svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

รวมของร้อนรอรับรัฐบาลวันเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร

เหลือเพียงอีก 1 สัปดาห์ ก็จะเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรสามัญประจำปีครั้งที่ 2 ในวันที่ 12 ธ.ค. นี้ ซึ่งก็มีเรื่องร้อนรออยู่ให้กับรัฐบาล

แต่ประเด็นที่น่าจับตาเพราะเป็นโอกาสให้ฝ่ายค้าน ใช้เวทีนี้เพื่อตรวจสอบรัฐบาล โดยผ่านกลไกที่มีอยู่ของระบบนิติบัญญัติ ที่ระบุไว้ตามรัฐธรรมนูญ อย่าง

  1. กระทู้ มาตรา 150 
  2. อภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจ มาตรา 151
  3. อภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ มาตรา 152  

โดยข้อ 2 และ 3 นั้น สามารถทำได้ปีละครั้ง

ดังนั้น ในสมัยประชุมที่กำลังจะเปิดนั้น รัฐบาลเตรียมเผชิญหลายเรื่องราวด้วยกัน หรือแม้แต่สมัยประชุมหน้าในปี 2567 โดยเฉพาะการเปิดอภิปรายทั้งทั่วไปแบบไม่ลงมติ กระทั่งอภิปรายไม่ไว้วางใจ หรือ ซักฟอก ครม.เป็นรายบุคคล หรือทั้งคณะ จากฝ่ายค้าน
 

นอกจากนี้ ยังไม่นับรวมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) สามัญ ซึ่งเป็นหนึ่งเครื่องมือของฝ่ายค้าน เนื่องจากได้ กมธ. สำคัญ ๆ หลายคณะ มาใช้เป็นเครื่องมือติดตามตรวจสอบรัฐบาล ทั้งเรื่องเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท การเปลี่ยนสัญญาจัดซื้อเรือดำน้ำเป็นเรือฟริเกต หรือแม้แต่คดีหมูเถื่อน 

ขณะเดียวกัน นอกจากกลไกที่กล่าวมาทั้งหมดที่ฝ่ายค้านเตรียมนำมาใช้แล้ว

ทว่า ยังมีเรื่องของกฎหมายอีกหลายฉบับ ที่รอบรรจุเข้าสู่การพิจารณาของสภาในสมัยที่จะถึง และสุ่มเสี่ยงเป็นสายล่อฟ้าให้กับรัฐบาล "เศรษฐา ทวีสิน" นายกฯ และรมว.คลัง

มาเริ่มกันด้วยกฎหมาย 

1.ร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 500,000 ล้านบาท 

แม้ล่าสุด "จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์" รมช.คลัง ยืนยันระหว่างการไปประชุม ครม.สัญจร ที่ จ.หนองบัวลำภู วานนี้ (4ธ.ค.) โดยได้ส่งคำถามไปให้คณะกรรมการกฤษฎีกาแล้วว่า การออกพ.ร.บ.ฉบับนี้ จะชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ พร้อมย้ำถึงสาเหตุที่ล่าช้า เนื่องจากมีการเติมตัวเลขทางเศรษฐกิจ ของสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สศช. เข้าไปด้วย เพื่อไม่ขัดต่อวินัยการเงินการคลัง 

หากคณะกฤษฎีกาเห็นชอบแล้ว ก็จะเข้าสู่กระบวนการยกร่าง พ.ร.บ. ซึ่งมั่นใจว่าจะใช้เวลาไม่มาก ก่อนเสนอให้ ครม. พิจารณา ก่อนเสนอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาตามขั้นตอนภายในสมัยประชุมที่จะถึงนี้ และยืนยันว่าทุกอย่างยังเป็นไปตามไทม์ไลน์เดิมตามที่เคยประกาศไว้

