
นายชวน หลีกภัย ส.สบัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ อดีตหัวหน้าพรรค กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่าพรรคประชาธิปัตย์จะเข้าร่วมรัฐบาล ว่ายังไม่มีการแจ้งมาจากกรรมการบริหารพรรค แต่ตามระเบียบ
ข้อบังคับพรรคจะต้องขออนุมัติจากที่ประชุมส.สและกรรมการบริหารพรรค
แต่ทราบว่ามีความพยายามของกรรมการบริหารและส.ส.บางคนที่อยากจะเข้าร่วมรัฐบาลตั้งแต่ตอนแรก ซึ่งเห็นได้จากพฤติกรรมในการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีตั้งแต่ครั้งแรก และตอนลงมติร่างพรบ.งบประมาณ จึงเห็นว่าไม่ควรมาอ้างว่าประชาชนอยากให้ร่วม หากอยากเป็นรัฐบาลก็ควรพูดตรงๆว่าอยากเป็น
ทั้งนี้ ส่วนตัวยังยืนยันว่า ไม่เห็นด้วยกับการร่วมรัฐบาล เนื่องจากเคยไปรณรงค์ให้ประชาชนในภาคใต้ไม่เลือกพรรคเพื่อไทย เพราะถูกเลือกปฏิบัติ ไม่พัฒนาภาคใต้ เนื่องจากคนใต้ไม่เลือก จึงไม่อยากทรยศ แต่หากเสียงส่วนใหญ่มีมติให้เข้าร่วมรัฐบาล ก็ต้องว่ากันไปตามมติของพรรค ไม่มีปัญหา เพราะตนไม่ใช่ตัวปัญหาของพรรค ซึ่งตนอยู่กับพรรคมาเกือบ 60 ปีมีส่วนร่วมล้มลุกคลุกคลาน ตกทุกข์ได้ยากมาด้วยกัน ฟื้นฟูพรรคจนกระทั่งได้เป็นรัฐบาล
พร้อมกล่าวว่า " หากอยากเป็นก็บอกตรงๆว่าอยากเป็นรัฐบาลอย่าไปอ้างคนอื่น เราควรพูดเรื่องจริงว่าเพราะอยากเป็น เราก็ไม่ว่าอะไรและหากมติส่วนใหญ่ให้เป็นเราก็ไม่ว่าอะไร แต่ถ้าไปหลอกไปอ้างเหตุผลอะไรมาที่ไม่ตรงกับความเป็นจริงก็ทำให้ คนที่ติดตามเราอยู่จะมีความรู้สึกในทางลบกับพรรคไป"
ส่วนที่มีกระแสข่าว ระบุว่า หากร่วมรัฐบาลนายชวนจะลาออกนั้นนายชวนกล่าวว่า ตนไม่เคยพูดและตนเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น เป็นคนที่ไม่ค่อยพูดมาก ซึ่งตนเคย บอกว่าใครชนะเลือกตั้งได้ที่ 1 เป็นรัฐบาลตอนนั้นตนแพ้ไป 2 เสียง และรวมเสียงได้มากกว่าด้วยซ้ำ แต่ต้องรักษาคำพูด ตนเป็นนักการเมืองที่อยู่มาได้เพราะประชาชนเลือก เพราะความเชื่อถือคำไหนคำนั้น อะไรทำได้ ก็ทำ อะไรทำไม่ได้ก็บอกตรงๆ ตนจึงไม่พูดว่าจะลาออกเพราะถ้าพูดต้องลาออก
เมื่อถามย้ำว่าจะเป็นฝ่ายค้านในรัฐบาลหรือไม่ นายชวน ยืนยันว่า ไม่แน่นอน เพราะตนเป็นนักการเมืองตัวจริง ไม่ใช่นักฉวยโอกาส ไม่ใช่นักกินเมือง ไม่ใช่นักปล้นเมือง โกงเมือง คนเป็นนักการเมือง ตนรู้ในกติกา จึงไม่เป็นฝ่ายค้านในรัฐบาลแต่จะใช้สิทธิ์โดยชอบธรรม ที่มี เช่นกฎหมายที่ดีของรัฐบาลตนก็พร้อมที่จะสนับสนุน ยกเว้นบางเรื่องเช่นหากมีกรณีพฤติกรรมที่ทุจริต หากมีข้อมูลหลักฐานชัดเจนก็ไม่ควรที่จะ ยกขบวนกันไปยอมรับสิ่งเหล่านี้เพราะสิ่งสำคัญที่สุดคือจุดยืนของพรรคต้องมี ไม่ใช่ว่าอะไรก็ได้ซึ่งตอนที่พรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมรัฐบาลในสมัยของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีก็มีการไปเจรจา ไม่ได้อยากเข้าไปเป็นรัฐบาลแล้วขอร่วมหน่อย แต่เป็นการร่วมโดยมีเงื่อนไขว่าจะต้อง แก้ไขไว้เพิ่มเติมรัฐธรรมนูญและประกันรายได้เกษตรกร
