svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

“วันนอร์” ฉะ “บิ๊กโจ๊ก” เจตนาเลวร้าย สงสัยแอบถ่ายคลิปหวังต่อรอง “สุชาติ”

“อ.วันนอร์” เปิดใจ เมตตาไม่ดำเนินคดี “บิ๊กโจ๊ก” ย้ำพา “สุชาติ” มาโดยไม่บอกล่วงหน้า สงสัยหวังต่อรองเรื่องของตัวเองหรือไม่ ซัดเจตนาสุดเลวร้าย

“อ.วันนอร์” เปิดใจ “เนชั่นทีวี” อีกรอบ เน้นใช้หลักเมตตา ไม่ดำเนินคดี “บิ๊กโจ๊ก” ยืนยันหนักแน่น เป็นคนพา “สุชาติ” มาโดยไม่บอกล่วงหน้า โทรหาหลายครั้งอ้างจะถอนเรื่องที่ยื่นถอดถอน พร้อมอธิบายรัฐธรรมนูญมาตรา 236 สภามีอำนาจกลั่นกรองเรื่องถอดถอนกรรมการ ป.ป.ช. ฉะอดีตรองผบ.ตร.จงใจพูดไม่ครบ ทำสังคมไขว้เขว

หลังจาก “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร. ออกมายอมรับล่าสุดว่าเป็น “บุคคลที่สาม“ ในคลิปที่บ้าน อาจารย​วันมูหะมัดนอร์ มะทา  ประธานรัฐสภา จริง ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้นปฏิเสธมาตลอด

ข้อมูลล่าสุดจากเจ้าตัวก็คือ ณ เวลานั้นมีกันอยู่ 3 คน ได้แก่ ตัว ”บิ๊กโจ๊ก“ อาจารย์วันนอร์ และนายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข ประธาน ป.ป.ช. ทั้งยังอ้างว่ามีการพูดคุยกันเรื่องคำร้องถอดถอนนายสุชาติ ซึ่งขณะนั้นเป็นกรรมการ ป.ป.ช. แต่ “บิ๊กโจ๊ก” ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดการพูดคุยทั้งหมด โดยอ้างว่าเกรงจะถูกฟ้อง แต่พร้อมตั้งโต๊ะแถลงข่าว หากอีก 2 คนยืนยันว่าจะไม่ดำเนินคดีหมิ่นประมาทกับตน พร้อมย้ำว่าเรื่องที่คุยกันมีเรื่องเดียว ไม่มีเรื่องสมาคมปักษ์ใต้นั้น 
“วันนอร์” ฉะ “บิ๊กโจ๊ก” เจตนาเลวร้าย สงสัยแอบถ่ายคลิปหวังต่อรอง “สุชาติ”

“อ.วันนอร์” เปิดใจ

ล่าสุด อาจารย์วันนอร์ ให้สัมภาษณ์พิเศษ​“เนชั่นทีวี” อีกครั้ง โดยบอกว่า ได้ติดตามข่าวที่ “บิ๊กโจ๊ก” ให้สัมภาษณ์ล่าสุดแล้ว การที่กล่าวหาว่าตนพูดความจริงเพียงครึ่งเดียวนั้น ขออธิบายว่าสิ่งที่ตนพูด เป็นไปตามมารยาท เพราะการพบปะพูดคุยกัน มีการพูดเรื่องส่วนตัว และถามไถ่กันในเรื่องต่างๆ จึงไม่สามารถเปิดเผยทั้งหมดได้ มิฉะนั้นจะผิดมารยาท 

“คงพูดหมดไม่ได้ เพราะเมื่อพบกันก็นั่งคุยเรื่องส่วนตัวด้วย แต่ทั้งหมดนี้ประเด็นมันจบแล้ว เมื่อโจ๊กยอมรับ ก็ชัดเจน ส่วนข้อเท็จจริงต่อไปก็คือ สรุปแล้วโจ๊กมาที่บ้านมจริง แล้วก็แอบอัดเทป แต่ก่อนหน้านี้บอกไม่ได้ทำ แล้วจะเชื่อคำพูดได้อย่างไร” 

“ความจริงที่ผมโกรธมาก คือมาขอพบ แล้วไปอัดคลิป เจตนาเลวร้ายมาก ไม่มีใครเขาทำกัน ระดับ โดยเฉพาะเป็นระดับพลตำรวจเอก” อาจารย์วันนอร์ กล่าว 

