
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ครั้งที่ 44 และ 45 และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง ที่นครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว หรือ สปป.ลาว ระหว่างวันที่ 8 – 11 ตุลาคม 2567
:: นายกฯ ย้ำการทำงานร่วมกัน-ความเชื่อมโยงของอาเซียนแก้ปัญหาประชาชน ::
โดยในวันนี้ (9 ก.ย.) นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถ้อยแถลงในการประชุมสุดยอดอาเซียนอย่างเป็นทางการ ครั้งที่ 44 (แบบเต็มคณะ) เพื่อย้ำถึงความจำเป็นที่อาเซียนต้องมี “Collective Leadership” หรือการทำงานร่วมกันระหว่างชาติสมาชิกในการแก้ไขปัญหาของประชาชน และส่งเสริมการกินดีอยู่ดีของประชาชนกว่า 700 ล้านคนในภูมิภาค พร้อมย้ำว่า นโยบายต่างประเทศของไทยในการมุ่งมั่น ที่จะเดินหน้าพัฒนาประชาคมอาเซียน ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญนี้ ที่ประเทศสมาชิกอาเซียนต้องเผชิญกับความท้าทายที่ยากและซับซ้อน ทั้งจากการแข่งขันทางภูมิรัฐศาสตร์ จนถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความเสียหายจากพายุไต้ฝุ่น “ยางิ” ที่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างในหลายประเทศของสมาชิกอาเซียน จึงเป็นสิ่งย้ำเตือนให้ประเทศไทยต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนา โดยมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง นอกจากนี้จำเป็นที่จะต้องสร้างประชาคมอาเซียน ที่เชื่อมโยงและยืดหยุ่นในแต่ละปัญหาให้มากยิ่งขึ้น
โดยนายกรัฐมนตรี ได้เสนอประเด็นสำคัญ ด้าน “ความยั่งยืน” ที่อาเซียนต้องร่วมกันดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศ และความเป็นกลางทางคาร์บอน การเปลี่ยนผ่านไปสู่ พลังงานสะอาด การเงินสีเขียว และเศรษฐกิจสีเขียว รวมถึงนวัตกรรมดิจิทัลเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน เพื่อให้มั่นใจได้ว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจในยุคสมัยใหม่นี้จะไม่กระทบสิ่งแวดล้อม หรือเกิดความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม ในภูมิภาค, ประเด็นด้าน“ความมั่นคงของมนุษย์ ” นั้น อาเซียนต้องทำงานร่วมกัน ในการต่อสู้กับทุกวิกฤต เพื่อให้ประชาชนมี อาหาร พลังงาน และสิ่งจำเป็นพื้นฐาน และควรส่งเสริมการเกษตรอัจฉริยะไปพร้อม ๆ กับเกษตรยั่งยืน เพื่อวางรากฐานที่มั่นคงสำหรับผลผลิตและความมั่นคงทางอาหารในระยะยาว ของภูมิภาค
นอกจากนั้น ยังรวมถึง “การบูรณาการระดับภูมิภาคที่ลึกซึ้ง” นั้น นายกรัฐมนตรี ได้สนับสนุนความพยายามของอาเซียน ในการปรับปรุงและยกระดับ FTA กับคู่เจรจา และในฐานะที่ไทยเป็นประธานคณะกรรมการเจรจา ASEAN Digital Economy Framework Agreement (DEFA) จะผลักดันการเจรจาให้แล้วเสร็จภายในปี 2568 เพื่อสร้างเครื่องยนต์กลไก เพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจใหม่ ๆ ในอาเซียน
นายกรัฐมนตรี ยังเห็นว่า สมาชิกอาเซียน ควรหลีกเลี่ยงการเป็นตัวแทนของอำนาจใด ๆ หรือปล่อยให้ภูมิภาคนี้ กลายเป็นเวทีแห่งการแข่งขัน เพื่อสร้างสมดุลเชิงยุทธศาสตร์ และไทย จะทำหน้าที่ส่งเสริมสันติภาพ และความเจริญรุ่งเรืองร่วมกันอย่างแข็งขัน เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการพัฒนาในภูมิภาค และประเทศไทยจะรอการสถาปนาความเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์แบบรอบด้าน ระหว่างอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี และอาเซียน-นิวซีแลนด์ และประเทศไทย พร้อมสนับสนุนข้อริเริ่มของประเทศมาเลเซียในการจัดการประชุม ASEAN-GCC-China Summit ในปีหน้า
