วันที่ 18 มิถุนายน 2567 เป็นอีกวันที่การเมืองไทย จะมีการพิจารณาคดีที่ความสำคัญ ในวันเดียวกันถึง 4 คดี หนึ่งในคดีที่คอการเมืองให้ความสนใจเป็นอย่างมากคือ คดีที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ตกเป็นผู้ต้องหาที่อัยการสูงสุด มีคำสั่งฟ้องในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 กรณีให้สัมภาษณ์กับเดอะโชซอนมีเดีย (The ChosunMedia) ของเกาหลีใต้เมื่อปี 2558 มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน โดยพนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญานัดส่งตัวฟ้องในวันที่ 18 มิ.ย. เวลา 09.00 น. ท่ามกลางคำถามต่าง ๆ ที่ตามมาเกี่ยวกับคดีของอดีตนายกฯ ผู้นี้
โดยคดีดังกล่าว ในช่วงค่ำของวันที่ 17 มิ.ย. ทางทนายของนายทักษิณยืนยันว่า เวลา 09.00 น. จะเจอกับนายทักษิณที่บันไดศาลอาญาอย่างแน่นอน และจะการให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับตำรวจและอัยการที่ทำคดีนี้
ตอบ “5 คำถามที่พบบ่อย” คดี 112 ทักษิณ
ท้้งนี้ เมื่อย้อนกลับไปช่วงที่อดีตนายกฯ กลับประเทศไทยใหม่ ๆ หากยังจำกันได้ มีการไปสัมภาษณ์ "อุ๊งอิ๊งค์" ว่า คดีของคุณพ่อยังมีเหลืออีกหรือไม่ (นอกเหนือจากคดีที่ได้รับพระราชทานอภัยลดโทษ จนเหลือโทษจำคุกเพียงแค่ 1 ปี)
"อุ๊งอิ๊งค์" ตอบว่า ไม่มีอะไรเหลือแล้ว
แม้จะมีการถามถึงคดีนี้ คือ คดี 112
"อุ๊งอิ๊งค์" ก็แสดงสีหน้างงจริง ๆ และหลุดคำทำนองว่า “เคลียร์ไปหมดแล้ว”
ฉะนั้นจึงอนุมานได้ว่า ครอบครัวชินวัตรร่วมกันตัดสินใจ ให้อดีตนายกฯ ทักษิณกลับไทย เพราะคิดว่าไม่มีคดีเหลือแล้ว หรือมีเหลือก็เคลียร์ไปหมดแล้ว
การมีคดี 112 มาแจ้งข้อหากันที่โรงพยาบาลตำรวจ และสุดท้ายอัยการสูงสุดมีความเห็นสั่งฟ้อง จึงอาจอยู่นอกแผนการเดินทางกลับบ้านแบบเท่ ๆ พอสมควรเหมือนกัน
และวันนี้ 18 มิถุนายน ก็จะเป็นอีกหนึ่งวัน ในการชี้ชะตาอดีตนายกฯ
เรารวมคำถามที่ทุกคนให้ความสนใจ และหาคำตอบเท่าที่พอจะหาได้ มาเล่าให้ฟัง
1.ไป-ไม่ไป?
