
31 มกราคม 2568 ประเด็นร้อนเกี่ยวกับ "มาตรการสกัดแก๊งคอลเซ็นเตอร์" และขบวนการสแกมเมอร์ที่กำลังร้อนแรง ถึงขั้นผู้ช่วยรัฐมนตรีจีนลงพื้นที่แม่สอด จังหวัดตาก ขณะที่รัฐบาลไทย พยายามสกัด facility ทุกอย่างที่เอื้อกับขบวนการผิดกฎหมาย อาชญากรรมข้ามชาติ ที่สร้างเมืองกาสิโน สำนักงานหลอกลวงออนไลน์อยู่ริมชายแดนไทย-เมียนมานั้น
ล่าสุด คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. มีประชุมบอร์ดชุดใหญ่ โดยมีวาระเร่งด่วนต่อเนื่องจากมติการประชุมครั้งที่แล้วคือ การขับเคลื่อนมาตรการสกัดแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่ได้เห็นชอบในหลักการเอาไว้ เพื่อให้นำไปสู่การปฏิบัติโดยเร็ว และเป็นรูปธรรม
โดยประเด็นที่คาดว่าจะนำเข้าสู่ที่ประชุม เพราะเป็นมติรับหลักการจากการประชุมบอร์ด กสทช.ครั้งที่แล้ว ได้แก่
- การปรับปรุง (ร่าง)แนวปฏิบัติการลงทะเบียนและจัดเก็บข้อมูลผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่
- (ร่าง) ข้อกำหนดการใช้เทคโนโลยีชีวิมิติ หรือ Biometrics สำหรับการพิสูจน์และยืนยันตัวบุคคล
1. ผู้ที่ซื้อซิมการ์ดโทรศัพท์ หรือซิมอินเทอร์เน็ต ต้องสแกนใบหน้าทุกครั้ง / ยืนยันตัวตนด้วยเทคโนโลยีชีวมิติ หรือ ไบโอเมทริกซ์
2. การถ่ายภาพ จะต้องมีระบบ Liveness Detection (ไลฟ์เนส ดีเทคชั่น) คือ เทคโนโลยีที่ใช้ในการตรวจสอบว่าบุคคลที่ปรากฏอยู่ในภาพหรือวิดีโอนั้นๆ เป็นคนที่มีชีวิตอยู่จริง โดยใช้การตรวจจับการเคลื่อนไหวของดวงตา กระพริบตา อ้าปาก หันซ้ายหันขวา เหมือนมาตรการของธนาคารที่ทำโมบายล์ แบงกิ้ง
3. คนต่างด้าว เช่น แรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติ ที่ต้องการจะซื้อซิม ต้องลงทะเบียนด้วยพาสปอร์ตเท่านั้น ไม่อนุญาตให้ใช้บัตรแรงงานต่างด้าวอีกแล้ว คือยกเลิกไปเลย
4. ซื้อซิมได้สูงสุด 3 ซิมต่อคนต่อค่าย
5. สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ใช้งานซิมได้ไม่เกิน 7 วัน หากต้องขยายเวลา ขยายได้ไม่เกิน 60 วัน โดยยึดตามระยะเวลาที่กฎหมายอนุญาตให้ท่องเที่ยวหรือพำนักในประเทศไทยสำหรับนักท่องเที่ยวที่ได้ Visa on Arrival คือไม่ต้องขอวีซ่า ซึ่งมีทั้งหมด 93 ประเทศ ให้อยู่ในประเทศไทยได้ไม่เกิน 60 วัน / กสทช.จึงยึดกรอบเวลาเดียวกันนี้
ปรากฏว่า เมื่อถึงเวลาประชุมจริงๆ บอร์ด กสทช.ชุดใหญ่ กลับไม่มีวาระหารือหรือลงมติเกี่ยวกับมาตรการเหล่านี้ เพื่อให้ออกบังคับใช้ทันที จะได้สอดรับกับการเร่งแก้ไขพระราชกำหนดการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ พ.ร.ก.ไซเบอร์ ที่เพิ่งผ่านมติคณะรัฐมนตรีไปเมื่อวันอังคาร
ผลการประชุมที่ออกมาทำให้เกิดกระแสวิจารณ์กันว่า มี “มือที่มองไม่เห็น” ดึงเรื่องสำคัญนี้ออกจากวาระการประชุมหรือไม่ อาจจะเป็นเพราะเกรงใจผู้ประกอบการรายใหญ่ ที่จะได้รับผลกระทบจากมาตรการใหม่ อาจต้องการให้มีเวลาเตรียมการ
มีรายงานว่า กรรมการ กสทช.บางท่าน พยายามเร่งให้มีการประชุมเรื่องนี้เร็วๆ และบรรจุเป็นวาระในการประชุมครั้งหน้าทันที ซึ่งการประชุมจะมีขึ้นใน 2 สัปดาห์ข้างหน้า เพราะปัญหาคอลเซ็นเตอร์เป็นวาระแห่งชาติ และ “รอไม่ได้อีกต่อไป”