นายชวนย้ำว่าไม่ได้มีปัญหาส่วนตัว หรือไปอาฆาตแค้นอะไร อะไรกับนายกรัฐมนตรีหรือคนในพรรคเพื่อไทยแต่ตนต้องการตอบแทนบุญคุณคนภาคใต้โดยการทำหน้าที่แทนชาวบ้าน และที่เหนือไปกว่านั้นคือพรรคมีเกียรติยศมายาวนานมา เราไม่เคยถูกประหนามว่าเป็นพรรคอะไหล่ หรือ ถูกกล่าวหาว่าเป็นพรรคที่คอยเสียบ ตนก็รู้สึกเจ็บร้อนแทน และรู้สึกว่าไม่เห็นมีใครออกมาปกป้องพรรค
และอยากขอร้องว่าหากจะพูดถึง พฤติกรรมคอยเสียบ ขอให้เจาะจงไปที่ตัวบุคคล ที่มีพฤติกรรมเช่นนั้น เพราะพรรคไม่ได้ประกอบด้วยส.สเพียง 25 คนแต่ยังมีสมาชิกซึ่งอยู่ข้างนอกอีกจำนวนมาก และคงไม่พอใจกับพฤติกรรมบางอย่างที่เกิดขึ้น แต่คงไม่สามารถทำอะไรได้ พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าทางพรรคเพื่อไทยไม่ได้ติดใจที่อยากได้พรรคประชาธิปัตย์ไปร่วมรัฐบาลสักเท่าไหร่ แต่ปัญหาคือคนของเราอยากร่วมรัฐบาลมากกว่า
สำหรับกรณีที่มีการ วิจารณ์ว่าหากพรรคประชาธิปัตย์ร่วมรัฐบาลในครั้งนี้ การเลือกตั้งครั้งหน้าจะสูญพันธุ์นั้น นายชวนยืนยันว่าไม่สูญ เพราะอย่างน้อยก็น่าจะเหลือตนอีกคนแต่ไม่มั่นใจว่าได้รับเลือกเข้ามาหรือไม่ อย่างไรก็ตาม เห็นว่ากรรมการบริหารพรรคชุดนี้ก็มาจากชุดที่แล้วจึงน่าจะทราบว่าจุดอ่อนอยู่ตรงไหน และยังเชื่อว่าส.ส. บัญชีรายชื่อในสมัยหน้าน่าจะได้มากกว่าเดิม เพราะจากการลงพื้นที่ เห็นปฏิกิริยาชาวบ้านก็พอจะรู้ว่าหลายคนก็ยังอาลัยและเสียดายพรรคประชาธิปัตย์ แต่ก็ต้องยอมรับว่าตอนนี้ระบบการเลือกตั้งเปลี่ยนไปและคนก็เปลี่ยนไปมาก
นายชวน ยังกล่าวถึงนายเดชอิศม์ ขาวทอง เลขาธิการพรรค ประชาธิปัตย์ระบุว่ามีนักการเมือง มี 2 ประเภท มีพวกที่พูดเก่งชอบตำหนิแต่ทำงานไม่เก่ง ว่า ตนอยู่สภามากว่า 50 ปี ไม่เคยได้ยินว่าแบ่งกันเช่นนี้ และเห็นว่านายเดชอิศม์เป็นฝ่ายค้านมาเกือบ 1 ปีแทบไม่เคยพูดในสภาเลยหรือจะพูดเพียง1 ครั้ง ในขณะที่ลูกชายพูดเก่ง ซึ่งหากพูดอย่างนี้อยากย้อนถามว่าลูกชายทำงานไม่เก่งหรืออย่างไร เพราะลูกชายนายเด็ดอภิปรายงบประมาณได้ดีมาก พร้อมทั้งบอกว่าอยู่สภามา เคยได้ยินแต่ว่านักการเมือง ที่โกงกับไม่โกง และคนที่เป็นคนอภิปรายได้ดีในสภา เป็นเพราะเตรียมตัวมา ดังนั้นจึงไม่ควรพูดเช่นนี้
นายชวนยังเชื่อว่า แม้มีความเห็นต่างในการที่พรรคประชาธิปัตย์จะเข้าร่วมรัฐบาลหรือไม่ ก็ไม่ทำให้พรรคแตก เพราะพรรคประชาธิปัตย์อยู่มายาวนาน ผ่านอะไรมาเยอะ แต่สิ่งสำคัญคือพรรคต้องมีเกียรติและมีศักดิ์ศรี