18 ก.พ. 2568 ที่อาคารอนาคตใหม่ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน ให้สััมภาษณ์ ต่อกรณีที่มีปรากฎคลิป นายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข ประธาน ป.ป.ช. กับนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร จะมีการตรวจสอบหรือไม่นั้นว่า เรื่องนี้เป็นประเด็นที่ค่อนข้างใหญ่ ในฐานะสส.ฝ่ายค้านเราไม่สามารถนิ่งเฉยต่อกรณีนี้ได้ ซึ่งก็จะมีการ หารือในที่ประชุมของ สส.พรรควันนี้ ตนเชื่อมั่นว่าสมาชิกของพรรคทุกคน จะเห็นด้วยอยู่แล้วในหลักการเดียวกัน ว่าเราไม่สามารถนิ่งเฉยได้ ส่วนจะดำเนินการอย่างไรตามข้อกฎหมายที่มีอยู่นั้น ต้องรอหารือในที่ประชุม สส.ก่อน
เมื่อถามว่า จากการตรวจสอบมีมูลหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ตามคลิปที่ออกมาแน่นอนที่สุด ตนเชื่อว่าสิ่งที่เห็นชัดอยู่ คือตัว ประธาน ป.ป.ช.เอง ที่รู้ว่ามีการเข้าชื่อยื่นเรื่องต่อตัวเขา การไปพบประธานสภา ที่อยู่ในกระบวนการนั้น เป็นผลประโยชน์ทับซ้อน อาจเป็นการเข้าไปวิ่ง ไปขอความเห็นเพื่อต่อคดีหรือไม่ ลักษณะเช่นนี้ไม่ควรเกิดขึ้น
"เท้ง" แถลงจุดยืนคดี 44 สส. ยืนยันใช้อำนาจนิติบัญญัติเสนอแก้ไขกฎหมาย
วันเดียวกัน นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.แบบบัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน พร้อมตัวแทน 44 สส. ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ออกหนังสือเชิญเข้ารับทราบข้อกล่าวหาฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง สืบเนื่องจากกรณีร่วมกันลงชื่อเสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ร่วมกันแถลงข่าวแสดงจุดยืนต่อกรณีดังกล่าว
นายณัฐพงษ์ ยืนยันว่า การทำหน้าที่ของพวกเราทุกคนในการแก้ไขกฎหมาย เป็นหน้าที่ของ สส. ที่ใช้อำนาจตามกระบวนการนิติบัญญัติ การกระทำของพวกเราไม่ควรจะต้องผิดกฎหมายข้อหนึ่งข้อใด ไม่ควรต้องถูกฟ้องว่าผิดจริยธรรมร้ายแรง
สำหรับกระบวนการทำงานต่อจากนี้ เบื้องต้นหลังจากมีหนังสือเรียกให้ไปรับทราบข้อกล่าวหา โดยมีกรอบเวลา 15 วัน พวกเราจะขอใช้สิทธิ์ขยายกรอบเวลาไปก่อน เนื่องจากช่วงนี้อยู่ระหว่างเตรียมการอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่ก็จะมี สส.บางส่วนเข้าไปรับทราบข้อกล่าวหาของ ป.ป.ช. ก่อนในเบื้องต้น อย่างน้อยเพื่อให้รับทราบรายละเอียดข้อกล่าวหารวมถึงพยานหลักฐานที่ ป.ป.ช. รวบรวมมาได้
ส่วนจะมีบุคคลใดเข้าไปรับทราบข้อกล่าวหาบ้าง ขอยังไม่เปิดเผย เพราะอาจกระทบต่อการเตรียมการของทีมกฎหมายในส่วนนี้ โดยจะมีจำนวนหลาย 10 คน ส่วนบุคคลเหล่านั้นจะดำเนินการอย่างไร หรือจะเข้าไปเป็นพยานให้ ป.ป.ช. ก็เป็นเอกสิทธิ์ของแต่ละคน และไม่คิดว่าเกี่ยวกับการจะลอยแพหรือไม่
"เอกสิทธิ์ในการจะเข้าไปให้ปากคำ หรือจะกล่าวหาอะไรพวกเรา ก็อยู่ที่ตัวพวกเขาเอง สุดท้ายแล้วเราก็รู้กันอยู่ว่าคดีนี้เป็นคดีทางการเมือง สุดท้ายประชาชนที่กำลังเฝ้ามองอยู่ก็จะตัดสินได้เองว่าใครที่อยู่ข้างประชาชนมากที่สุด" นายณัฐพงษ์ กล่าว
นายณัฐพงษ์ ระบุว่า สส. ของพรรคไม่มีความเสียสมาธิใดๆ คดีนี้ไม่ส่งผลต่อพวกเรา เราจะยืนยันการทำงานเพื่อพี่น้องประชาชนต่อไป งานในสภานอกเหนือจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้ว ยังมีชุดกฎหมายต่างๆที่เตรียมยื่นเสนอไว้ตลอดปีนี้
นายณัฐพงษ์ เปิดเผยว่า เบื้องต้นทราบมาว่าไม่ใช่คดีชุดแต่พิจารณาตามการกระทำความผิดที่กล่าวหาเป็นรายบุคคล พรรคได้เตรียมทีมกฎหมายไว้แก้ข้อกล่าวหาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และไม่ยอมให้ ป.ป.ช.มัดรวมเป็นคดีชุดเพื่อเร่งรัดกระบวนการ อยากให้ใช้มาตรฐานเดียวกัน เมื่อเทียบกับหลายคดีที่ผ่านมาของ ป.ป.ช การฟ้องร้องรายบุคคลใช้เวลาไต่สวนเป็นปีกว่าจะยื่นไปยังศาลฎีกา จึงไม่อยากให้ ป.ป.ช.มีหลายมาตรฐาน หรือทำให้คดีนี้ถูกเร่งรัดจนเป็นที่น่าสงสัย จึงอยากให้ดำเนินคดีด้วยความยุติธรรมแบบเดียวกับบุคคลอื่นๆ
"เชื่อมั่นว่า สส.พรรคประชาชนคนอื่นๆที่ยังอยู่ทั้งในและนอกสภาในปัจจุบันยังสามารถทำหน้าที่ได้อย่างเต็มที่ พวกเราต้องไม่เสียสมาธิต่อการฟ้องร้องทางการเมืองในลักษณะนี้ สุดท้ายเสียของประชาชน จะเป็นสิ่งสนับสนุนและตัดสินพวกเราต่อไป"
นายณัฐพงษ์ ยืนยันว่า เราดำเนินการโดยอาศัยอำนาจนิติบัญญัติ การฟ้องร้องว่าพวกเรากระทำผิดจริยธรรมร้ายแรงเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้น ปัญหาที่ใหญ่กว่าอีกเรื่องคือรัฐธรรมนูญ จึงเป็นที่มาว่าเราจึงให้ความสำคัญในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นที่น่าเสียดายที่การประชุมรัฐสภาที่ผ่านมาต้องล่ม การแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ไม่เดินหน้า
"ตราบใดที่เรายังไม่ปลดล็อคปัญหาต่างๆ เหล่านี้ การฟ้องร้องกลั่นแกล้งทางการเมืองด้วยกลไกจริยธรรม ทำให้ สส. และนักการเมืองต้องหลุดออกจากตำแหน่ง ก็ยังมีอยู่ต่อไป" นายณัฐพงษ์ กล่าวทิ้งท้าย