สมมติหากเป็นตาม รมช.คลัง ระบุไว้จริง โอกาสที่ฝ่ายค้านจะใช้กลยุทธ์อื่นก็มีอยู่ โดยเฉพาะที่กล่าวมาข้างต้นทั้ง 2 แบบ เพื่อเปิดแผลขยายผล สะท้อนให้เห็นความล้มเหลวของโครงการนี้

2.ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567

เรียกได้ว่าเป็นวาระที่รัฐบาลทุกชุดจะโดนอภิปรายชนิดทัวร์ลง ไม่ต่างอภิปรายไม่ไว้วางใจ และประเด็นที่ทำให้ถูกถล่มหนักขึ้น คือ  

  • จัดทำงบประมาณล่าช้า เหมือนรอเวลาให้เงินหมื่นดิจิทัลมีความชัดเจน
  • ตัดงบอ่อนไหว และเคยเป็นนโยบายหาเสียงของเพื่อไทยน้อยเกินไป เช่น การจัดซื้ออาวุธ และงบประมาณกองทัพ ฯลฯ 
  • หากกฎหมายกู้เงิน 500,000 ล้านบาท ทำไม่ได้ เพราะกฤษฎีกาท้วงติง รัฐบาลอาจหันมาใช้งบปี 67 บางส่วนในการแจกเงินหมื่น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อภาพรวมงบประมาณ และถูกกระหน่ำจากฝ่ายค้านได้เช่นกัน

3.ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม

โดยมีร่างที่รอบรรจุอยู่แล้ว เช่น ของพรรคก้าวไกล และมีร่างที่ค้างอยู่จากสภาชุดที่แล้ว คือ "นพ.ระวี มาศฉมาดล" หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ แต่ต้องหาคนยืนยันหรือหาพรรคการเมืองเสนอใหม่ เนื่องจากร่างกฎหมายน่าจะตกไปแล้ว อีกทั้ง พรรคหมอระวี เอง ก็ไม่มีสส.ในสภา 

ทว่า ร่างของพรรคเพื่อไทย หรือพรรคร่วมรัฐบาล ที่เตรียมจะเสนอประกบกับของพรรคก้าวไกล ก็ถือว่ามีความจำเป็นในการเพลย์เซฟทางการเมือง และแสดงให้เห็นว่าเพื่อไทยเอง ก็ไม่ได้ทอดทิ้งประชาชนที่ต่อสู้ร่วมกันมา แต่ไม่เอาด้วยกับบางเงื่อนไขของก้าวไกล โดยเฉพาะ มาตรา 112 

ทั้งนี้ โอกาสที่กฎหมายนิรโทษกรรมจะนำไปเป็นชนวนขัดแย้งรอบใหม่ ก็ดูจะมีง่ายเพียงปลายนิ้วสะกิด เนื่องด้วย

  • จุดยืนแต่ละฝ่ายแตกต่างกันสิ้นเชิง โดยเฉพาะนิรโทษฯ มาตรา 112  
  • ความเห็นต่างจากบางฝ่ายคาใจหากจะนิรโทษคดีการชุมนุมของคนเสื้อแดง ซึ่งคู่ขัดแย้งไม่ใช่ก้าวไกล แต่อาจกลายเป็นรวมไทยสร้างชาติ กับเพื่อไทย หรือไม่

 4.ร่างแก้ไข พ.ร.บ.ประชามติ

ประเด็นนี้ถูกมองมีการดึงเกมจนยืดยาด หรือแทบมองไม่เห็นว่าเริ่มนับหนึ่งยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จะเกิดขึ้นได้เมื่อไหร่

แม้กฎหมายประชามติ ฝ่าย สส. หลายคนจะเห็นด้วยให้แก้ แต่ฝ่าย สว. ค้านแน่ และหากกฎหมายผ่าน ก็ต้องมาเถียงกันต่อเรื่อง "คำถามประชามติ" จะต้องมีหน้าตาเป็นแบบไหน ก็ยิ่งทำให้ยืดเยื้อยาวนาน