10 ธันวาคม 2566 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โพสต์ข้อความผ่านทวิต X และเฟซบุ๊ก “เศรษฐา ทวีสิน - Srettha Thavisin” ว่า “10 ธันวาคม วันรัฐธรรมนูญของประเทศไทย
รัฐบาลบริหารราชการแผ่นดิน ภายใต้บทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ ดังนั้นรัฐบาลจึงมีหน้าที่ทำให้รัฐธรรมนูญมาจากประชาชน
การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นภารกิจใหญ่ จะอาศัยเพียงพลังของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ได้ แต่ทุก ๆ ภาคส่วนในสังคมจะต้องช่วยกันผลักดันเพื่อให้เราไปถึงเป้าหมาย นั่นคือ การมี ‘รัฐธรรมนูญฉบับประชาชน’ ครับ”
ขณะที่ นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้ว่าวันนี้ 10 ธันวาคม ซึ่งตรงกับวันรัฐธรรมนูญ ขอชวนให้ประชาชนมั่นใจในกระบวนการทำงานของรัฐบาล เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 โดยให้ทุกคนมีส่วนร่วม
ขณะนี้คณะอนุกรรมการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน เกี่ยวกับแนวทางในการทำประชามติเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญฯ ได้ลงพื้นที่รับฟังความคิดเห็นประชาชนครบทั้ง 4 ภาคของไทยแล้ว ครอบคลุมทั้งกลุ่มชาติพันธุ์ในพื้นที่ ภาคเหนือ กลุ่มผู้ใช้แรงงานในพื้นที่ภาคกลาง กลุ่มประชาชนในพื้นที่ชนบทในพื้นที่ภาค ตะวันออกเฉียงเหนือ และกลุ่มพี่น้องชาวมุสลิมในพื้นที่ภาคใต้
ซึ่งความคิดเห็นจากกลุ่มตัวอย่าง (focus group) ดังกล่าว ถือเป็นกลุ่มคนส่วนใหญ่ และมีส่วนรวมทางการเมืองอย่างมาก โดยคาดว่าจะมาออกเสียงประชามติถึงกว่าร้อยละ 75 จากกลุ่มตัวอย่างที่ไปดำเนินการสำรวจ โดย นายนิกร จำนง ประธานคณะอนุกรรมการฯ เห็นว่า หากสามารถเดินหน้าสร้างความเข้าใจและประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบว่า รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ที่รัฐบาลกำลังดำเนินการรับฟังความคิดเห็นอยู่ในขณะนี้ มีความเกี่ยวพันกับประชาชนทุกคน ก็จะมีส่วนช่วยให้มาออกเสียงประชามติได้อย่างมาก
ทั้งนี้จากการลงพื้นที่รับฟังความคิดเห็นจากกลุ่มตัวอย่าง 4 ภาคของไทย มีแนวคำถามในการรับฟังความคิดเห็นเบื้องต้น โดยมีผู้ตอบคําถามจากกลุ่มประชาชนตัวอย่างทั้งสิ้น 240 คน โดยคำตอบที่สอบถามจะเป็น
1.เห็นด้วยหรือไม่ที่จะให้มีการจัดทำรัฐธรมนูญฉบับใหม่ โดยเห็นด้วย 194 คน ไม่เห็นด้วย 46 คน
2.ในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เห็นด้วยหรือไม่ ที่จะคงเนื้อหาในหมวด 1 บททั่วไป และ หมวด 2 พระมหากษัตริย์ เห็นด้วย 167 คน ไม่เห็นด้วย 70 คน
3.หากมีการจัดทำประชามติ เรื่องการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จะไปใช้สิทธิออกเสียง หรือไม่ ไป 230 คน ไม่ไป 5 คน เป็นต้น
โดยขั้นต่อไป เมื่อเปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎร คณะอนุกรรมการฯ จะนำผลการรับฟังความคิดเห็น ที่ได้ส่งแบบสอบถามไปยังสมาชิกวุฒิสภา 250 คน และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 500 คน แล้วมาสรุปรวมความคิดเห็นจากกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด ตลอดจนตัวแทนกลุ่มอาชีพ 15 กลุ่มที่ได้เชิญมารับฟังแล้วที่ทำเนียบรัฐบาล ตลอดจนความเห็นของประชาชนคนหนุ่มสาว รวมทั้งพรรคก้าวไกลที่ไม่ส่งคนมาร่วมในคณะกรรมการ
หลังจากนั้น ประมาณปลายปี 2566 นี้จะมีการจัดประชุมคณะกรรมการฯ ชุดใหญ่ของคณะกรรมการศึกษาแนวทางการทำประชามติแก้รัฐธรรมนูญ ที่มีนายภูมิธรรม เวชยชัย เป็นประธาน ซึ่งในการประชุมดังกล่าว จะเป็นการสรุปผลคณะอนุกรรมการฯ 2 ชุด คือ คณะอนุกรรมการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับแนวทางในการทำประชามติ เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560และคณะอนุกรรมการศึกษาแนวทางทำประชามติให้สอดคล้องกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อสรุปความคิดเห็นเป็นรายงานผลการศึกษาเสนอคณะรัฐมนตรี เพื่อประกอบการตัดสินใจดำเนินการต่อไป
“รัฐบาลมีความมุ่งมั่นตั้งใจเป็นอย่างมาก ในการรับฟังความเห็นจากทุกฝ่ายโดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงพื้นให้ครอบคลุมทั้ง 4 ภาคแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน ควบคู่กับการเดินหน้าสร้างความเข้าใจ และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบว่า รัฐธรรมนูญมีความเกี่ยวพันกับประชาชนทุกคน รัฐบาลอยากให้ประชาชนทุกคนมีส่วนร่วม เพื่อให้ได้มาซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยที่เป็นของคนไทยทุกคน” นางรัดเกล้า กล่าว