คดี 112 ของ "อดีตนายกฯทักษิณ" ข้อเท็จจริงของการต่อสู้คดีนี้ เท่าที่ปรากฏเป็นข่าวก็คือ อดีตนายกฯยื่นคำร้องขอความเป็นธรรมเพิ่มเติม
ล่าสุดมีข่าวจากแหล่งข่าวในแวดวงอัยการได้อ่านเอกสารที่ “อดีตนายกฯทักษิณ” ยื่นมาแล้ว ให้ข้อมูลว่า เอกสารไม่ได้มีลักษณะเป็นหนังสือร้องขอความเป็นธรรม แต่เป็นการอ้างความไม่ชอบธรรมในกระบวนการสอบสวนคดีนี้ เหมือนเป็นการโยนระเบิดให้อัยการว่าจะตัดสินใจอย่างไรต่อไป จะสั่งสอบใหม่ หรือตรวจสอบหลักฐานในเรื่องนี้ หรือจะเดินหน้าต่อ โดยหากสั่งสอบหรือพิจารณาใหม่ อัยการสูงสุดก็ต้องเป็นผู้ “สั่งเลื่อนคดีเอง” โดยอดีตนายกฯทักษิณไม่เกี่ยวข้อง
ดังนั้นต้องลุ้นว่า 18 มิ.ย.จะมีการเลื่อนนำตัวอดีตนายกฯไปยื่นฟ้องต่อศาลหรือไม่
ที่ผ่านมามีการให้ข่าวโต้แย้งว่า การยื่นคำร้องขอความเป็นธรรมของ “อดีตนายกฯทักษิณ” ไม่มีผลต่อการเลื่อนนัดเอาตัวไปฟ้อง และอดีตนายกฯก็ไม่ได้ต้องการเลื่อน เพราะไม่ได้ขอเลื่อน เป้าหมายที่แท้จริงของอดีตนายกฯคือ เตรียมนำหลักฐานที่ขอความเป็นธรรมนี้ไปใช้ในศาล
สรุปสาระสำคัญในประเด็นยื่นเอกสารขอความเป็นธรรม
ผ่าขั้นตอนคดี 112 ของ “อดีตนายกฯทักษิณ” ในวันที่ 18 มิ.ย.นี้
หากอัยการสูงสุดมองว่า เรื่องที่ขอความเป็นธรรมมาใหม่ไม่มีน้ำหนัก ก็จะไม่รับเรื่อง และยืนยันความเห็นสั่งฟ้อง โดยวันที่ 18 มิ.ย.ก็นำตัวไปฟ้อง แต่ “อดีตนายกฯทักษิณ” ยังสามารถอ้างป่วย หรือติดธุระจำเป็นอื่นได้อีก โดยแจ้งใกล้ๆ ถึงวันนัด หรือในวันนัด ก็อาจสามารถเลื่อนได้
ถ้าอัยการสูงสุดมองว่า คำร้องขอความเป็นธรรมพอจะมีน้ำหนัก หรือยังสงสัยว่ามีน้ำหนักหรือไม่ ก็จะตั้งพนักงานอัยการระดับอธิบดีขึ้นมาเป็นคณะทำงาน เพื่อพิจารณาและให้ความเห็น ซึ่งกรณีนี้ ก็จะส่งผลให้เกิดการเลื่อนนำตัว “อดีตนายกฯทักษิณ”ไปฟ้องโดยปริยาย โดยอดีตนายกฯไม่ต้องขอเลื่อนเอง
การยื่นคำร้องขอความเป็นธรรม หรีอเขียนบรรยายความไม่ชอบธรรมในชั้นสอบสวน น่าจะไม่ได้มีเป้าหมายโดยตรงเพื่อให้พยานหลักฐานที่อ้างเพิ่มนี้ นำไปใช้สู้คดีในศาล เพราะเมื่อศาลรับฟัอง ก็สามารถยื่นพยานหลักฐานฝั่งที่ตนเห็นว่าได้ประโยชน์อยู่ดี และยังสู้ได้อีก 3 ศาล
ดังนั้นสถานการณ์เช่นนี้ การต่อสู้คดีแบบใช้เทคนิคกฎหมาย คงต้องลุ้นกันวันต่อวัน ไม่สามารถฟันธงอะไรได้เลย