:: นายกฯ ร่วมวงผู้นำอาเซียนไม่เป็นทางการ แสดงความกังวลความท้าทายโลกซับซ้อน พร้อมเรียกร้องแก้ไขข้อพิพาทอย่างสันติในภูมิภาค - แนะอาเซียนไม่เลือกข้างรักษาแกนกลางความเป็นหนึ่งเดียว ::
จากนั้น ในช่วงบ่ายวันนี้ (9 ต.ค.) นายกรัฐมนตรี ได้ร่วมเวทีการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ครั้งที่ 45 (แบบไม่เป็นทางการ) โดยได้เห็นพ้อง และมีความกังวล ที่โลกกำลังเผชิญกับความท้าทายที่ซับซ้อนมากขึ้น และความมั่นคงของภูมิภาคอาเซียนกำลังถูกหล่อหลอมโดยปัจจัยภายนอกมากขึ้น การแข่งขันระหว่างมหาอำนาจ และความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก ทำให้ขาดความไว้วางใจ ควบคู่ไปกับความเป็นพหุภาคีนิยมและภูมิภาคนิยมอ่อนแอลง โดยหวังให้อาเซียน มุ่งมั่นในการเสริมสร้างประชาคมอาเซียน รักษาและคงความเป็นอาเซียนที่แข็งแกร่ง และเป็นหนึ่งเดียว เพื่อเสริมสร้างความเป็นแกนกลางของอาเซียน และทำให้กรอบการทำงานที่อาเซียนเป็นผู้นำ มีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับพันธมิตรภายนอก ผ่านการหารือ และความร่วมมือแบบครอบคลุม ภายใต้มุมมองของอาเซียนต่ออินโด-แปซิฟิก
นายกรัฐมนตรี ยังย้ำว่า ไทยมีความกังวลเช่นเดียวกันกับทั่วโลกต่อสถานการณ์ในตะวันออกกลาง รวมถึงวิกฤตด้านมนุษยธรรมในฉนวนกาซา ดังนั้น ไทยจึงสนับสนุนความพยายามทั้งหมด ในการบรรลุข้อตกลงการหยุดยิง การปล่อยตัวพลเรือนทุกคนอย่างไม่มีเงื่อนไข รวมถึงพลเมืองอาเซียน ตลอดจนการเข้าถึงบริการด้านมนุษยธรรมอย่างไม่มีข้อจำกัด ประเทศไทยสนับสนุนการแก้ไขความขัดแย้งโดยสันติ เพื่อบรรลุแนวทางสองรัฐ (two-State solution)
:: นายกฯ ย้ำไทยให้ความสำคัญแก้ปัญหาเมียนมาสูงสุด - แนะเข้าสู่กระบวนการทางการเมือง และหาทางออกทางการเมือง ::
สำหรับประเด็นเมียนมานั้น นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ไทยให้ความสำคัญสูงสุด ในฐานะเพื่อนบ้านที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้ง ตั้งแต่ผู้พลัดถิ่น การอพยพเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย การหยุดชะงักทางการค้า และการดำรงชีวิต ปัญหาสุขภาพของประชาชน ไปจนถึงอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะยาเสพติดและการหลอกลวงออนไลน์ โดยย้ำว่า ไทยจะทำงานร่วมกับมิตรประเทศในอาเซียน และภายนอกเพื่อเมียนมาที่สงบสุข มั่นคง และเป็นหนึ่งเดียว ซึ่งถือเป็นผลประโยชน์ร่วมกันของประเทศในภูมิภาคนี้, ไทยจะมีบทบาทเชิงรุกมากขึ้นในการนำสันติภาพในเมียนมากลับคืนมา โดยจะเพิ่มความร่วมมือทวิภาคีกับเมียนมา และสนับสนุนกระบวนการอาเซียนต่อไป และอาเซียนควรเป็นหนึ่งเดียวในการส่งสารถึงทุกฝ่ายในเมียนมาว่า การใช้กำลังทางทหาร ไม่ใช่ทางออก เป็นเวลาที่ต้องเริ่มพูดคุยกัน ประเทศไทยพร้อมที่จะช่วยเหลือ สิ่งสำคัญคือ ให้ทุกฝ่ายกลับเข้าสู่กระบวนการทางการเมืองและหาทางออกทางการเมือง และอาเซียนควรเร่งให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในระยะสั้น และเร่งการพัฒนาเมียนมาในระยะยาว โดยประเทศไทยได้บริจาคเงิน 290,000 เหรียญสหรัฐฯ ให้กับศูนย์ AHA เพื่อช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในเมียนมาแล้ว และประเทศไทยพร้อมที่จะช่วยเหลือชาวเมียนมามากขึ้น
:: นายกฯ ปาฐกถาผู้นำอาเซียน-ผู้แทนสมัชชารัฐสภาอาเซียน (AIPA) - เสนอ PIPA เสริมสร้างความสอดกฎหมาย อำนวยความสะดวกทางการค้า-มีกฎหมายที่มีประสิทธิภาพ-ส่งเสริมอัตลักษณ์อาเซียน ::
