
ข่าวจาก “คนในเพื่อไทย” ที่อ้างคำ “อุ๊งอิ๊งค์ แพทองธาร” ซึ่งไม่รู้ว่าจริงหรือไม่ จากวงประชุมพรรคเพื่อไทยเมื่อวันอังคาร (4 มิ.ย.) ที่ผ่านมา สรุปงได้ 2 ประเด็น คือ
ทั้งสองประเด็นค่อนข้างแรง โดยเฉพาะคำว่า ถ้า “นายกฯเศรษฐา” ไปต่อไม่ได้ พรรคร่วมฯและสภาก็ไปต่อไม่ได้ เพราะความหมายมีเพียงอย่างเดียวคือ ยุบสภา ไม่ได้มีทางเลือกว่า “อุ๊งอิ๊งค์” จะขึ้นมาเป็นนายกฯแทน
วันนี้เริ่มมีคนใน "พรรคเพื่อไทย" ออกมาปฏิเสธข่าวว่า “อุ๊งอิ๊งค์” ไม่ได้มีคำพูดประโยคพวกนี้จริงๆ คำปฏิเสธนี้ก็ค่อนข้างสอดคล้องกับมุมวิเคราะห์การเมือง เพราะพิจารณาแล้วก็ไม่น่าเป็นไปได้ว่า พรรคเพื่อไทยจะเลือกเส้นทางยุบสภา หาก “นายกฯเศรษฐา”ประสบอุบัติเหตุทางการเมือง ต้องหลุดจากตำแหน่ง เพราะหากยุบสภา ต้องเลือกตั้งทันที ก็จะแพ้ก้าวไกลทันที
โพลจากสำนักนวัตกรรมเพื่อประชาธิปไตย สถาบันพระปกเกล้า ที่สำรวจความเห็นคนไทยว่า ถ้าเลือกตั้งในไม่กี่วันข้างหน้านี้ จะเลือกใคร
จากผลโพล นำมาถอดเป็นตัวเลขจำนวนที่นั่ง ทั้งแบบแบ่งเขตและบัญชีรายชื่อ สรุปว่า ก้าวไกลน่าจะได้ สส.ถึง 208 คน หรือทะลุ 200 ที่นั่ง ส่วนเพื่อไทยได้แค่ร้อยกว่าที่นั่ง
ขณะที่พรรคอนุรักษ์นิยมทุกพรรค ได้ สส.ลดลง โอกาสที่จะชิงตั้งรัฐบาลด้วยพรรคร่วมฯชุดเดิมเป็นไปยากขึ้น และ “เพื่อไทย” จะยิ่งสูญเสียอำนาจต่อรอง ดังนั้นหากเกิด กรณีต้องสูญเสีย “นายกฯเศรษฐา” พรรคเพื่อไทยคงเลือกทางออกอื่นในทางการเมือง เช่น ใช้แคนดิเดตที่เหลือ ซึ่งยังเหลือ นายชัยเกษม นิติสิริ แต่มีข่าวว่าป่วย และยังไม่ชัดเจนว่าป่วยระดับดำรงตำแหน่งไม่ได้เลยหรือไม่ และสุดท้ายก็ยังมี “อุ๊งอิ๊งค์ แพทองธาร”
แต่ถึงที่สุดแล้ว หากสถานการณ์ทั้งหมดนี้เป็นผลมาจาก “ดีลการเมือง” ระดับ “ซูเปอร์ดีล” กูรูการเมืองก็ยังเชื่อว่า ก่อนจะถึงวันวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ทุกอย่างจะยังเจรจาตกลงกันได้ และ ”นายกฯเศรษฐา“ จะยังได้อยู่ในเก้าอี้ต่อไป