ตีความ มาตรา 234 และ 236

ส่วนประเด็นที่ “บิ๊กโจ๊ก” ให้สัมภาษณ์ทำนองว่า ประธานรัฐสภาไม่มีอำนาจตีตกเรื่องที่ประชาชนเข้าชื่อถอดถอนกรรมการ ป.ป.ช. แต่ต้องส่งให้ศาลฎีกาอย่างเดียวนั้น

อาจารย์วันนอร์ บอกว่า เป็นเรื่องที่อยากอธิบายให้สังคมเข้าใจ เพราะรัฐธรรมนูญมาตรา 236 เขียนไว้ชัดว่า หากประธานรัฐสภาเห็นว่า “มีเหตุอันควรสงสัยว่ากรรมการ ป.ป.ช.มีพฤติการณ์ตามที่กล่าวหา” จึงจะส่งคำร้องให้ศาลฎีกาไปตั้งคณะไต่สวนอิสระ

คิดว่า ”บิ๊กโจ๊ก“ จงใจพูดไม่ครบ เพื่อให้สังคมเข้าใจผิด และขณะนี้สังคมบางส่วนก็เข้าใจไปแบบนั้น จึงขอให้ไปอ่านรัฐธรรมูญให้ครบ คือมาตรา 234 และ 236 ประกอบกัน


“ถ้า สส. สว. หรือประชาชนเข้าชื่อกันแล้ว ส่งมาที่ประธานสภาแล้ว ต้องส่งต่อไปยังศาลฎีกาทุกเรื่อง คนเดือดร้อนคือกรรมการองค์กรอิสระ เพราะถือว่าเป็นบุคคลสำคัญ ถ้าถูกร้องแบบกลั่นแกล้ง แต่ทางสภาไม่กลั่นกรองอะไร ก็จะเดือดร้อนกันทั่ว ไม่ต้องทำงานกันแล้ว”

“เดี๋ยวนี้มีนักร้องเยอะ ผมเป็นกรรมการสรรหาองค์กรอิสระทั้งหลาย รัฐธรรมนูญฉบับนี้ให้อำนาจกรรมการสรรหาเยอะมาก โดยเฉพาะเรื่องจริยธรรม ซึ่งกินความกว้างมาก ถ้ามีการร้องไปที่กรรมการสรรหาว่า ผิดจริยธรรม ต้องออกเลย กรรมการสรรหามี 7 คน เราตีตกไปเกือบทุกเรื่อง เพราะตรวจสอบแล้วไม่มีมูล เป็นการกล่าวหากันลอยๆ”

อาจารย์วันนอร์ บอกอีกว่า คำร้องถอดถอนนายสุชาติ จากตำแหน่งกรรมการ ป.ป.ช. ตนได้ตั้งคณะทำงานขึ้นพิจารณาและแสวงหาข้อเท็จจริง พบว่า เรื่องที่ร้องมา เคยร้องไปที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.แล้ว และถูกตีตกไปแล้ว เมื่อตรวจสอบครบถ้วนจึงไม่มีเหตุอันควรสงสัยที่จะส่งไปศาลฎีกา 

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ “บิ๊กโจ๊ก” อ้างว่ามีผู้ใหญ่จัดให้ไปพบกัน เพื่อเคลียร์คำร้องถอดถอนนายสุชาติ โดยที่ “บิ๊กโจ๊ก” ไม่ได้เกี่ยวข้อง และไม่ได้เป็นคนริเริ่มนัดหมาย ประเด็นนี้ อาจารย์วันนอร์ ย้ำว่า สิ่งที่ “บิ๊กโจ๊ก” พูดไม่เป็นความจริงเลย

“เขาเป็นคนแจ้งมา 2-3 ครั้งทางโทรศัพท์ บอกว่าตัวเขาจะขอถอนเรื่อง ให้ผมช่วยหน่อย ผมก็ตอบไปทันทีว่า ช่วยไม่ได้ ประชาชนสองหมื่นคนรวมรายชื่อกันมา สิ่งที่โจ๊กพูดระหว่างให้สัมภาษณ์ จริงๆ เป็นคำของพูดผมทั้งนั้น ผมเองที่บอกกับโจ๊กไปว่า คุณจะถอนได้อย่างไร คน 2 หมื่นกว่าชื่อเขาจะคิดอย่างไร ถ้าเขาไม่เห็นด้วย สภาก็เสียหาย ฉะนั้นต้องไปถึงขั้นตอนตรวจสอบรายชื่อ ถ้าชื่อครบแล้ว ก็ต้องไปตรวจสาระที่ฟ้องมา ถ้าสาระไม่พอที่จะส่ง ก็ไม่ส่งศาลฎีกา ผมอธิบายไปแบบนี้ บิ๊กโจ๊กยังบอกว่า ดีครับๆ” 

