีอั้งยี่ ความมั่นคง ฟอกเงิน เป็นคดีพิเศษไปเลย ส่วนเรื่องการได้มาซึ่งสว. ตามมาตรา 71 ส่งให้ กกต. ไปดีหรือไม่  อันนี้ดีเฟน (ถกเถียง) พอสมควรว่า เป็นคำร้องเป็นกลุ่มเดียวกันไหม เรื่องก็กลับมาที่เดิมจำเป็นต้องหาข้อมูลก่อน 

ไม่มีใครติดใจ พยานหลักฐาน ติดใจแต่ข้อกม.

"รองอธิบดีดีเอสไอ" ย้ำอีกว่า ในประเด็นเรื่องข้อเท็จจริง ที่มีการนำมาแสดงในที่ประชุม ไม่มีท่านใดท้วงติงประเด็นข้อเท็จจริงเลย  มีแต่ประเด็นข้อกฎหมาย เป็นอำนาจของใคร ซึ่งผู้ทรงคุณวุฒิพูดถึงการดีไซน์กม. มีประเด็นมาในห้าปีที่ผ่านมา

ยกตัวอย่างคดีดังคดีหนึ่ง เกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ตร.การพนันออนไลน์ตกลงเป็นอำนาจป.ป.ช. หรือ สตช. และผู้ทรงคุณวุฒิหารือนักกฎหมายของประเทศแล้วว่า ระบบเรามีปัญหาจริง ฉะนั้น ประเทศเราไม่มีคนชี้ขาด คดีระหว่างสอบสวนเป็นอำนาจของใครกันแน่ ก็เลยติดอยู่ตรงนี้พอสมควร    


เตรียมแผน ฟันคดีฟอกเงิน เหตุฮั้วเกิน 300 ล้าน!

อย่างไรก็ดี มีคำถามว่า ในส่วนที่จะให้ดีเอสไอเดินหน้าต่อในคดีทางอาญาไว้ด้วยเลยหรือไม่ ก่อนที่จะเชิญ ผู้แทนกกต. มาให้ข้อมูลในวันที่ 6 มีนาคมนี้ "รองอธิบดีดีเอสไอ" กล่าวไว้อย่างน่าสนใจว่า เรื่องนี้   ประธาน มอบให้ "อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ" นำเรื่องเข้า "อนุกรรมการ"ในวันจันทร์นี้ ( 3 มีนาคม 2568  )ก่อนนำเสนอ"กคพ." ในวันที่ 6 มีนาคม 2568 

ข้อน่าสนใจอีกประเด็น เมื่อ "รองอธิบดีดีเอสไอ" บอกกับ"เนชั่นทีวี" ว่า ในที่ประชุม"กคพ." มีบางท่านนำเสนอว่าใน พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษมีการกำหนดเรื่องตามพ.ร.บ.การฟอกเงิน ซึ่งในท้ายบัญชีด้วยถ้ามีความผิดคดีอาญาอื่นซึ่งมีทรัพย์สินกระทำผิดตั้งแต่ สามร้อยล้านบาทขึ้นไปเป็นอำนาจของอธิบดีอยู่แล้วจึงขอให้"อธิบดี" พิจารณาประเด็นนี้ด้วยว่า รับเรื่องในส่วนความผิดฟอกเงินไปดำเนินการ ซึ่ง ก็จะเรื่องเข้าอนุฯ ในวันจันทร์ที่ 3 มีนาคม รับไปพิจารณาให้ 

ชมคลิป >>> เปิดเบื้องหลัง กคพ. เลื่อนคดีฮั้วเลือกสว.