มีการให้ข่าวจากทีมทนายล่าสุด เจอกัน 9 โมงเช้า ที่บันไดศาลอาญา
**แต่ตามขั้นตอนที่แท้จริง อดีตนายกฯ ต้องไปรายงานตัวที่สำนักงานอัยการสูงสุดก่อน แล้วอัยการจะพาตัวไปยื่นฟ้องต่อศาลพร้อมสำนวนคดี (เรียกว่า ฟ้องมีตัว - หมายถึงมีตัวผู้ต้องหา)
**แต่ระดับ “วีวีไอพี” อย่างนายทักษิณ ส่งทนายไปพบอัยการ แล้วตัวเองไปรอเจอที่หน้าศาลอาญาเลยก็ได้ ข่าวว่าจะไปที่หน้าศาล ให้สัมภาษณ์ซัดกระบวนการไม่ชอบธรรม ที่ฟ้องคดีตัวเอง 1 ดอก ก่อนขึ้นไปสอบคำให้การ และยื่นประกันตัว
2.ความเคลื่อนไหวฝ่ายอัยการ
-นิ่ง เงียบ มีข่าวหนักใจเล็ก ๆ เพราะคดีที่เกี่ยวพันกับบุคคลระดับนี้ ย่อมมีแรงกดดัน
-ฝ่ายอดีตนายกฯ ไม่ชัดเจนว่ายื่นขอความเป็นธรรมหรือไม่
**ข้อมูลจากแวดวงอัยการบอกว่า เอกสารที่ทีมกฎหมายของอดีตนายกฯ ส่งมา ไม่ใช่เอกสารร้องขอความเป็นธรรม แต่เป็นลักษณะบรรยายปัญหาของกระบวนการสอบสวนในชั้นตำรวจว่า ถูกกดดันแทรกแซงจากผู้มีอำนาจฝ่ายการเมืองในยุคนั้น
**อัยการจึงงงว่า ส่งมาทำไม และต้องการให้อัยการทำอะไร
**แต่ในทางการต่อสู้คดี ก็ชัดเจนว่า อดีตนายกฯ ย่อมต้องการให้อัยการเลื่อนนัด หากเป็นไปได้ แต่ถ้าอัยการไม่เลื่อน ก็พร้อมไปศาล
3.ทำไมอดีตนายกฯ จึงตัดสินใจไปรับทราบข้อกล่าวหา และสู้คดีในชั้นศาล
**ประเมินแล้ว ผลดีมากกว่าผลเสีย
-คดีเข้าสู่ชั้นศาล อยู่ในอำนาจศาล บุคคลภายนอกจะแสดงความเห็นไม่ได้อีกต่อไป เพราะมิฉะนั้นจะละเมิดอำนาจศาลทันที
-อดีตนายกฯ สามารถต่อสู้ได้ทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย รวมทั้งสู้ได้ถึง 3 ศาล มีเวลาอีกนาน รวมถึงทิศทางการเมือง และทิศทางกฎหมายในอนาคตด้วย
-หยุดบรรยากาศการลุ้นและสร้างประเด็นทางการเมืองดิสเครดิต เช่น กรณี คุณหมอวรงค์ + คุณไพศาล พืชมงคล ที่ออกมาอ้างเรื่องถุงขนมภาค 2 การเคลื่อนไหวลักษณะนี้ต้องหยุดลง เพราะคดีเข้าสู่ศาลแล้ว
4.ก๊วนดิสเครดิต กำลังหาหลักฐานเพื่อกล่าวอ้างว่ามีการวิ่งเต้นคดี
**มีบุคคลลึกลับเจ้าของฉายา “ซีไอเอ ประเทศไทย” อยู่เบื้องหลัง เสิร์ฟข้อมูลให้ “ตัวเปิด” เล่นผ่านสื่อ
**แต่คุณหมอบางคนผิดคิว โพสต์เยอะเกิน มั่นใจในข้อมูลเกินไป ทำให้เจอย้อนศร คุณทักษิณโผล่ร้านห่านพะโล้ชื่อดัง ดิสเครดิตที่ออกมาอ้างว่า อดีตนายกฯจะอ้างป่วย หนีศาล
5.แนวทางการต่อสู้คดีของอดีตนายกฯ จะเป็นอย่างไร
**ประเด็นนี้น่าสนใจ โดยเฉพาะข้อมูลที่เปิดมาเป็นน้ำจิ้ม ยก 4 ประเด็นเป็นข้อต่อสู้ ฟังขึ้นแค่ไหน สุดท้ายจะรอดหรือไม่ หรือจะชิงหักมุมรับสารภาพให้คดีจบเร็ว
งานใหญ่-คนใหญ่...ไม่ใกล้คุก!
มีคำถามสำคัญที่ใคร ๆ ก็ถามว่า วันนี้ 18 มิ.ย. อดีตนายกฯ จะได้ประกันหรือไม่ บางคนที่ไม่ค่อยชอบอดีตนายกฯ ก็จะพยายามให้ข่าว หรือคิดไปในทำนองว่า นายทักษิณอาจจะไม่ได้ประกัน และมีโอกาสต้องเข้าเรือนจำกันในรอบนี้
คล้าย ๆ กับการสร้างสถานการณ์ว่า ที่อดีตนายกฯ เคยปฏิบัติตัว “เลยธง - ผิดดีล” มาทั้งหมด จะถูกเอาคืนกันหนนี้
แต่ความเป็นจริงอาจจะห่างไกลจากที่พูดหรือวิจารณ์กัน เพราะ
1.คนระดับนายทักษิณ ซึ่งเป็นถึงอดีตนายกฯ และบารมีกับคอนเนคชั่นไม่ธรรมดา หากมีความไม่แน่นอนเรื่องได้ประกันตัว ย่อมไม่มีทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหา หรือให้อัยการเอาตัวไปฟ้องอย่างแน่นอน
**ยังมีเทคนิคกฎหมายหลีกเลี่ยงได้อีกหลายอย่าง เช่น อ้างป่วยกะทันหัน (คดีคุณธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีดีเอสไอ อ้างเหตุต่าง ๆ เพื่อเลื่อนฟังคำพิพากษาศาลฎีกา คดีที่โดนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ฟ้อง ถึง 10 ครั้ง .... อ่านไม่ผิด 10 ครั้ง!!!)
