"สุวัจน์"กะเทาะปัจจัยบวกมีอะไรบ้าง-ส่งผลรัฐบาลอยู่ครบเทอม

1 มกราคม 2567 นับเป็นการเปิดศักราชใหม่ โดยเฉพาะในทางการเมือง และยังมีอีกหลายประเด็นให้ต้องติดตาม ทั้งในเรื่องกฎหมายรวมถึงมาตรการต่างๆ ที่รัฐบาลประกาศออกมา จะเป็นจริงและเห็นผลได้ในปีมังกรทองหรือไม่

โดย "นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ" ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวถึงทิศทางการเมืองของพรรคในปี 2567 ว่า จะยังคงทำงานการเมืองต่อไป แต่ยังไม่ได้วางแผนเลือกตั้งใด ๆ เพราะรัฐบาลยังอยู่อีกนาน และมีจุดได้เปรียบ 3 เรื่อง

• เป็นรัฐบาลที่มีเสถียรภาพทางการเมืองสูง 314 เสียง
• เป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง
• ความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง

ทั้งนี้ ซึ่งอาจเป็นปัจจัย ทำให้รัฐบาลอยู่จนครบเทอมก็ได้ ประกอบกับการเลือกตั้งที่ผ่านมา ประชาชนมีความคาดหวังสูงต่อการแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจ โดยนายกรัฐมนตรี เองก็มีความมุ่งมั่นในการทำงาน และขยัน ดังนั้น รัฐบาลต้องทำให้ประสบความสำเร็จ ไม่เช่นนั้นประชาชนก็จะผิดหวัง 

อย่างไรก็ตาม พรรคชาติพัฒนากล้าก็จะสนับสนุนรัฐบาลให้เกิดเสถียรภาพ แม้จะมี 3 เสียง แต่จะสนับสนุนเต็มที่ และจะพยายามใช้บุคลากรของพรรค สนับสนุนรัฐบาล หัวหน้าพรรคฯ ก็เป็นที่ปรึกษานายกฯ และเป็นกรรมการศึกษาแนวทางการทำประชามติเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ ส่วนเลขาธิการพรรคเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรี และ สส. ซึ่งทั้ง 3 คนก็ทำหน้าที่อย่างเต็มที่

ขณะที่ "นายวราวุธ ศิลปอาชา" รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า สถานการณ์การเมืองปี 2567 มีเรื่องราวท้าทายเหมือนกับทุกรัฐบาลที่ผ่านมา ทั้งการอภิปรายทั่วไป และการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล รวมถึงการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี 2567 และ 2568 รวมถึงปัญหาต่าง ๆ ในแต่ละกระทรวง แต่ยืนยันว่า การทำงานในพรรคร่วมรัฐบาลยังเป็นไปด้วยความราบรื่น



ส่วนในปี 2567 สถานการณ์การเมืองจะดุเดือดหรือไม่ เพราะมีร่างกฎหมายสำคัญหลายเรื่องที่ต้องพิจารณา รวมถึงการทำประชามติเพื่อแก้รัฐธรรมนูญนั้น ส่วนตัวเห็นว่า การเมืองดุเดือดทุกปี ไม่มีวันไหนหรือปีไหนที่ไม่ดุเดือด และการจัดการออกเสียงประชามติจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นั้น จะเป็นประเด็นที่ท้าทายสังคม รวมถึงแต่ละกลุ่มมีความเห็นที่แตกต่างกันในการออกแบบรัฐธรรมนูญ จึงเป็นที่มาของการตั้ง สสร. และการถามความเห็นประชาชน