“ผมตั้งข้อสังเกตว่า โจ๊กเหมือนจะเอาหน้าหรือไม่ เป็นคนพามาโดยไม่บอกกล่าวกับผม แล้วให้มาคุยกับผม เผื่อเรื่องจะได้จบ ก็จะไปต่อรองกับคุณสุชาติบางเรื่อง และหวังจะได้ตามที่ต้องการหรือเปล่า แต่พอพามาพบแล้ว คุณสุชาติไม่รับปาก ก็เลยเอาคลิปออก แบบนี้ใช่หรือไม่” ประธานรัฐสภา ตั้งข้อสังเกต 

อาจารย์วันนอร์ ยังบอกด้วยว่า..

“โจ๊กเป็นคนพามา และจัดการทั้งหมด ไม่นึกว่าจะกล้าอัดเทป แล้วปฏิเสธแบบหน้าด้านๆ เขายิ่งพูดยิ่งเสีย ไหนทีแรกปฏิเสธ บอกว่าไม่ได้มา ไม่ได้เกี่ยวข้อง แต่แล้วก็บอกว่ามาจริง มาแล้วมาอัดเทปอีก” 

เมื่อซักว่า “บิ๊กโจ๊ก” พยายามย้ำว่า เข้าพบอาจารย์วันนอร์ที่บ้านก่อนปีใหม่ ไม่ใช่หลังปีใหม่ตามที่อาจารย์ให้ข่าวทีแรก ประเด็นนี้ อาจารย์วันนอร์ อธิบายว่า “ผมเป็นคนไม่ชอบให้คนมาบ้าน โดยปกติไม่มีคนมาบ้านอยู่แล้ว โดยเฉพาะที่กรุงเทพฯ (บางใหญ่ นนทบุรี) แต่ที่ยะลา คนพื้นที่มาปกติ เชิญไปงานบ้างอะไรบ้าง ส่วนที่ กทม.พยายามเลี่ยง ถ้าเป็นเรื่องงานก็ให้ไปพบที่สภา แต่เชื่อว่าโจ๊กไม่กล้าไปสภา” 

“เรื่องวันเวลาที่แน่นอนตอนที่โจ๊กมา ตอนแรกผมจำไมได้ เพิ่งไปดูภาพวงจรปิด จำได้แค่ว่าใกล้ๆ ปีใหม่ ผมยังให้ชาจีนเป็นของขวัญ ถุงสีแดงที่ถือออกไป ก็น่าจะเป็นช่วงเดือนธันวาคม” 

“วันนอร์” ฉะ “บิ๊กโจ๊ก” เจตนาเลวร้าย สงสัยแอบถ่ายคลิปหวังต่อรอง “สุชาติ”

ใช้เมตตา ยังไม่ฟ้องเอาผิด

เมื่อถามอีกว่า จะมีการฟ้องร้องดำเนินคดีกับ “บิ๊กโจ๊ก” หรือไม่ อาจารย์วันนอร์ บอกว่ม ถ้าทำให้เสียหายก็คงจะปล่อยไม่ได้ แต่ถ้าแค่นี้ ยังถือว่าไม่ทำให้เสียหาย ก็จะไม่ดำเนินการอะไร

“เราเป็นผู้ใหญ่ ถ้าไปเอาเรื่องเด็ก เดี๋ยวจะคนจะไปเห็นใจเขาอีก ผมไม่เสียหาย และผมไม่รู้จักกับคุณสุชาติ ถ้าสมมติมีผู้ใหญ่มาขอจริงตามที่โจ๊กว่า เขาก็ไม่ต้องให้สุชาติมา ผมคิดวาสุชาติถูกหลอกให้มา” 

อาจารย์วันนอร์ กล่าวทิ้งท้ายว่า คลิปที่มีการนำไปปล่อย เสียงที่คุยกันถูกตัดออกเยอะเลย เพราะนั่งคุยกันครึ่งชั่วโมงกว่าด้วยซ้ำ ก็ถามทุกข์สุขกัน ในฐานะที่่ตนเป็นเจ้าของบ้าน และก็ถามเรื่องหน้าที่การงาน เรื่องในองค์กร  ป.ป.ช. ว่าตอนนั้นเป็นอย่างไร เหลือกรรมการกี่คน แต่ก็สังเกตอยู่ว่านายสุชาติไม่ค่อยพูด น่าจะถูกหลอกมาหรือเปล่า