"พิธา" อ้อนคนอุบลฯ เลือกขั้วใหม่ แทนขั้วใหญ่เพื่อเปลี่ยนเมืองอุบลฯ

7 ธันวาคม 2567 บรรยากาศที่หอประชุมประจำอำเภอสำโรง จ.อุบลราชธานี นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ พร้อมด้วยนายอภิชาติ ศิริสุนทร อดีตเลขาพรรคก้าวไกล นายคำพอง เทพาคำ ,นายองค์การ ชัยบุตร สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน ครูใหญ่ อรรถพล บัวพัฒน์ ผู้ช่วยหาเสียง และ นายสิทธิพล เลาหะวนิช ผู้สมัคร นายก อบจ.อุบลราชธานี เบอร์2 

ทันทีที่มาถึงเวทีปราศรัย ต่างก็มีประชาชนเข้ามารุมล้อมถ่ายรูป ผูกผ้าขาวม้า บางคนขึ้นไปหอมแก้ม นายพิธา บนเวทีปราศรัย ซึ่งก็ตามสไตล์นายพิธา ได้ทักทายชาวอำเภอสำโรง เป็นภาษาอีสาน ว่า "สบายดีบ่ คิดฮอดหลายๆ เด้อ" พร้อมกับชูผู้สมัครนายก อบจ.คือ นาย สิทธิพล เลาหะสนิช ผู้สมัครเบอร์2 จากพรรคประชาชน เป็นทางเลือกขั้วใหม่ให้ประชาชนตัดสินใจ 

นายพิธา กล่าวว่า สาเหตุที่เลือกมาที่อำเภอสำโรงจังหวัดอุบลราชธานี ก็อยากให้บรรยากาศคึกคักและ ถือโอกาสกลับมาขอบคุณพี่น้องประชาชน ชาวอำเภอสำโรง และวารินชำราบที่เมื่อครั้งเลือกตั้ง ส.ส. เขต4 ได้คะแนนทั้งเขต จึงมาขอบคุณพี่น้องประชาชน ที่เคยให้ความไว้วางใจถึงแม้ว่าจะยุบพรรคไปแล้ว โดนตัดสิทธิ์ไปแล้ว แต่เราก็กลับมาในฐานะผู้ช่วยหาเสียง

สำหรับการลงพื้นที่มาช่วยหาเสียงครั้งนี้ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับ คุณทักษิณ แต่เป็นการมาช่วยหาเสียงให้คุณสิทธิพล และมาหาประชาชนที่ให้ความไว้วางใจ และอยากให้ออกไปใช้สิทธิ์กันเยอะๆ ไม่อยากให้ซ้ำรอยเมื่อครั้งเลือกตั้ง นายกอบจ.อุดร ที่คนมาใช้สิทธิ์น้อย  ซึ่ง กกต.เคยให้สัมภาษณ์ว่า ประชาชนเบื่อการลาออกของ นายก อบจ. ก่อนหมดวาระจึงไม่ออกใช้สิทธิ์เลือกตั้ง จึงอยากฝากไปถึง กกต. ว่า จะมีมาตรการอย่างไรให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งกันให้มากที่สุด

ในเรื่องของคู่แข่งก็มีขั้วการเมืองใหญ่อยู่ เป็นการขีดเส้นให้ประชาชนมีตัวเลือกมากขึ้น นอกจากขั้วใหญ่แล้ว อาจจะให้โอกาสขั้วใหม่ และพยายามเบิกทางในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ให้มีความเจริญเติบโตต่อเนื่อง

ส่วนของพรรคใหญ่ 2 บ้าน ที่อาจจะดูเหมือนเป็นคนละขั้วกัน แต่หากใครที่ติดตามการเมืองมาตั้งแต่ต้น ก็จะรู้ว่าเขามีความเป็นมาอย่างไร  ถ้าภาษาสื่อพูดก็จะบอกว่า “คนกันเองทั้งนั้น” แต่ของเรามันเป็นขั้วใหม่ ถ้าประชาชนอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงก็เลือกขั้วใหม่ ส่วนพรรคเก่าก็อยู่มานานแล้ว แต่การคมนาคมก็ยังไม่ดีขึ้น การท่องเที่ยวก็ยังมีรายได้น้อย เรื่องสาธารณสุขก็ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศ

อย่างไรก็ตาม มาครั้งนี้เชื่อมั่นในศักยภาพของพรรคประชาชน ที่อาจจะมีโอกาสชนะ 2 ขั้วใหญ่ ทั้งตัวของผู้สมัครนายก อบจ. เอง ที่เคยเป็นรองนายก อบจ. มาก่อน อีกทั้งเป็นคนอุบลฯ และเป็นเกษตรกรมาก่อน 

แต่ทั้งนี้ก็ยังต้องดูบริบททางการเมือง ที่ต้องจับตาดูภายใน 2 สัปดาห์ที่จะถึงนี้ และตัวเองจะกลับมาอีกครั้งในวันที่ 20 ธันวาคม 2567 สำคัญที่สุดคือประชาชนเห็นว่าการเลือกตั้ง อบจ. สำคัญมากน้อยแค่ไหน