:: นายกฯ หารือทวิภาคีบรูไนฯ พร้อมผลักดัน MOU ความร่วมมือทางด้านฮาลาลและความมั่นคงทางอาหารร่วมกัน ::
นายกรัฐมนตรี ยังได้เข้าเฝ้าฯ เพื่อหารือทวิภาคีกับสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบรูไนดารุสซาลาม (H.M. Sultan Haji Hassanal Bolkiah, Sultan and Yang Di-Pertuan of Brunei Darussalam) โดยทั้ง 2 ฝ่ายเห็นพ้องกันที่จะกระชับความร่วมมือทางเศรษฐกิจ กระตุ้นให้เกิดการลงทุนร่วมกันของทั้ง 2 ประเทศโดยเร็ว รวมถึงการผลักดันความร่วมมือเพื่อป้องกันการหลีกเลี่ยงภาษี ทั้งนี้ บูรไนฯ พร้อมผลักดันการจัดทำ MOU ที่เกี่ยวข้องกับความร่วมมือทางด้านอาหารฮาลาล เช่น ความมั่นคงทางอาหาร และการลงทุนในอุตสาหกรรมอาหารฮาลาลในอนาคต โดยทั้ง 2 ฝ่าย จะอำนวยความสะดวกทางการค้าสินค้าเกษตร และด้านเทคนิคที่เกี่ยวข้องกับการเกษตรที่ยั่งยืน และการจัดการน้ำ
:: นายกฯ หารือทวิภาคีนายกฯ สิงคโปร์ พร้อมร่วมมือ ศก.ดิจิทัล-สนุบสนุนการส่งออกสินค้าเกษตร ::
นายกรัฐมนตรีไทย และ นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์
นายกรัฐมนตรี หารือทวิภาคี ในรูปแบบ Pull-Aside กับนายลอว์เรน หว่อง (Mr. Lawrence Wong) นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ ระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน เพื่อสานต่อความเป็นพันธมิตร และหุ้นส่วนสำคัญในทุกมิติของทั้ง 2 ประเทศ โดยได้เห็นพ้องความร่วมมือทางเศรษฐกิจช่วงครึ่งปีหลังนี้ ซึ่งรัฐบาลไทยต้องการให้สิงคโปร์ช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจดิจิทัล AI รวมถึง Digital Transportation และไทย อยากให้สิงคโปร์ สนับสนุนการส่งออกผลผลิตทางการเกษตร และอาหารของไทย เช่น ไข่ออร์แกนิค เนื้อหมู ในด้านการท่องเที่ยวนั้น นายกรัฐมนตรี เห็นว่า จำเป็นต้องสนับสนุน และเพิ่มการท่องเที่ยวระหว่างกันให้มากขึ้น
นายกรัฐมนตรี ยืนยันกับทางสิงคโปร์ว่า พร้อมให้การต้อนรับประธานาธิบดีสิงคโปร์ ในห้วงการเยือนประเทศไทย อย่างเป็นทางการ ในโอกาสครบรอบ 60 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตในปี 2568 นี้ด้วย
:: นายกฯ ทวิภาคีร่วมกัมพูชาผลักดันเศรษฐกิจ 2 ประเทศ ชูโครงการ 6 ประเทศ 1 จุดหมายปลายทางส่งเสริมท่องเที่ยว พร้อมแสดงความพร้อมแก้ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ-ยาเสพติด ::
นายกรัฐมนตรี ยังได้หารือทวิภาคีกับสมเด็จมหาบวรธิบดี ฮุน มาเนต (H.E. Samdech Moha Borvor Thipadei Hun Manet) นายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรกัมพูชา โดยทั้ง 2 ฝ่าย ได้หารือถึงความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทั้ง 2 ประเทศ ควรดำเนินงานต่อเนื่องตามแผนปฏิบัติการเชื่อมโยงเขตเศรษฐกิจพิเศษตามแนวชายแดน และไทย ได้เสนอโครงการ “6 ประเทศ 1 จุดหมายปลายทาง” (Six Countries, One Destination) เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว และไทย พร้อมส่งเสริมบริการขนส่งสินค้าทางรถไฟ ระหว่างทั้ง 2 ประเทศเพื่อลดต้นทุนโลจิสติกส์ข้ามพรมแดน
นายกรัฐมนตรี ยังแสดงความพร้อมในการจัดการการแก้ไขปัญหาข้ามพรมแดนในประเด็นสำคัญที่มีผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชน ได้แก่ การหลอกลวงทางออนไลน์ ทั้งการช่วยเหลือเหยื่อ และทำลายเครือข่ายอาชญากรรมทั้งหมด, การลักลอบค้ายาเสพติด เป็นต้น
:: นายกฯ หารือทวิภาคีเวียดนามมั่นใจบรรลุเป้าหมายการค้าระหว่างกัน 850,000 ล้านบาท พร้อมขอเปิดเที่ยวบินตรงอุดรธานี-เมืองดังในเวียดนาม ::