
23 กุมภาพันธ์ 2568 ที่บ้านศรียะลา จ.ยะลา นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวในการพบปะประชาชนว่า เรามาช่วยกันทำให้สังคมเข้มแข็งอย่างเดิม นอกจากจนเป็นอดีตนายกฯ ที่ห่วงใยบ้านเมืองแล้ว วันนี้เป็นพ่อนายกฯ ก็ห่วงลูกสาว ห่วงการทำงาน ที่อยากให้สำเร็จทุกอย่าง
“สำคัญที่สุดเมื่อผมได้รับพระบรมราชโองการลดโทษ ก็ทรงระบุชัดในพระบรมราชโองการว่า ผมต้องใช้ความรู้ความสามารถมาช่วยบ้านเมือง ถ้าผมอยู่เฉยๆ ดูดาย แสดงว่าผมไม่จงรักภักดี เมื่อผมเป็นคนจงรักภักดี ผมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ผมก็ต้องทำหน้าที่ เอาความรู้ความสามารถช่วยบ้านเมืองอย่างเต็มที่ บางคนบอก 76 ปี แล้วยังทำอะไรอยู่ ผมต้องทำจนกว่าจะทำไม่ไหว แต่ผมดูแล้วน่าจะแข็งแรงได้อีกซัก 10 ปี อยากทำงานให้บ้านเมืองโดยที่ไม่ต้องมีหน้าที่อะไร เพราะความสำนึกมันมีอยู่แล้ว ความสำนึกเป็นคนไทย สำนึกเป็นอดีตนายกฯ ที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณ ก็ต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด”
นายทักษิณ กล่าวต่อว่า วันนี้มาเห็นอะไรที่มันดีที่เราทำไว้ เราก็ดีใจ ไปเจอคนทั่วประเทศ รู้สึกว่าความรู้โดยเฉลี่ยลดลงไปเยอะ เราเติบโตโดยระบบการศึกษาที่ไม่แข็งแรง ไม่มีการส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต เราอยู่กับความอิจฉาริษยา ความมโน มากกว่าสาระของชีวิต ถึงเวลาที่เราต้องช่วยกันให้สังคมเราเป็นมนุษย์ที่ต้องเรียนรู้ตลอดชีวิต
โดยเฉพาะ AI ที่เข้ามา วันหนึ่งจะมาแทนที่การทำงาน ถ้าเราตื่นตัวมันจะมาเป็นผู้ช่วยเรา สร้างประสิทธิภาพการทำงานของเรา หน้าที่ของตนคือส่งเสริมเทคโนโลยี สร้าง AI ให้เกิดขึ้น
“มาเยี่ยมบ้านท่านก็ดีใจ ขอบคุณ ท่านทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ที่บอกว่าอยากให้มาเยี่ยมพี่น้อง ผมบอกกับคนนราธิวาส คนปัตตานี ก็อยากบอกชาวมุสลิมยะลา ว่า ตอนที่ผมเป็นนายกฯ ก็มีความตั้งใจอยากแก้ปัญหา แน่นอนคนทำงานมีผิดพลาดบ้าง หากมีสิ่งใดที่พี่น้องชาวมุสลิมซึ่งเป็นคนรักสันติสุข และรู้จักให้อภัยกัน ผมก็ขออภัยด้วย ที่อาจจะทำอะไรผิดพลาดไปในอดีต แต่ผมไม่มีความคิดเลวร้าย มีแต่ตั้งใจ แต่อาจไม่ถูกใจหรือมีปัญหาบ้าง ก็ขออภัยด้วย และขออวยพรให้ชาวมุสลิมที่กำลังเข้าสู่เดือนรอมฎอน มีแต่ความสุข และพบรรลุในสิ่งที่ท่านอยากทำตามพระเจ้า ขอแสดงความยินดีล่วงหน้า”