**นายทักษิณบารมีแผ่กว้างกับนายธาริตหลายเท่า ย่อมไม่ตายน้ำตื้นแน่นอน
2.มีผู้ไม่หวังดีกับคุณทักษิณบางคน สร้างภาพว่า ระหว่างรอประกัน ต้องเข้าไปนั่งรอในห้องขังใต้ถุนศาลหรือไม่
เรื่องนี้เราตรวจสอบข้อมูลจาก “ทีมข่าวสายศาลยุติธรรม” เรียบร้อยแล้ว อย่าว่าแต่เข้าไปรอในห้องขังใต้ถุนศาลเลย แค่จะผ่านไปเฉียด ๆ ยังไม่มีทางด้วยซ้ำ
คุณผู้ชมนึกภาพบันไดสูงๆ หลายสิบขั้นหน้าศาลอาญา ริมถนนรัชดาภิเษก
เมื่อเจอกันที่บันไดศาล ให้สัมภาษณ์กันจนเรียบร้อยสบายใจแล้ว ก็จะเดินขึ้นไปที่ “โถงศาล”
ถ้านับเป็นชั้น คือชั้น 2 (ลิฟต์จอดชั้นนี้จะเป็นชั้น 2 แต่คนทั่วไปเรียกชั้น 1)
โถงศาลจะมีจุดตรวจอาวุธ มีห้องทำงานของเจ้าหน้าที่ศาล แนวๆ ประสานงานคดี ตรวจสอบได้ว่า คดีนี้อยู่บัลลังก์ไหน ชั้นไหน
**ปลายทางของนายทักษิณ คือ “ห้องเวรชี้” เพื่อสอบคำให้การ สำหรับผู้ต้องหาที่อัยการนำตัวมาฟ้อง
-ห้องนี้อยู่ด้านหลังอาคารศาลอาญา อยู่ชั้น 1 คือต้องเดินลงบันไดไปจาก “โถงศาล” ซึ่งคือชั้น 2
-บริเวณที่ห้องนี้ตั้งอยู่ จะมีห้องขังผู้ต้องหา และจำเลยที่เบิกตัวจากเรือนจำมารอขึ้นเบิกความ
***ห้องนี้คือ ห้องขังใต้ถุนศาลที่พูดๆ กัน
***แต่นายทักษิณไม่ต้องเฉียดเข้าไปห้องนี้เลย เพราะเดินตรงไปที่ “ห้องเวรชี้” เพื่อให้ผู้พิพากษาสอบคำให้การ เสร็จแล้วก็ให้ทนายไปยื่นประกัน โดยทนายจะไปยื่นที่ชั้น 2 และอดีตนายกฯ ก็จะนั่งรอสัญญาประกันที่ห้องนี้
-ห้องอื่นที่อยู่ใกล้ๆ กัน คือโรงอาหาร และห้องรอผู้มาติดต่อ
-ด้านข้างห้องเวรชี้ จะมีทางเข้า-ออกสำหรับเจ้าหน้าที่ (ชั้นนี้จะเป็นชั้น Ground เป็นชั้นเดียวกับพื้นถนน) ก็จะเดินเข้า-ออกได้ / หากคุณทักษิณไม่อยากให้สัมภาษณ์ จะวนอ้อมมาเข้าด้านนี้ก็ได้ ไม่ต้องเข้าด้านหน้า ตรงบันไดศาล
-เมื่อได้สัญญาประกัน ก็เดินทางกลับไปได้ หลังจากนี้ศาลจะนัดพร้อมคู่ความ และกำหนดวันสืบพยานฝ่ายโจทก์และฝ่ายจำเลยต่อไป